สำนักข่าวทีนิวส์ แถลงการณ์ยืนหยัดอุดมการณ์ทำหน้าที่ของสื่อมวลชนเต็มที่ อย่างตรงไปตรงมา ชี้ ธนาธร เป็นอันตราย มีความคิดต่อต้านสถาบันฯ-ชังเจ้า
ดังที่ผ่านมา ปรากฏการดำเนินการของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ได้เคยร่วมก่อตั้ง ให้ทุน สนับสนุนนิตยสาร "ฟ้าเดียวกัน" ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ชัดว่ามีการนำเสนอเนื้อหาที่วิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์โดยเปิดเผย และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ที่อาศัยฐานะของนักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย วิพากษ์วิจารณ์การดำรงอยู่ของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ก็ยังสามารถทำได้แม้จะไม่ใช่ฉันทามติของคนในสังคมก็ตาม ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะบุคคลและกลุ่มบุคคลเหล่านี้ ต่างรู้ในข้อกฎหมาย และจงใจดำเนินการความคิดความเห็นที่แตกต่างไม่ให้ผิดกฎหมายที่มีอยู่ ทั้ง ๆ ที่โดยพื้นหลังและเจตนาแล้ว บุคคลและกลุ่มบุคคลเหล่านี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าตนเองและพวกมีจุดยืนทางการเมืองที่อยู่คนละฝั่งกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
แม้นายธนาธร
และพรรคอนาคตใหม่ จะพูดเสมอต่อสาธารณะว่ามีจุดยืน
ต้องการทำให้ประเทศเป็นประชาธิปไตย ต้องการต่อต้านเผด็จการทหาร
ต้องการต่อต้านรัฐประหาร แต่ในอีกทางหนึ่ง นายธนาธรกลับสนับสนุนโดยเปิดเผยให้มีหนังสือที่มีเนื้อหา "ต่อต้าน"
สถาบันพระมหากษัตริย์
ซึ่งนายธนาธรจะอ้างว่าเป็นการดำเนินการของกองบรรณาธิการ ไม่เกี่ยวกับตน
แต่ถ้านายธนาธรไม่ได้มีความคิดต่อสถาบันในแนวทางเดียวกัน
ทำไมถึงไม่แสดงการทักท้วง ห้ามปราม
ซึ่งสามารถทำได้ในฐานะผู้ก่อตั้งและให้ทุนสนับสนุน
ถ้านายธนาธรไม่ได้มีความคิดในทางลบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำไมถึงไม่ปฏิเสธการร่วมงานทางการเมืองกับนายปิยบุตร ที่เคยแสดงความเห็นว่า "กษัตริย์มีพระราชดำรัสสดกับประชาชนไม่ได้ สิ่งที่กษัตริย์จะตรัสต่อประชาชน ควรเป็นสิ่งที่ยกร่างโดยฝ่ายบริหาร" แต่กลับร่วมกับนายปิยบุตร ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ และนายปิยบุตรเป็นถึงเลขาธิการพรรค
พฤติกรรมของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ เป็นที่ชัดเจนว่ามีจุดยืนอยู่คนละฝั่งกับสถาบันพระมหากษัตริย์ อยู่ตรงข้ามกับเสียงส่วนใหญ่ของสังคมไทยที่ยังรักและจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ หรืออาจเรียกง่าย ๆ ว่ามีความคิดแบบ "ต่อต้านสถาบันฯ" หรือ "ชังเจ้า" (anti-royalism) เห็นว่า การดำรงอยู่ของสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างที่เป็นมาโดยตลอดในสังคมไทย ไม่สามารถไปด้วยกันได้กับการเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง กระทั่งจะต้องมีการดำเนินการลดทอนสถานะและอำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งในทางรัฐธรรมนูญ ทางกฎหมาย และทางวัฒนธรรม (ดังที่มีความพยายามดำเนินการตลอดมา) เพื่อให้ได้มาซึ่งความเป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ โดยแท้จริง
นอกจากนี้การพูดของนายธนาธรอาจเป็น
"อันตราย" ในประเด็นศาสนา
เพราะขาดการศึกษาและการทำความเข้าใจปัญหาสังคมอย่างลึกซึ้ง รอบด้าน
ทำให้นายธนาธรได้แสดงความคิดเห็นในประเด็นที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อน
โดยก่อให้เกิดความเข้าใจผิด เช่น เรื่องปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้
ที่นายธนาธรกล่าวว่า "รัฐไทยไม่ควรจะอุปถัมภ์ศาสนาพุทธ
เพราะมันทำให้ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แก้กันไม่จบ" และ
"ผู้คนที่อยู่ใน 3 จังหวัด แง่หนึ่งก็เหมือนเป็นพลเมืองชั้นสอง"
ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดพลาด คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง เพราะปัญหาใน 3
จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ได้มีสาเหตุมาจากรัฐอุปถัมภ์พุทธศาสนา และพี่น้องใน 3
จังหวัดภาคใต้ก็อยู่กันอย่างเป็นปกติสุข
ไม่เคยอยู่ในสถานะพลเมืองชั้นสองแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นศาสนาใด
ซึ่งการพูดที่ผิดพลาดในประเด็นละเอียดอ่อนเหล่านี้ของนายธนาธร
อาจเป็นเหตุให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างศาสนาและอาจทำให้เกิดความแตกแยกขึ้นได้
และนับได้ว่าเป็นอันตรายต่อสังคมยิ่ง
จากจุดยืนของสำนักข่าวทีนิวส์ที่ได้กล่าวมาตั้งแต่ต้น การที่พรรคอนาคตใหม่ฟ้องสำนักข่าวทีนิวส์ว่าใส่ร้ายและหมิ่นประมาทนายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่นั้น (แม้ว่าจะเป็นการ "เลือกปฏิบัติ" อย่างชัดเจนเพราะมีความจงใจฟ้องเฉพาะสำนักข่าวทีนิวส์เพียงสำนักเดียว เพื่อไม่ให้สำนักข่าวทีนิวส์รายงานข่าวนายธนาธรต่อประชาชน) ซึ่งสำนักข่าวทีนิวส์ถือว่าได้ทำหน้าที่ของสื่อมวลชนที่พึงมีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่างเต็มที่และตรงไปตรงมา อันเป็นเรื่องที่ดีที่ข้อเท็จจริงและความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับพฤติกรรมของนายธนาธร นายปิยบุตร และพรรคอนาคตใหม่ ที่มีเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งหมด จะได้นำเสนอในการพิจารณาในชั้นศาล และจะปรากฏต่อสาธารณะต่อไป ซึ่งสำนักข่าวทีนิวส์จะไม่เปลี่ยนแปลงในจุดยืนนี้ และจะทำหน้าที่สื่อมวลชนด้วยจุดยืนนี้ตลอดไป
วันที่ 6 มีนาคม 2562 สำนักข่าวทีนิวส์ ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับนายธนาธร
จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โดยระบุว่า
สำนักข่าวทีนิวส์ก่อตั้งขึ้นมาและทำหน้าที่สื่อมวลชนมาด้วยจุุดยืนที่ชัดเจน
คือ การนำเสนอข่าวสารที่วางอยู่บนความคิดว่า ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
เป็นสถาบันหลักของสังคมไทยมาอย่างช้านาน
ที่ผ่านมายามประเทศไทยเราเกิดวิกฤตครั้งแล้วครั้งเล่า
หากเป็นเพราะเรามีสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นหลักร่วมรวมใจของสังคม
ร้อยรัดสังคมไทย คนไทย ให้ผ่านพ้นวิกฤตมานับครั้งไม่ถ้วน
และแม้ว่าจะมีบางความคิด ความเห็นที่แตกต่าง
แต่กระนั้นหากความคิดและความเห็นที่แตกต่างกันนั้นอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายที่มีอยู่
สังคมไทยเราก็ยอมที่จะให้สามารถแสดงความคิดและดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ
ได้ตามกรอบของกฎหมาย
ดังที่ผ่านมา ปรากฏการดำเนินการของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ได้เคยร่วมก่อตั้ง ให้ทุน สนับสนุนนิตยสาร "ฟ้าเดียวกัน" ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ชัดว่ามีการนำเสนอเนื้อหาที่วิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์โดยเปิดเผย และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ที่อาศัยฐานะของนักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย วิพากษ์วิจารณ์การดำรงอยู่ของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ก็ยังสามารถทำได้แม้จะไม่ใช่ฉันทามติของคนในสังคมก็ตาม ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะบุคคลและกลุ่มบุคคลเหล่านี้ ต่างรู้ในข้อกฎหมาย และจงใจดำเนินการความคิดความเห็นที่แตกต่างไม่ให้ผิดกฎหมายที่มีอยู่ ทั้ง ๆ ที่โดยพื้นหลังและเจตนาแล้ว บุคคลและกลุ่มบุคคลเหล่านี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าตนเองและพวกมีจุดยืนทางการเมืองที่อยู่คนละฝั่งกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ถ้านายธนาธรไม่ได้มีความคิดในทางลบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำไมถึงไม่ปฏิเสธการร่วมงานทางการเมืองกับนายปิยบุตร ที่เคยแสดงความเห็นว่า "กษัตริย์มีพระราชดำรัสสดกับประชาชนไม่ได้ สิ่งที่กษัตริย์จะตรัสต่อประชาชน ควรเป็นสิ่งที่ยกร่างโดยฝ่ายบริหาร" แต่กลับร่วมกับนายปิยบุตร ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ และนายปิยบุตรเป็นถึงเลขาธิการพรรค
พฤติกรรมของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ เป็นที่ชัดเจนว่ามีจุดยืนอยู่คนละฝั่งกับสถาบันพระมหากษัตริย์ อยู่ตรงข้ามกับเสียงส่วนใหญ่ของสังคมไทยที่ยังรักและจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ หรืออาจเรียกง่าย ๆ ว่ามีความคิดแบบ "ต่อต้านสถาบันฯ" หรือ "ชังเจ้า" (anti-royalism) เห็นว่า การดำรงอยู่ของสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างที่เป็นมาโดยตลอดในสังคมไทย ไม่สามารถไปด้วยกันได้กับการเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง กระทั่งจะต้องมีการดำเนินการลดทอนสถานะและอำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งในทางรัฐธรรมนูญ ทางกฎหมาย และทางวัฒนธรรม (ดังที่มีความพยายามดำเนินการตลอดมา) เพื่อให้ได้มาซึ่งความเป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ โดยแท้จริง
ซึ่งนั่นอาจเป็นเหตุผลที่นายธนาธร นายปิยบุตร
เปลี่ยนจากเดิมที่เคยเป็นเพียงนักเคลื่อนไหวทางสังคม
มาเป็นนักการเมืองตั้งพรรคอนาคตใหม่
เพื่อใช้รัฐสภาเป็นช่องทางในการขับเคลื่อนความคิดของตนและกลุ่ม
ซึ่งสังคมและสื่อมวลชนพึงต้องสามารถตรวจสอบและตั้งข้อสังเกตได้ต่อพฤติกรรมและความคิดต่าง
ๆ ที่ "คาบลูกคาบดอก" (เช่น การบอกว่าจะสานต่อภารกิจ 2475) และที่อาจจะเป็น
"อันตราย" ต่อสังคมทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคต นั่นไม่นับถึงพฤติกรรม
ความสัมพันธ์ การดำเนินกิจกรรมที่เคยมีกับกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรม
"ล้มเจ้า" และหลบหนีคดีมาตรา 112 อยู่ที่ต่างประเทศ
จากจุดยืนของสำนักข่าวทีนิวส์ที่ได้กล่าวมาตั้งแต่ต้น การที่พรรคอนาคตใหม่ฟ้องสำนักข่าวทีนิวส์ว่าใส่ร้ายและหมิ่นประมาทนายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่นั้น (แม้ว่าจะเป็นการ "เลือกปฏิบัติ" อย่างชัดเจนเพราะมีความจงใจฟ้องเฉพาะสำนักข่าวทีนิวส์เพียงสำนักเดียว เพื่อไม่ให้สำนักข่าวทีนิวส์รายงานข่าวนายธนาธรต่อประชาชน) ซึ่งสำนักข่าวทีนิวส์ถือว่าได้ทำหน้าที่ของสื่อมวลชนที่พึงมีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่างเต็มที่และตรงไปตรงมา อันเป็นเรื่องที่ดีที่ข้อเท็จจริงและความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับพฤติกรรมของนายธนาธร นายปิยบุตร และพรรคอนาคตใหม่ ที่มีเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งหมด จะได้นำเสนอในการพิจารณาในชั้นศาล และจะปรากฏต่อสาธารณะต่อไป ซึ่งสำนักข่าวทีนิวส์จะไม่เปลี่ยนแปลงในจุดยืนนี้ และจะทำหน้าที่สื่อมวลชนด้วยจุดยืนนี้ตลอดไป
ส่วนนายธนาธร
จึงรุ่งเรืองกิจ และพรรคอนาคตใหม่ เมื่ออาศัยอำนาจทางกฎหมายอาญา
และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญเลือกตั้งในลักษณะนี้แล้ว
ถึงวันนี้ก็ไม่ควรพูดความจริงเพียงด้านเดียวกับประชาชน
โดยอ้างแค่อุดมการณ์อันสวยหรูของประชาธิปไตย อ้างความคิดต่อต้านเผด็จการ
แต่กลับไม่พูดถึง "เจตนาแท้จริง" ของตน
ว่าตนเองมีความตั้งใจต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างไร ?
ว่าตนเองมีความตั้งใจต่อกลุ่มบุคคลที่มีเจตนา "ล้มเจ้า"
และคนที่เคยมีหมายจับมาตรา 112 ที่เคยร่วมกิจกรรมกันมาก่อนหน้านี้อย่างไร ?
ก็แสดงกันให้ชัดเจนต่อสาธารณะ
เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้รับทราบข้อมูลทั้งหมดก่อนวันเลือกตั้ง และจะได้ตัดสินใจว่าควรจะเลือกพรรคการเมืองที่มีจุดยืนและอุดมการณ์ที่อยู่ตรงกันข้ามกับสถาบันพระมหากษัตริย์หรือไม่