x close

สุภาภรณ์ แสงทอง ผู้สมัครส.ส.เขต 2 กรุงเทพฯ อดีตมิสทีนไทยแลนด์

          สุภาภรณ์ แสงทอง อดีตมิสทีนไทยแลนด์ เปิดใจหลังลงเล่น การเมือง เผยนโยบาย พรรคมัชฌิมาธิปไตย ดีและชื่นชอบในตัว ประชัย เลี่ยวไพรัตน์ หัวหน้าพรรคพรรคมัชฌิมาธิปไตย มั่นใจเป็นคนที่เก่ง มีความสามารถในการบริหาร เป็นมืออาชีพด้านเศรษฐกิจ ว่าแล้วเราไปอ่าน ข่าว บทสัมภาษณ์ สุภาภรณ์ แสงทอง ก่อน การเลือกตั้ง กันดีกว่า 

สุภาภรณ์ แสงทอง



          บทสัมภาษณ์ นส.สุภาภรณ์ แสงทอง อดีตมิสทีนไทยแลนด์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 กรุงเทพฯ

          ใครเป็นคนที่ชักชวนคุณมาลงสมัครรับเลือกตั้งและเหตุผลที่ตัดสินใจมาทำงานการเมือง

          "เราทำงานอยู่ในวงการบันเทิงเวลาที่มีเลือกตั้ง ผู้สมัครเคยชวนเราไปช่วยหาเสียงแล้วเราก็เริ่มลองหาเสียงกับคุณพรทิวา นาคาศัย(ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดชัยนาท พรรคมัชฌิมาธิปไตย),คุณอนุชา นาคาศัย ทั้ง 2 ท่านจึงได้ชักชวนให้มาลงสมัครในพื้นที่เขตคลองเตย เนื่องจากเป็นคนในพื้นที่ แต่สุก็ตอบว่าขอดูก่อน ต่อมาได้ศึกษาดูนโยบายของพรรคแล้วรู้สึกสนใจ คิดว่าเป็นนโยบายที่ดีและชื่นชอบในตัวท่านประชัย เลี่ยวไพรัตน์หัวหน้าพรรคคิดว่าท่านเป็นคนที่เก่ง มีความสามารถในการบริหาร เป็นมืออาชีพด้านเศรษฐกิจ ในการมีหัวหน้าพรรคที่เก่งขนาดนี้ ทำให้เกิดเป็นแรงผลักดัน เป็นการสร้างความมุ่งมั่น มีความเชื่อว่าต้องประสบความสำเร็จแน่ และเลขาธิการพรรคคุณอนงค์วรรณ เทพสุทินเป็นผู้หญิงเก่งมีความสามารถ เพราะฉะนั้นเวลาคุยกันระหว่างผู้หญิงกับผู้หญิง เวลาที่เรื่องเดือดร้อน หรือการขอคำปรึกษาในเรื่องต่างๆเช่นการออกพื้นที่ เลยทำให้เกิดความรู้สึกมั่นใจมากขึ้นในการลงรับสมัครจึงทำให้อยากมาสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคมัชฌิมาธิปไตยและส่วนตัวชอบพรรคมัชฌิมาธิปไตยอยู่แล้ว เพราะมัชฌิมาคือทางสายกลางและชื่นชอบในตัวของคุณอนงค์วรรณ เทพสุทินและคุณสมศักดิ์ เทพสุทิน ก็เลยตั้งปณิธานว่าจะขอลงสมัครในเขต 2 กรุงเทพมหานคร"

          คุณมองการเมืองไทยในปัจจุบันนี้เป็นอย่างไร

          "ที่ผ่านๆมาเราอย่าไปพูดถึงมันดีกว่า ซึ่งในปัจจุบันสิ่งที่ไม่ดีเราก็ปล่อยให้มันผ่านไปเราต้องมามองว่าเราจะทำอย่างไร ถ้าเรามัวแต่ทะเลาะกันแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน ต่างๆคนต่างคิดว่านู่นดีกว่านี่ดีกว่า แล้วทำไมเราไม่มาร่วมมือกันไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนก็ตามแล้วเฟ้นหาผู้ที่ดีที่สุดมีความสามารถมาเป็นเป็นผู้นำประเทศ เพราะในช่วงนี้เศรษฐกิจของประเทศเราย่ำแย่ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องฝากไว้กับพ่อแม่พี่น้องประชาชนไว้ว่าอยากให้คำนึงถึงเศรษฐกิจ เพราะเศรษฐกิจเป็นตัวบ่งชี้ถึงทรัพย์สินทุกอย่าง ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี เงิน ค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพซึ่งปัจจุบันถือว่าสูงเมื่อนำมาหักลบกับเงินได้ทำให้ไม่พอใช้ ทำให้เกิดการขโมย เกิดการกระทำผิดกฎหมายขึ้นเยอะ ถ้าเศรษฐกิจดีขึ้นรายรับดีขึ้นก็จะลดปัญหาในส่วนนี้ไปได้ ซึ่งในนโยบายพรรคของเราที่จะช่วยเหลือก็มีอยู่คือในส่วนของการให้เงิน 1,500 บาทในกรณีของผู้สูงอายุ คนพิการที่ไม่มีรายได้ ไม่มีผู้ดูแล ทางด้านการศึกษาเราก็มีนโยบายคือเรียนฟรีถึงมหาวิทยาลัย ตามสโลแกน
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สุภาภรณ์ แสงทอง ผู้สมัครส.ส.เขต 2 กรุงเทพฯ อดีตมิสทีนไทยแลนด์ โพสต์เมื่อ 29 พฤศจิกายน 2550 เวลา 00:00:00 11,673 อ่าน
TOP