ดูหนัง ดู ภาพยนตร์ ดู Movie เรื่องใหม่ เรื่อง National treasure กลับมาอีกครั้งกับ การผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี 2007 National treasure the book of secrets โดย Walt Disney picture National treasure นำแสดงโดย นิโคลัส เคจ National treasure มีกำหนดฉาย 20 ธันวาคม นี้ทุกโรงภาพยนตร์
กำหนดฉาย : 20 ธันวาคม 2550
แนวหนัง : แอคชั่น / ผจญภัย
นำแสดง : นิโคลัส เคจ, ไดแอน ครูเกอร์, จอน วอยต์, ฮาร์วีย์ คีเทล, เอ็ดเวิร์ด แฮร์ริส, จัสติน บาร์ธา, บรูซ กรีนวู้ด, เฮเลน เมอร์เรน
กำกับ : จอห์น เทอร์เทิลท็อบ
เรื่องย่อ
กลับมาอีกครั้งกับ การผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี 2007 National treasure the book of secrets โดย Walt Disney picture ผนึกกำลังกับ ผู้สร้างหนังแอ็คชั่น แห่งยุค Jerry Bruckheimer
หนังภาคนี้ Ben Gates (นิโคลัส เคจ) จะนำคนดูไปตามล่าหาสมบัติและประวัติศาสตร์ที่ถูกค้นพบขึ้นมาใหม่ เมื่อหน้าหนังสือหายไปจากไดอารี่บริเวณหน้าบู๊ทของ John Wilkes ที่สำคัญปู่ใหญ่ของ Ben ยังถูกหามีส่วนเกี่ยวข้องกับกบฎในการตายของ Abraham Lincoln เขาต้องหาทางพิสูจน์ว่าไม่จริง พร้อมกับเดินทางไปประเทศต่างๆ กับลูกทีม จากปารีสถึงลอนดอน แล้วปิดท้ายที่อเมริกา การเดินทางครั้งใหม่นี้จะนำพาพวกเขาไปพบกับความลับของขุมทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่ ที่สุดในโลกเลยทีเดียว
แนวหนัง : แอคชั่น / ผจญภัย
นำแสดง : นิโคลัส เคจ, ไดแอน ครูเกอร์, จอน วอยต์, ฮาร์วีย์ คีเทล, เอ็ดเวิร์ด แฮร์ริส, จัสติน บาร์ธา, บรูซ กรีนวู้ด, เฮเลน เมอร์เรน
กำกับ : จอห์น เทอร์เทิลท็อบ
เรื่องย่อ
กลับมาอีกครั้งกับ การผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี 2007 National treasure the book of secrets โดย Walt Disney picture ผนึกกำลังกับ ผู้สร้างหนังแอ็คชั่น แห่งยุค Jerry Bruckheimer
หนังภาคนี้ Ben Gates (นิโคลัส เคจ) จะนำคนดูไปตามล่าหาสมบัติและประวัติศาสตร์ที่ถูกค้นพบขึ้นมาใหม่ เมื่อหน้าหนังสือหายไปจากไดอารี่บริเวณหน้าบู๊ทของ John Wilkes ที่สำคัญปู่ใหญ่ของ Ben ยังถูกหามีส่วนเกี่ยวข้องกับกบฎในการตายของ Abraham Lincoln เขาต้องหาทางพิสูจน์ว่าไม่จริง พร้อมกับเดินทางไปประเทศต่างๆ กับลูกทีม จากปารีสถึงลอนดอน แล้วปิดท้ายที่อเมริกา การเดินทางครั้งใหม่นี้จะนำพาพวกเขาไปพบกับความลับของขุมทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่ ที่สุดในโลกเลยทีเดียว
• • • • • • • • • • • • • •
เรื่องราวงานสร้าง
บางครั้งดูราวกับว่าทุกสิ่งที่ผู้อำนวยการสร้างเจอร์รี่ บรัคไฮเมอร์สัมผัสจะกลายเป็นทองคำไปซะหมด และภาพยนตร์แอ็กชันผจญภัย National Treasure ซึ่งลงโรงในปี 2004 ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น แม้ว่าสิ่งที่ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนตลอดหลายปีที่ผ่านมาจะเป็นความสำเร็จยิ่งใหญ่ของ Pirates of the Caribbean ทั้งสามภาคของบรัคไฮเมอร์ แต่ National Treasure ก็กอบโกยรายได้ไปกว่าหลายร้อยล้านเหรียญอย่างเงียบๆ ทั้งในรูปแบบของรายได้จากตั๋วหนังและดีวีดี ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นหนึ่งในผลงานฮิตมากมายที่อำนวยการสร้างโดยบรัคไฮเมอร์ ซึ่งได้แก่ Top Gun, The Rock, Con Air, Gone in 60 Seconds, Enemy of the State, Crimson Tide, Black Hawk Down และ Pearl Harbor
National Treasure ได้นิโคลัส เคจมารับบทเบน เกทส์ นักประวัติศาสตร์ และนักโบราณคดี ผู้เข้ามาพัวพันกับเรื่องวุ่นๆ โดยไม่เต็มใจ และเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากการรักษาสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของสหรัฐฯ ซึ่งก็คือกฎบัตรการประกาศอิสรภาพ ด้วยการขโมยมันจากที่เก็บรักษาในวอชิงตัน ดีซี ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังร่วมแสดงโดยนักแสดงหญิงสาวสวยชาวเยอรมัน ไดแอน ครูเกอร์ในบท อบิเกล เชส ภัณฑารักษ์ผู้ชาญฉลาด และจัสติน บาร์ธาในบทไรลีย์ พูล ในบทไซด์คิกปัญญาเฉียบของเบน เกทส์ และสามสหายผู้ยุ่งเหยิงก็มาร่วมทีมกันได้อย่างลงตัวเหลือเชื่อ ฮาร์วีย์ เคเทลยังมารับบทเจ้าหน้าที่เอฟบีไอที่ตามไล่ล่าเบน เกทส์ทุกฝีก้าวด้วย
จอน วอยท์ นักแสดงผู้รับบทพ่อของนิโคลัส เคจกล่าวว่า "มันเป็นหนังดีๆ ที่ตลก น่าตื่นเต้นและโรแมนติกมากๆ ครับ มันเหมือนกับย้อนเวลากลับไปอีกสมัยหนึ่ง เดี๋ยวนี้เราไม่ค่อยได้เห็นเสน่ห์หรือไหวพริบในหนังผจญภัยอีกแล้วล่ะครับ" "สองสามปีที่ผ่านมา ผมได้เดินทางไปทั่วประเทศ" จัสติน บาร์ธาเล่าอย่างอารมณ์ดี "และ National Treasure ก็เป็นหนังเรื่องโปรดของใครหลายคนครับ"
สามปีล่วงเลยมา และก็ไม่น่าประหลาดใจเลยเมื่อพิจารณาจากความสำเร็จของมัน ที่เจอร์รี่ บรัคไฮเมอร์และผู้กำกับจอน เทอร์เทลท็อบจะนำเกทส์กลับมาอีกครั้งหนึ่งใน National Treasure: Book of Secrets การผจญภัยครั้งใหม่รอบโลกของเบน เกทส์นี้จะทำให้เขาต้องบุกตะลุยวอชิงตัน ดี.ซี. ภูเขารัชมอร์ ปารีส และลอนดอน เพื่อแซงหน้านักค้าของเก่าขี้ฉ้อ (รับบทโดยเอ็ด แฮร์ริส) ในการคว้าสมบัติล้ำค่าในตำนานที่สูญหายไป แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ต้องล้างมลทินให้กับบรรพบุรุษของเขาที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับการลอบสังหารอับราฮัม ลินคอล์น นอกจากเคจ, บาร์ธา, ครูเกอร์และวอยท์จะร่วมผจญภัยครั้งนี้ด้วยแล้ว พวกเขายังร่วมทีมโดยหน้าใหม่ในโลกแห่งการล่าสมบัติ เอ็ด แฮร์ริสและท่านผู้หญิงเฮเลน เมอร์เรน ที่เพิ่งได้ออสการ์หมาดๆ มารับบทเป็นแม่ของนิโคลัส เคจและอดีตภรรยาของจอน วอยท์
"ผมคิดว่า การที่นิครับบทเป็นนักล่าสมบัติและนักประวัติศาสตร์เหมาะกับเขามากและเราก็รู้สึกว่าเรามีโอกาสที่จะได้ทำอะไรที่ซับซ้อนขึ้นและสนุกสนานมากขึ้นในครั้งนี้ครับ" เจอร์รี่ บรัคไฮเมอร์ กล่าวให้สัมภาษณ์ขณะอยู่ในฉากยักษ์ใหญ่ฉากหนึ่งของ Book of Secrets ที่ถูกสร้างขึ้นในซาวน์ดสเตจที่ใหญ่ที่สุดในยูนิเวอร์แซล สตูดิโอส์ที่ฮอลลีวูด การจะบรรยายถึงฉากนี้คงเป็นการเผยองค์ประกอบสำคัญในตอนไคลแมกซ์ขององก์ที่สาม ในตอนที่ตัวละครนำทุกตัวมาประจันหน้ากันเพื่อยุติเรื่องราวทั้งหมดและหาคำตอบของปริศนาหลายประการ ตอนนี้ เราขอใช้แค่คำว่า "ว้าว!" คงเกินพอ
แต่บรัคไฮเมอร์ก็ยังจัดแจงให้เราได้เดินชมฉากที่น่าประทับใจไม่แพ้กันที่สร้างขึ้นที่แทงค์น้ำความจุหลายล้านแกลลอนในยูนิเวอร์แซล ที่ซึ่งน้ำตกขนาดมหึมาสี่สายที่ถูกสร้างขึ้นเคียงข้างหน้าผาสูงชันพ่นน้ำเข้าไปสู่ถ้ำใต้ดินที่สามารถจมลงไปในน้ำได้ภายในเวลาไม่กี่นาที เส้นทางในถ้ำนั้นนำไปสู่ห้องใต้ดินที่ซึ่งเบน เกทส์และทีมล่าสมบัติจะถูกขังอยู่ข้างใน และพบว่าพื้นห้องไม่มั่นคง อีกทั้งการมีชีวิตรอดของพวกเขาขึ้นอยู่กับการรักษาสมดุลที่ซับซ้อนและสั่นประสาท กลไกนี้ได้รับการออกแบบและสร้างขึ้นโดยฝีมือของช่างเทคนิคทีมเดิมกับที่สร้างดาดฟ้าเรือที่เอียงไปเอียงมาในซีเควนซ์พายุที่ได้รับการยกย่องในตอนท้าย Pirates of the Caribbean ทีมงานก่อสร้างใน Book of Secrets มีจำนวนมากถึง 150 คน
"เสียงจากน้ำตกมันดังมาก แล้วมันก็มีหมอกและละอองน้ำเต็มไปหมด คุณก็เลยได้ความรู้สึกเหมือนกับไปอยู่ที่นั่นเลยล่ะค่ะ" ไดแอน ครูเกอร์ เล่าถึงค่ำคืนที่เธอและเพื่อนนักแสดงใช้เวลาถ่ายทำกันในฉากแทงค์น้ำ "แน่นอนค่ะ คุณจะต้องเปียกโชกไปทั้งตัวทั้งคืนเลย" นักแสดงสาว (ผู้ที่ตัวละครของเธอเตะโด่งนิค เคจออกจากบ้านในตอนเริ่มต้นของ Book of Secrets) กล่าว "แต่มันเป็นฉากที่น่าประทับใจเหลือเกิน คงไม่มีอะไรยิ่งใหญ่เกินกว่านี้หรอกค่ะ"
ถึงกระนั้น บรัคไฮเมอร์ก็กล่าวว่าสิ่งสำคัญในภาคที่สองนี้อยู่ที่พัฒนาการของตัวละครและการสร้างเรื่องราวที่น่าติดตามมากกว่าเรื่องของฉากใหม่ๆ และโลเกชันงามๆ ของเรื่อง แต่ก็อีกนั่นแหละ ภาพสวยๆ ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอก "ทั้งเอฟเฟ็กต์และฉากเป็นเหมือนขนมและไอซิงครับ" บรัคไฮเมอร์บอก "เพราะผมคิดว่าผู้ชมอยากจะแปลกใจ ก็เลยมีฉากใหญ่ๆ หลายฉากในเรื่อง เราไปภูเขารัชมอร์ เราไปพระราชวังบัคกิงแฮม เราไปทำเนียบขาว และเราก็ไปปารีสกันด้วย อาณาเขตมันกว้างใหญ่กว่าภาคที่แล้วครับ"
โลเกชันในปารีสรวมถึงลักเซมเบิร์ก การ์เดนส์ ส่วนในวอชิงตัน นอกจากทำเนียบขาวแล้ว การถ่ายทำยังดำเนินไปในสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังหลายแห่ง เช่นหอสมุดคองเกรสและลินคอล์น เมโมเรียล ในกรุงลอนดอน ผู้ออกแบบงานสร้างของเรื่องตั้งใจจะใช้โรงละครในศตวรรษที่ 19 จำลองฉากสะเทือนใจที่ อับราฮัม ลินคอล์นได้พบกับมือสังหารของเขาให้ออกมาสมจริงมากที่สุด รวมแล้ว การถ่ายทำ Book of Secrets จะดำเนินไปเกือบหกเดือน
ผู้กำกับจอน เทอร์เทลท็อบกล่าวขำๆ ว่าแม้ว่าผลงานที่ผ่านมาของเขาจะรวมถึง Cool Runnings, Phenomenon และ While You Were Sleeping แต่เขาก็พยายามจะไม่คาดหวังอะไรมากมายนักก่อนหน้าการลงโรงของภาพยนตร์เรื่องใดๆ ก็ตาม "ทำนองว่า อย่าให้มันห่วยเลย ได้โปรดเถอะ ให้ผมได้ทำงานต่อเถอะนะ น่ะครับ" เขาบอก แต่เขาก็ยอมรับว่า เขาตั้งความหวังไว้สูงกับ National Treasure ภาคแรก "ผมไม่รู้เลยว่าคนคาดหวังว่าเราจะล้มคว่ำ" เขากล่าวกลั้วหัวเราะ และกล่าวว่า ความคิดที่จะสร้างซีเควลผุดขึ้นมาในความคิดของเขาก่อนที่ภาพยนตร์เรื่องแรกจะเริ่มถ่ายทำซะอีก "ผมเสนอแนะว่ามันมีศักยภาพที่จะกลายเป็นซีรีส์ได้เพราะเบน เกทส์เป็นตัวละครที่สามารถออกผจญภัยครั้งใหม่ๆ เพื่อตามหาสมบัติทางประวัติศาสตร์ได้ แต่ทุกครั้งที่ผมพูดแบบนั้น ทุกคนกลับบอกผมว่าผมกำลังนำโชคร้ายมา"
เทอร์เทลท็อบให้ความเห็นว่า ความสำเร็จของภาคแรกเกิดจากการที่ทีมผู้สร้างให้ความสำคัญกับ "การผจญภัยมากกว่าแอ็กชัน" และ "ความอันตรายมากกว่าความรุนแรง" "อารมณ์ขันก็สำคัญมากเหมือนกันครับรวมทั้งการที่อารมณ์ขันนั้นมาจากตัวละครด้วย" เทอร์เทลท็อบอธิบายระหว่างช็อตที่เกี่ยวกับนิโคลัส เคจและน้ำมากมาย "ผมหมายถึง เบน เกทส์เป็นเหมือนแครี่ แกรนท์มากกว่าบรูซ วิลลิสนะครับ"
ตัวนิโคลัส เคจเองที่สวมชุดโค้ทหนังหนักอึ้งและรองเท้าบู๊ทหนาสำหรับนักผจญภัยผู้คล่องแคล่ว กล่าวว่าตัวละคร เบน เกทส์คือสิ่งที่ทำให้เขาสนใจตอนที่เขาอ่านสคริปต์ภาคแรก "เขาคือคนที่สนใจประวัติศาสตร์จริงๆ และออกจะเป็นคนซื่อหน่อยๆ แต่เขาก็ยังเป็นเหมือนนักสืบด้านโบราณคดีหน่อยๆ เป็นนักล่าสมบัติ และเป็นอาชญากร แต่เขาไม่ได้รุนแรงอะไรเลย ผมยังคิดด้วยว่า เขาเป็นตัวละครที่ผมจะเติบโตไปกับเขาได้"
เนื่องด้วยทุกคนคิดถึงอะไรที่มากกว่าการระเบิดตูมตามที่ใหญ่โตขึ้นและการไล่ล่าทางรถยนต์ที่มากขึ้นสำหรับภาคต่อ ทุกคนที่เกี่ยวข้องจึงพูดได้เต็มปากว่าการคิดหาเนื้อเรื่องเหมาะๆ สำหรับซีเควลไม่ใช่งานง่ายๆ เลย "คุณจะเกิดไอเดียเยอะแยะครับ" เจอร์รี่ บรัคไฮเมอร์อธิบาย "แต่ Book of Secrets เป็นเรื่องที่เข้าท่าที่สุด มันเป็นเรื่องส่วนตัว เพราะถ้าเขาไม่ทำอะไรซักอย่างเพื่อไขปริศนา ครอบครัวของเบน เกทส์จะได้รับการจารึกลงไปในประวัติศาสตร์ว่าเกี่ยวข้องกับเหตุชั่วช้านี้"
"มันเป็นการร้อยเรียงเรื่องราวดีๆ ที่ซับซ้อนเข้าไปในเรื่องราวกับภาคที่สองนี้ครับ" นิโคลัส เคจกล่าวเห็นพ้องด้วย "ผมยังคิดด้วยว่าเราได้เพิ่มเติมความตื่นเต้นเข้าไปด้วยคอนเซ็ปต์ทางด้านประวัติศาสตร์ตรงที่ว่าเรื่องราวนี้วนเวียนอยู่รอบๆ การลอบสังหารอับราฮัม ลินคอล์นและหน้ากระดาษที่หายไปจากไดอารีของจอห์น วิลค์ บูธ [มือลอบสังหารประธานาธิบดีลินคอล์น] หน้ากระดาษที่หายไปเหล่านั้นเป็นข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์และยังมีคำร่ำลือต่างๆ นานาเกี่ยวกับค่ำคืนนั้นที่ลินคอล์นถูกยิงที่โรงละคร ว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้างและพวกเขามองหาอะไรบ้าง มันก็เลยทำให้เกิดเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ วิเศษสุดและน่าตื่นเต้นจริงๆ ครับ"
สำหรับการคัดเลือกนักแสดงใน Book of Secrets เป็นเรื่องเยี่ยมมากสำหรับผู้อำนวยการสร้างเจอร์รี่ บรัคไฮเมอร์และผู้กำกับจอน เทอร์เทลท็อบ ที่สามารถได้ตัวผู้คว้ารางวัลออสการ์หมาดๆ ท่านผู้หญิงเฮเลน เมอร์เรนมารับบทแม่ของนิค เคจได้ จริงๆ แล้ว เมอร์เรนเป็นนักแสดงเจ้าของรางวัลอคาเดมี อวอร์ดคนที่สามในภาพยนตร์เรื่องนี้ (นิโคลัส เคจได้ออสการ์จาก Leaving Las Vegas และจอน วอยท์ก็ได้ออสการ์จาก Coming Home) ในขณะที่ทั้งเอ็ด แฮร์ริสและฮาร์วีย์ เคเทลต่างก็เคยได้รับการเสนอชื่อมาแล้วหลายครั้ง แต่หลังจากที่เธอประสบความสำเร็จอย่างสูงจาก The Queen เธอก็ไม่เคยเป็นที่ต้องการตัวมากเช่นนี้มาก่อน
การได้ออสการ์ของเมอร์เรนทำให้เจอร์รี่ บรัคไฮเมอร์หยุดคิดก่อนที่จะเสนอบทในภาพยนตร์ที่เป็นแอ็กชันและเป็นหนังตลาดรึเปล่านะ แน่นอนว่าเมอร์เรนแทบไม่เคยเล่นซีเควลเลย และภาพยนตร์เรื่องเดียวในประวัติผลงานของเธอที่มีตัวเลขอยู่ด้วยนั้นก็คือ Elizabeth I โปรดักชันของ HBO/BBC ที่ทำให้เธอคว้าเอ็มมี อวอร์ดในปีเดียวกับที่เธอได้ออสการ์ "คุณต้องลองดูครับ! อย่างเลวร้ายที่สุด เธอก็แค่ตอบปฏิเสธเท่านั้นแหละ" บรัคไฮเมอร์ ผู้ซึ่งหมายหลังยอมรับหน้าตาเฉยว่า คำว่า "ไม่" หมายถึง "จุดเริ่มต้น" ของการต่อรองเท่านั้นเอง กล่าว
นิโคลัส เคจกล่าวว่า "ผมจำได้ว่า ตอนเลือกจอน วอยท์ ผมพูดว่า ฟังนะ ผมไม่แคร์หรอกว่าคุณจะเลือกใครมารับบทพ่อผม ตราบใดที่เขาเป็นนักแสดงที่เก่งกาจที่สุดในโลก และเมื่อจอนเข้ามา ก็ไม่มีใครดีกว่าเขาอีกแล้ว เช่นเดียวกับแม่ผมครับ ผมก็พูดเหมือนกันว่า ผมไม่แคร์หรอกว่าคุณจะเลือกใคร ตราบใดที่เธอเป็นนักแสดงที่เก่งกาจที่สุดในโลก ผมเห็นได้ว่าเธอก็เป็นแม่ผมได้เหมือนกัน" เคจกล่าวเสริม พลางเล่าถึงตอนที่เขาได้เห็นเมอร์เรนเป็นครั้งแรกใน Arthurian film Excalibur "เรามีจมูกงองุ้มและหน้ายาวๆ เหมือนกันครับ"
เมอร์เรน นักแสดงหญิงผู้ติดดิน และให้สัมภาษณ์ขณะนั่งอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ตรงมุมของกองถ่าย หัวเราะเมื่อถูกถามว่าเธอมองเห็นความคล้ายคลึงกันทางรูปร่างหน้าตาระหว่างเธอและลูกชายในหน้าจอบ้างรึเปล่า "ไม่ค่ะ ไม่เลยซักนิด!" เธอกล่าว "ทางจิตใจด้วยค่ะ แต่จริงๆ แล้ว ฉันไม่ใช่คนที่มีความเป็นแม่ซักเท่าไหร่ ฉันมองไม่เห็นตัวเองเป็นแม่ใครได้หรอกค่ะ" (นอกจากเธอจะเป็นแม่ของเบน เกทส์แล้ว ตัวละครของเมอร์เรนใน Book of Secrets ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญภาษาโบราณ และนักแสดงหญิงยังกล่าวอีกว่า เธอเป็นผู้หญิงแบบที่ "สามารถตั้งแคมป์อยู่ในเอธิโอเปียได้นานเป็นเดือนๆ")
เมอร์เรนพูดถึง National Treasure ภาคแรกว่าเธอรู้สึกทึ่งกับรายละเอียดทางประวัติศาสตร์ของภาพยนตร์เรื่องนั้น "แน่นอนค่ะว่ามันเป็นแฟนตาซี แต่มันก็ผ่านการค้นคว้ามาอย่างดีมากๆ และฉันคิดว่าหนังเรื่องนี้ก็ทำแบบเดียวกันในการเดินอยู่บนเส้นบางๆ ระหว่างแฟนตาซีกับความจริง และหยิบยกช่วงเวลาที่น่าหลงใหลในประวัติศาสตร์มาใช้เป็นสะพานไปสู่หนังฟอร์มใหญ่ที่สนุกสนานมากๆ แต่พูดก็พูดเถอะค่ะ อีกเหตุผลหนึ่งที่ฉันยินดีแสดงหนังเรื่องนี้ก็เพราะนักแสดงของเรื่อ ทั้งนิค, เอ็ด แฮร์ริส, ฮาร์วีย์ เคเทล, จอน วอยท์ พวกเขาเป็นนักแสดงดีๆ ที่จริงจังค่ะ"
แล้วท่านผู้หญิงเฮเลนรู้สึกยังไงกับประสบการณ์แอ็กชันผจญภัยครั้งแรกของเธอบ้างล่ะ "ตอนนี้ ฉันชอบมันเข้าให้แล้วล่ะค่ะ" เธอกล่าวกลั้วหัวเราะ แม้ว่าเธอจะยอมรับว่าแปลกใจกับการปรับเปลี่ยนสคริปต์แทบจะทุกวัน ซึ่งเป็นกระบวนการปกติในภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ทุนสูงทั่วๆ ไป แต่ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนที่ท่านผู้หญิงเฮเลนกำลังแสดง Anthony and Cleopatra กับรอยัล เชคสเปียร์ คัมปะนี แน่นอน
"แต่ฉันก็ได้เรียนรู้บทเรียนตั้งแต่วันแรกเลยค่ะ" เธอกล่าวยอมรับ "ฉันใช้เวลาท่องบทสามสัปดาห์ แต่พอฉันเดินเข้าไปในกองถ่าย พวกเขากลับยื่นบทที่ไม่เหมือนเดิมเลยให้ฉัน จริงๆ แล้ว" เมอร์เรนกล่าว "มันทำให้ฉันโล่งอกอย่างเหลือเชื่อเลยเพราะดูเหมือนว่าตลอดห้าปีที่ผ่านมานี้ ฉันจะไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากท่องบท ซึ่งมันก็ทำให้เกิดการด้นสดกันขึ้นบ่อยด้วยค่ะ"
นอกจากนั้นแล้ว เมอร์เรนยังตื่นเต้นที่มีโอกาสได้ร่วมงานกับนิโคลัส เคจด้วย "รู้อะไรมั้ยคะ เขาน่ะบ้าสุดๆ เลย ซึ่งเยี่ยมมากๆ ค่ะ" เธอกล่าว "ฉันค่อนข้างจะอังกฤษจ๋า ฉันจะถามทำนองว่า ฉันจะต้องทำอะไรบ้าง แล้วฉันก็จะพยายามทำมันให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เขาไม่เป็นแบบนั้น เขาจะลงมือทำสิ่งต่างๆ ในแง่มุมที่คาดไม่ถึงค่ะ"
"Helen น่ารักมากครับ!" คือคำประกาศก้องของจอน วอยท์ เขากล่าวว่าเขาตั้งหน้าตั้งตารอฉากที่เขาสองคนจะต้องโหนเถาองุ่นข้ามหุบเหวที่ดูเสียวไส้ วอยท์ได้พาเมอร์เรนไปยังสวนสนุกยูนิเวอร์แซล สตูดิโอหนึ่งวันก่อนหน้านี้เพื่อเป็นการเตรียมตัว "เราไปนั่ง Back to Future มาด้วยครับ" เขาเล่า "แล้วเราก็ไป Jurassic Park จนเปียกโชกไปหมดทั้งตัว เราเป็นเหมือนเด็กเล็กๆ สองคนเลยครับ"
"ในหนังเรื่องนี้ เฮเลนต้องลุยน้ำเย็นที่ลึกถึงคอ ต้องกลิ้งเกลือกกับโคลน ต้องห้อยตัวจากลวดสลิง แต่ผมคิดว่าเธอค่อนข้างสนุกกับมันนะ ซึ่งก็ดีเหมือนกัน” ผู้กำกับจอน เทอร์เทลท็อบกล่าว "กับหนังแบบนี้ คุณต้องสนุกกับมันครับ ไม่อย่างนั้น คุณจะต้องหัวเสียกับการคิดบทพูดระหว่างที่คุณต้องแสดงปฏิกิริยาตอบสนองต่อหินหล่นที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้นจริงๆ"
แต่ถึงแม้เฮเลน เมอร์เรนจะสนุกสนานกับการทำงาน จอน เทอร์เทลท็อบอาจไม่รู้สึกเช่นนั้น ดูเหมือนผู้กำกับจะสนุกสนานกับการเล่นอียอร์ในกองถ่ายก็จริง แต่ด้วยความที่มีการใช้โลเกชันหลายแห่ง นักแสดงชื่อดังและฉากขนาดใหญ่ ถึงแม้จะมีทุนเยอะก็เถอะ แน่นอนว่าเขามีอะไรให้ต้องรับผิดชอบมากมาย "การถ่ายทำ" เขาพูดพลางถอนหายใจ "คือการต้องตื่นตีสี่หรือตีห้า คือการต้องหงุดหงิดทั้งวัน รู้สึกเหมือนคุณทำพลาดทั้งวัน แล้วพอคุณกลับบ้านตอนสี่ทุ่ม คุณก็มารู้ว่า ครอบครัวคุณอยากให้คุณโทรหาพวกเขา มันมีบางวันที่คุณมองฉากยักษ์ใหญ่พวกนั้น แล้วคิดว่า ขอนักแสดงผมแค่สองคน กล้องมือถือ แล้วแสงอาทิตย์ เท่านั้นก็พอ น่ะครับ"
"แต่ในขณะเดียวกัน" เขาสดชื่นขึ้นมา "มีผู้กำกับหลายคนทั่วโลกที่มีนักแสดงสองคน กล้องมือถือและแสงอาทิตย์ แล้วหวังว่าพวกเขาจะได้ทำงานกับฉากใหญ่ๆ ผมคิดว่านั่นเป็นธรรมชาติของมนุษย์นะ..."
อย่างไรก็ดี สัญญาณต่างๆ ต่างบ่งชี้ว่า National Treasure: Book of Secrets อาจเป็นภาพยนตร์ฮิตอีกเรื่องสำหรับเทอร์เทลท็อบและทีมนักแสดง เพราะไม่ว่ายังไง สัมผัสทองคำที่เกือบจะเป็นตำนานของเจอร์รี่ บรัคไฮเมอร์จะไม่ช่วยอะไรเลยหรือ "เจอร์รี่มีพรสวรรค์พิเศษในการรู้ว่าผู้ชมไม่ชอบอะไรครับ" เทอร์เทลท็อบกล่าว "มันยากจริงๆ ที่จะรู้ได้ว่าผู้ชมชอบอะไร แต่เขาเก่งในการรู้ว่าอะไรที่น่าเบื่อหรือไร้สาระ เขาสร้างหนังสำหรับคนที่ไปดูหนังในคืนวันศุกร์หรือวันเสาร์เพื่อผ่อนคลาย มันเป็นการกระทำที่น่ายกย่องครับและเขาก็เก่งกว่าทุกคนในวงการเลย"
"และผมก็หวังว่า Book of Secrets จะเป็นเช่นนั้น" เทอร์เทลท็อบกล่าว "หนังที่เพอร์เฟ็กต์สำหรับค่ำคืนวันศุกร์หรือวันเสาร์ครับ"
บางครั้งดูราวกับว่าทุกสิ่งที่ผู้อำนวยการสร้างเจอร์รี่ บรัคไฮเมอร์สัมผัสจะกลายเป็นทองคำไปซะหมด และภาพยนตร์แอ็กชันผจญภัย National Treasure ซึ่งลงโรงในปี 2004 ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น แม้ว่าสิ่งที่ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนตลอดหลายปีที่ผ่านมาจะเป็นความสำเร็จยิ่งใหญ่ของ Pirates of the Caribbean ทั้งสามภาคของบรัคไฮเมอร์ แต่ National Treasure ก็กอบโกยรายได้ไปกว่าหลายร้อยล้านเหรียญอย่างเงียบๆ ทั้งในรูปแบบของรายได้จากตั๋วหนังและดีวีดี ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นหนึ่งในผลงานฮิตมากมายที่อำนวยการสร้างโดยบรัคไฮเมอร์ ซึ่งได้แก่ Top Gun, The Rock, Con Air, Gone in 60 Seconds, Enemy of the State, Crimson Tide, Black Hawk Down และ Pearl Harbor
National Treasure ได้นิโคลัส เคจมารับบทเบน เกทส์ นักประวัติศาสตร์ และนักโบราณคดี ผู้เข้ามาพัวพันกับเรื่องวุ่นๆ โดยไม่เต็มใจ และเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากการรักษาสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของสหรัฐฯ ซึ่งก็คือกฎบัตรการประกาศอิสรภาพ ด้วยการขโมยมันจากที่เก็บรักษาในวอชิงตัน ดีซี ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังร่วมแสดงโดยนักแสดงหญิงสาวสวยชาวเยอรมัน ไดแอน ครูเกอร์ในบท อบิเกล เชส ภัณฑารักษ์ผู้ชาญฉลาด และจัสติน บาร์ธาในบทไรลีย์ พูล ในบทไซด์คิกปัญญาเฉียบของเบน เกทส์ และสามสหายผู้ยุ่งเหยิงก็มาร่วมทีมกันได้อย่างลงตัวเหลือเชื่อ ฮาร์วีย์ เคเทลยังมารับบทเจ้าหน้าที่เอฟบีไอที่ตามไล่ล่าเบน เกทส์ทุกฝีก้าวด้วย
จอน วอยท์ นักแสดงผู้รับบทพ่อของนิโคลัส เคจกล่าวว่า "มันเป็นหนังดีๆ ที่ตลก น่าตื่นเต้นและโรแมนติกมากๆ ครับ มันเหมือนกับย้อนเวลากลับไปอีกสมัยหนึ่ง เดี๋ยวนี้เราไม่ค่อยได้เห็นเสน่ห์หรือไหวพริบในหนังผจญภัยอีกแล้วล่ะครับ" "สองสามปีที่ผ่านมา ผมได้เดินทางไปทั่วประเทศ" จัสติน บาร์ธาเล่าอย่างอารมณ์ดี "และ National Treasure ก็เป็นหนังเรื่องโปรดของใครหลายคนครับ"
สามปีล่วงเลยมา และก็ไม่น่าประหลาดใจเลยเมื่อพิจารณาจากความสำเร็จของมัน ที่เจอร์รี่ บรัคไฮเมอร์และผู้กำกับจอน เทอร์เทลท็อบจะนำเกทส์กลับมาอีกครั้งหนึ่งใน National Treasure: Book of Secrets การผจญภัยครั้งใหม่รอบโลกของเบน เกทส์นี้จะทำให้เขาต้องบุกตะลุยวอชิงตัน ดี.ซี. ภูเขารัชมอร์ ปารีส และลอนดอน เพื่อแซงหน้านักค้าของเก่าขี้ฉ้อ (รับบทโดยเอ็ด แฮร์ริส) ในการคว้าสมบัติล้ำค่าในตำนานที่สูญหายไป แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ต้องล้างมลทินให้กับบรรพบุรุษของเขาที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับการลอบสังหารอับราฮัม ลินคอล์น นอกจากเคจ, บาร์ธา, ครูเกอร์และวอยท์จะร่วมผจญภัยครั้งนี้ด้วยแล้ว พวกเขายังร่วมทีมโดยหน้าใหม่ในโลกแห่งการล่าสมบัติ เอ็ด แฮร์ริสและท่านผู้หญิงเฮเลน เมอร์เรน ที่เพิ่งได้ออสการ์หมาดๆ มารับบทเป็นแม่ของนิโคลัส เคจและอดีตภรรยาของจอน วอยท์
"ผมคิดว่า การที่นิครับบทเป็นนักล่าสมบัติและนักประวัติศาสตร์เหมาะกับเขามากและเราก็รู้สึกว่าเรามีโอกาสที่จะได้ทำอะไรที่ซับซ้อนขึ้นและสนุกสนานมากขึ้นในครั้งนี้ครับ" เจอร์รี่ บรัคไฮเมอร์ กล่าวให้สัมภาษณ์ขณะอยู่ในฉากยักษ์ใหญ่ฉากหนึ่งของ Book of Secrets ที่ถูกสร้างขึ้นในซาวน์ดสเตจที่ใหญ่ที่สุดในยูนิเวอร์แซล สตูดิโอส์ที่ฮอลลีวูด การจะบรรยายถึงฉากนี้คงเป็นการเผยองค์ประกอบสำคัญในตอนไคลแมกซ์ขององก์ที่สาม ในตอนที่ตัวละครนำทุกตัวมาประจันหน้ากันเพื่อยุติเรื่องราวทั้งหมดและหาคำตอบของปริศนาหลายประการ ตอนนี้ เราขอใช้แค่คำว่า "ว้าว!" คงเกินพอ
แต่บรัคไฮเมอร์ก็ยังจัดแจงให้เราได้เดินชมฉากที่น่าประทับใจไม่แพ้กันที่สร้างขึ้นที่แทงค์น้ำความจุหลายล้านแกลลอนในยูนิเวอร์แซล ที่ซึ่งน้ำตกขนาดมหึมาสี่สายที่ถูกสร้างขึ้นเคียงข้างหน้าผาสูงชันพ่นน้ำเข้าไปสู่ถ้ำใต้ดินที่สามารถจมลงไปในน้ำได้ภายในเวลาไม่กี่นาที เส้นทางในถ้ำนั้นนำไปสู่ห้องใต้ดินที่ซึ่งเบน เกทส์และทีมล่าสมบัติจะถูกขังอยู่ข้างใน และพบว่าพื้นห้องไม่มั่นคง อีกทั้งการมีชีวิตรอดของพวกเขาขึ้นอยู่กับการรักษาสมดุลที่ซับซ้อนและสั่นประสาท กลไกนี้ได้รับการออกแบบและสร้างขึ้นโดยฝีมือของช่างเทคนิคทีมเดิมกับที่สร้างดาดฟ้าเรือที่เอียงไปเอียงมาในซีเควนซ์พายุที่ได้รับการยกย่องในตอนท้าย Pirates of the Caribbean ทีมงานก่อสร้างใน Book of Secrets มีจำนวนมากถึง 150 คน
"เสียงจากน้ำตกมันดังมาก แล้วมันก็มีหมอกและละอองน้ำเต็มไปหมด คุณก็เลยได้ความรู้สึกเหมือนกับไปอยู่ที่นั่นเลยล่ะค่ะ" ไดแอน ครูเกอร์ เล่าถึงค่ำคืนที่เธอและเพื่อนนักแสดงใช้เวลาถ่ายทำกันในฉากแทงค์น้ำ "แน่นอนค่ะ คุณจะต้องเปียกโชกไปทั้งตัวทั้งคืนเลย" นักแสดงสาว (ผู้ที่ตัวละครของเธอเตะโด่งนิค เคจออกจากบ้านในตอนเริ่มต้นของ Book of Secrets) กล่าว "แต่มันเป็นฉากที่น่าประทับใจเหลือเกิน คงไม่มีอะไรยิ่งใหญ่เกินกว่านี้หรอกค่ะ"
ถึงกระนั้น บรัคไฮเมอร์ก็กล่าวว่าสิ่งสำคัญในภาคที่สองนี้อยู่ที่พัฒนาการของตัวละครและการสร้างเรื่องราวที่น่าติดตามมากกว่าเรื่องของฉากใหม่ๆ และโลเกชันงามๆ ของเรื่อง แต่ก็อีกนั่นแหละ ภาพสวยๆ ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอก "ทั้งเอฟเฟ็กต์และฉากเป็นเหมือนขนมและไอซิงครับ" บรัคไฮเมอร์บอก "เพราะผมคิดว่าผู้ชมอยากจะแปลกใจ ก็เลยมีฉากใหญ่ๆ หลายฉากในเรื่อง เราไปภูเขารัชมอร์ เราไปพระราชวังบัคกิงแฮม เราไปทำเนียบขาว และเราก็ไปปารีสกันด้วย อาณาเขตมันกว้างใหญ่กว่าภาคที่แล้วครับ"
โลเกชันในปารีสรวมถึงลักเซมเบิร์ก การ์เดนส์ ส่วนในวอชิงตัน นอกจากทำเนียบขาวแล้ว การถ่ายทำยังดำเนินไปในสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังหลายแห่ง เช่นหอสมุดคองเกรสและลินคอล์น เมโมเรียล ในกรุงลอนดอน ผู้ออกแบบงานสร้างของเรื่องตั้งใจจะใช้โรงละครในศตวรรษที่ 19 จำลองฉากสะเทือนใจที่ อับราฮัม ลินคอล์นได้พบกับมือสังหารของเขาให้ออกมาสมจริงมากที่สุด รวมแล้ว การถ่ายทำ Book of Secrets จะดำเนินไปเกือบหกเดือน
ผู้กำกับจอน เทอร์เทลท็อบกล่าวขำๆ ว่าแม้ว่าผลงานที่ผ่านมาของเขาจะรวมถึง Cool Runnings, Phenomenon และ While You Were Sleeping แต่เขาก็พยายามจะไม่คาดหวังอะไรมากมายนักก่อนหน้าการลงโรงของภาพยนตร์เรื่องใดๆ ก็ตาม "ทำนองว่า อย่าให้มันห่วยเลย ได้โปรดเถอะ ให้ผมได้ทำงานต่อเถอะนะ น่ะครับ" เขาบอก แต่เขาก็ยอมรับว่า เขาตั้งความหวังไว้สูงกับ National Treasure ภาคแรก "ผมไม่รู้เลยว่าคนคาดหวังว่าเราจะล้มคว่ำ" เขากล่าวกลั้วหัวเราะ และกล่าวว่า ความคิดที่จะสร้างซีเควลผุดขึ้นมาในความคิดของเขาก่อนที่ภาพยนตร์เรื่องแรกจะเริ่มถ่ายทำซะอีก "ผมเสนอแนะว่ามันมีศักยภาพที่จะกลายเป็นซีรีส์ได้เพราะเบน เกทส์เป็นตัวละครที่สามารถออกผจญภัยครั้งใหม่ๆ เพื่อตามหาสมบัติทางประวัติศาสตร์ได้ แต่ทุกครั้งที่ผมพูดแบบนั้น ทุกคนกลับบอกผมว่าผมกำลังนำโชคร้ายมา"
เทอร์เทลท็อบให้ความเห็นว่า ความสำเร็จของภาคแรกเกิดจากการที่ทีมผู้สร้างให้ความสำคัญกับ "การผจญภัยมากกว่าแอ็กชัน" และ "ความอันตรายมากกว่าความรุนแรง" "อารมณ์ขันก็สำคัญมากเหมือนกันครับรวมทั้งการที่อารมณ์ขันนั้นมาจากตัวละครด้วย" เทอร์เทลท็อบอธิบายระหว่างช็อตที่เกี่ยวกับนิโคลัส เคจและน้ำมากมาย "ผมหมายถึง เบน เกทส์เป็นเหมือนแครี่ แกรนท์มากกว่าบรูซ วิลลิสนะครับ"
ตัวนิโคลัส เคจเองที่สวมชุดโค้ทหนังหนักอึ้งและรองเท้าบู๊ทหนาสำหรับนักผจญภัยผู้คล่องแคล่ว กล่าวว่าตัวละคร เบน เกทส์คือสิ่งที่ทำให้เขาสนใจตอนที่เขาอ่านสคริปต์ภาคแรก "เขาคือคนที่สนใจประวัติศาสตร์จริงๆ และออกจะเป็นคนซื่อหน่อยๆ แต่เขาก็ยังเป็นเหมือนนักสืบด้านโบราณคดีหน่อยๆ เป็นนักล่าสมบัติ และเป็นอาชญากร แต่เขาไม่ได้รุนแรงอะไรเลย ผมยังคิดด้วยว่า เขาเป็นตัวละครที่ผมจะเติบโตไปกับเขาได้"
เนื่องด้วยทุกคนคิดถึงอะไรที่มากกว่าการระเบิดตูมตามที่ใหญ่โตขึ้นและการไล่ล่าทางรถยนต์ที่มากขึ้นสำหรับภาคต่อ ทุกคนที่เกี่ยวข้องจึงพูดได้เต็มปากว่าการคิดหาเนื้อเรื่องเหมาะๆ สำหรับซีเควลไม่ใช่งานง่ายๆ เลย "คุณจะเกิดไอเดียเยอะแยะครับ" เจอร์รี่ บรัคไฮเมอร์อธิบาย "แต่ Book of Secrets เป็นเรื่องที่เข้าท่าที่สุด มันเป็นเรื่องส่วนตัว เพราะถ้าเขาไม่ทำอะไรซักอย่างเพื่อไขปริศนา ครอบครัวของเบน เกทส์จะได้รับการจารึกลงไปในประวัติศาสตร์ว่าเกี่ยวข้องกับเหตุชั่วช้านี้"
"มันเป็นการร้อยเรียงเรื่องราวดีๆ ที่ซับซ้อนเข้าไปในเรื่องราวกับภาคที่สองนี้ครับ" นิโคลัส เคจกล่าวเห็นพ้องด้วย "ผมยังคิดด้วยว่าเราได้เพิ่มเติมความตื่นเต้นเข้าไปด้วยคอนเซ็ปต์ทางด้านประวัติศาสตร์ตรงที่ว่าเรื่องราวนี้วนเวียนอยู่รอบๆ การลอบสังหารอับราฮัม ลินคอล์นและหน้ากระดาษที่หายไปจากไดอารีของจอห์น วิลค์ บูธ [มือลอบสังหารประธานาธิบดีลินคอล์น] หน้ากระดาษที่หายไปเหล่านั้นเป็นข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์และยังมีคำร่ำลือต่างๆ นานาเกี่ยวกับค่ำคืนนั้นที่ลินคอล์นถูกยิงที่โรงละคร ว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้างและพวกเขามองหาอะไรบ้าง มันก็เลยทำให้เกิดเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ วิเศษสุดและน่าตื่นเต้นจริงๆ ครับ"
สำหรับการคัดเลือกนักแสดงใน Book of Secrets เป็นเรื่องเยี่ยมมากสำหรับผู้อำนวยการสร้างเจอร์รี่ บรัคไฮเมอร์และผู้กำกับจอน เทอร์เทลท็อบ ที่สามารถได้ตัวผู้คว้ารางวัลออสการ์หมาดๆ ท่านผู้หญิงเฮเลน เมอร์เรนมารับบทแม่ของนิค เคจได้ จริงๆ แล้ว เมอร์เรนเป็นนักแสดงเจ้าของรางวัลอคาเดมี อวอร์ดคนที่สามในภาพยนตร์เรื่องนี้ (นิโคลัส เคจได้ออสการ์จาก Leaving Las Vegas และจอน วอยท์ก็ได้ออสการ์จาก Coming Home) ในขณะที่ทั้งเอ็ด แฮร์ริสและฮาร์วีย์ เคเทลต่างก็เคยได้รับการเสนอชื่อมาแล้วหลายครั้ง แต่หลังจากที่เธอประสบความสำเร็จอย่างสูงจาก The Queen เธอก็ไม่เคยเป็นที่ต้องการตัวมากเช่นนี้มาก่อน
การได้ออสการ์ของเมอร์เรนทำให้เจอร์รี่ บรัคไฮเมอร์หยุดคิดก่อนที่จะเสนอบทในภาพยนตร์ที่เป็นแอ็กชันและเป็นหนังตลาดรึเปล่านะ แน่นอนว่าเมอร์เรนแทบไม่เคยเล่นซีเควลเลย และภาพยนตร์เรื่องเดียวในประวัติผลงานของเธอที่มีตัวเลขอยู่ด้วยนั้นก็คือ Elizabeth I โปรดักชันของ HBO/BBC ที่ทำให้เธอคว้าเอ็มมี อวอร์ดในปีเดียวกับที่เธอได้ออสการ์ "คุณต้องลองดูครับ! อย่างเลวร้ายที่สุด เธอก็แค่ตอบปฏิเสธเท่านั้นแหละ" บรัคไฮเมอร์ ผู้ซึ่งหมายหลังยอมรับหน้าตาเฉยว่า คำว่า "ไม่" หมายถึง "จุดเริ่มต้น" ของการต่อรองเท่านั้นเอง กล่าว
นิโคลัส เคจกล่าวว่า "ผมจำได้ว่า ตอนเลือกจอน วอยท์ ผมพูดว่า ฟังนะ ผมไม่แคร์หรอกว่าคุณจะเลือกใครมารับบทพ่อผม ตราบใดที่เขาเป็นนักแสดงที่เก่งกาจที่สุดในโลก และเมื่อจอนเข้ามา ก็ไม่มีใครดีกว่าเขาอีกแล้ว เช่นเดียวกับแม่ผมครับ ผมก็พูดเหมือนกันว่า ผมไม่แคร์หรอกว่าคุณจะเลือกใคร ตราบใดที่เธอเป็นนักแสดงที่เก่งกาจที่สุดในโลก ผมเห็นได้ว่าเธอก็เป็นแม่ผมได้เหมือนกัน" เคจกล่าวเสริม พลางเล่าถึงตอนที่เขาได้เห็นเมอร์เรนเป็นครั้งแรกใน Arthurian film Excalibur "เรามีจมูกงองุ้มและหน้ายาวๆ เหมือนกันครับ"
เมอร์เรน นักแสดงหญิงผู้ติดดิน และให้สัมภาษณ์ขณะนั่งอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ตรงมุมของกองถ่าย หัวเราะเมื่อถูกถามว่าเธอมองเห็นความคล้ายคลึงกันทางรูปร่างหน้าตาระหว่างเธอและลูกชายในหน้าจอบ้างรึเปล่า "ไม่ค่ะ ไม่เลยซักนิด!" เธอกล่าว "ทางจิตใจด้วยค่ะ แต่จริงๆ แล้ว ฉันไม่ใช่คนที่มีความเป็นแม่ซักเท่าไหร่ ฉันมองไม่เห็นตัวเองเป็นแม่ใครได้หรอกค่ะ" (นอกจากเธอจะเป็นแม่ของเบน เกทส์แล้ว ตัวละครของเมอร์เรนใน Book of Secrets ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญภาษาโบราณ และนักแสดงหญิงยังกล่าวอีกว่า เธอเป็นผู้หญิงแบบที่ "สามารถตั้งแคมป์อยู่ในเอธิโอเปียได้นานเป็นเดือนๆ")
เมอร์เรนพูดถึง National Treasure ภาคแรกว่าเธอรู้สึกทึ่งกับรายละเอียดทางประวัติศาสตร์ของภาพยนตร์เรื่องนั้น "แน่นอนค่ะว่ามันเป็นแฟนตาซี แต่มันก็ผ่านการค้นคว้ามาอย่างดีมากๆ และฉันคิดว่าหนังเรื่องนี้ก็ทำแบบเดียวกันในการเดินอยู่บนเส้นบางๆ ระหว่างแฟนตาซีกับความจริง และหยิบยกช่วงเวลาที่น่าหลงใหลในประวัติศาสตร์มาใช้เป็นสะพานไปสู่หนังฟอร์มใหญ่ที่สนุกสนานมากๆ แต่พูดก็พูดเถอะค่ะ อีกเหตุผลหนึ่งที่ฉันยินดีแสดงหนังเรื่องนี้ก็เพราะนักแสดงของเรื่อ ทั้งนิค, เอ็ด แฮร์ริส, ฮาร์วีย์ เคเทล, จอน วอยท์ พวกเขาเป็นนักแสดงดีๆ ที่จริงจังค่ะ"
แล้วท่านผู้หญิงเฮเลนรู้สึกยังไงกับประสบการณ์แอ็กชันผจญภัยครั้งแรกของเธอบ้างล่ะ "ตอนนี้ ฉันชอบมันเข้าให้แล้วล่ะค่ะ" เธอกล่าวกลั้วหัวเราะ แม้ว่าเธอจะยอมรับว่าแปลกใจกับการปรับเปลี่ยนสคริปต์แทบจะทุกวัน ซึ่งเป็นกระบวนการปกติในภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ทุนสูงทั่วๆ ไป แต่ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนที่ท่านผู้หญิงเฮเลนกำลังแสดง Anthony and Cleopatra กับรอยัล เชคสเปียร์ คัมปะนี แน่นอน
"แต่ฉันก็ได้เรียนรู้บทเรียนตั้งแต่วันแรกเลยค่ะ" เธอกล่าวยอมรับ "ฉันใช้เวลาท่องบทสามสัปดาห์ แต่พอฉันเดินเข้าไปในกองถ่าย พวกเขากลับยื่นบทที่ไม่เหมือนเดิมเลยให้ฉัน จริงๆ แล้ว" เมอร์เรนกล่าว "มันทำให้ฉันโล่งอกอย่างเหลือเชื่อเลยเพราะดูเหมือนว่าตลอดห้าปีที่ผ่านมานี้ ฉันจะไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากท่องบท ซึ่งมันก็ทำให้เกิดการด้นสดกันขึ้นบ่อยด้วยค่ะ"
นอกจากนั้นแล้ว เมอร์เรนยังตื่นเต้นที่มีโอกาสได้ร่วมงานกับนิโคลัส เคจด้วย "รู้อะไรมั้ยคะ เขาน่ะบ้าสุดๆ เลย ซึ่งเยี่ยมมากๆ ค่ะ" เธอกล่าว "ฉันค่อนข้างจะอังกฤษจ๋า ฉันจะถามทำนองว่า ฉันจะต้องทำอะไรบ้าง แล้วฉันก็จะพยายามทำมันให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เขาไม่เป็นแบบนั้น เขาจะลงมือทำสิ่งต่างๆ ในแง่มุมที่คาดไม่ถึงค่ะ"
"Helen น่ารักมากครับ!" คือคำประกาศก้องของจอน วอยท์ เขากล่าวว่าเขาตั้งหน้าตั้งตารอฉากที่เขาสองคนจะต้องโหนเถาองุ่นข้ามหุบเหวที่ดูเสียวไส้ วอยท์ได้พาเมอร์เรนไปยังสวนสนุกยูนิเวอร์แซล สตูดิโอหนึ่งวันก่อนหน้านี้เพื่อเป็นการเตรียมตัว "เราไปนั่ง Back to Future มาด้วยครับ" เขาเล่า "แล้วเราก็ไป Jurassic Park จนเปียกโชกไปหมดทั้งตัว เราเป็นเหมือนเด็กเล็กๆ สองคนเลยครับ"
"ในหนังเรื่องนี้ เฮเลนต้องลุยน้ำเย็นที่ลึกถึงคอ ต้องกลิ้งเกลือกกับโคลน ต้องห้อยตัวจากลวดสลิง แต่ผมคิดว่าเธอค่อนข้างสนุกกับมันนะ ซึ่งก็ดีเหมือนกัน” ผู้กำกับจอน เทอร์เทลท็อบกล่าว "กับหนังแบบนี้ คุณต้องสนุกกับมันครับ ไม่อย่างนั้น คุณจะต้องหัวเสียกับการคิดบทพูดระหว่างที่คุณต้องแสดงปฏิกิริยาตอบสนองต่อหินหล่นที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้นจริงๆ"
แต่ถึงแม้เฮเลน เมอร์เรนจะสนุกสนานกับการทำงาน จอน เทอร์เทลท็อบอาจไม่รู้สึกเช่นนั้น ดูเหมือนผู้กำกับจะสนุกสนานกับการเล่นอียอร์ในกองถ่ายก็จริง แต่ด้วยความที่มีการใช้โลเกชันหลายแห่ง นักแสดงชื่อดังและฉากขนาดใหญ่ ถึงแม้จะมีทุนเยอะก็เถอะ แน่นอนว่าเขามีอะไรให้ต้องรับผิดชอบมากมาย "การถ่ายทำ" เขาพูดพลางถอนหายใจ "คือการต้องตื่นตีสี่หรือตีห้า คือการต้องหงุดหงิดทั้งวัน รู้สึกเหมือนคุณทำพลาดทั้งวัน แล้วพอคุณกลับบ้านตอนสี่ทุ่ม คุณก็มารู้ว่า ครอบครัวคุณอยากให้คุณโทรหาพวกเขา มันมีบางวันที่คุณมองฉากยักษ์ใหญ่พวกนั้น แล้วคิดว่า ขอนักแสดงผมแค่สองคน กล้องมือถือ แล้วแสงอาทิตย์ เท่านั้นก็พอ น่ะครับ"
"แต่ในขณะเดียวกัน" เขาสดชื่นขึ้นมา "มีผู้กำกับหลายคนทั่วโลกที่มีนักแสดงสองคน กล้องมือถือและแสงอาทิตย์ แล้วหวังว่าพวกเขาจะได้ทำงานกับฉากใหญ่ๆ ผมคิดว่านั่นเป็นธรรมชาติของมนุษย์นะ..."
อย่างไรก็ดี สัญญาณต่างๆ ต่างบ่งชี้ว่า National Treasure: Book of Secrets อาจเป็นภาพยนตร์ฮิตอีกเรื่องสำหรับเทอร์เทลท็อบและทีมนักแสดง เพราะไม่ว่ายังไง สัมผัสทองคำที่เกือบจะเป็นตำนานของเจอร์รี่ บรัคไฮเมอร์จะไม่ช่วยอะไรเลยหรือ "เจอร์รี่มีพรสวรรค์พิเศษในการรู้ว่าผู้ชมไม่ชอบอะไรครับ" เทอร์เทลท็อบกล่าว "มันยากจริงๆ ที่จะรู้ได้ว่าผู้ชมชอบอะไร แต่เขาเก่งในการรู้ว่าอะไรที่น่าเบื่อหรือไร้สาระ เขาสร้างหนังสำหรับคนที่ไปดูหนังในคืนวันศุกร์หรือวันเสาร์เพื่อผ่อนคลาย มันเป็นการกระทำที่น่ายกย่องครับและเขาก็เก่งกว่าทุกคนในวงการเลย"
"และผมก็หวังว่า Book of Secrets จะเป็นเช่นนั้น" เทอร์เทลท็อบกล่าว "หนังที่เพอร์เฟ็กต์สำหรับค่ำคืนวันศุกร์หรือวันเสาร์ครับ"
ข้อมูลและภาพประกอบจาก