ป.ป.ส. แถลงปมจับกุมมูลนิธิวิจัยกัญชา ยืนยัน ไม่ได้เอื้อนายทุนแน่นอน

           เลขาธิการ ป.ป.ส. แจง กัญชาผิดกฎหมาย ผู้ครอบครองเพื่อรักษาต้องแจ้งก่อน และปฏิบัติตามเงื่อนไขกำหนด ยืนยันจับกุมมูลนิธิฯ ไม่ได้เป็นผลประโยชน์เอื้อนายทุนแน่นอน
          วันที่ 8 เมษายน 2562 เฟซบุ๊ก สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เผยแพร่ภาพการแถลงข่าวชี้แจงกรณีความเคลื่อนไหวการนิรโทษกรรมกัญชา รวมทั้งกรณีการตรวจค้นมูลนิธิ ซึ่งศึกษาวิจัยเรื่องกัญชา พร้อมยึดของกลางเป็นต้นกัญชากว่า 200 ตัน น้ำมันกัญชา และอุปกรณ์ในการทำน้ำมันกัญชาโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

          โดยในเวลา 10.30 น. นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส. แถลงระบุว่า กฎหมายยังกำหนดให้กัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 แม้จะมีกฎหมายให้กัญชารักษาทางการแพทย์ได้ แต่จะต้องเป็นหน่วยงานราชการ ส่วนผู้ที่ครอบครองเพื่อรักษาโรคนั้น จะต้องแจ้งกับองค์การอาหารและยา

          สำหรับการดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับกัญชา จะต้องแจ้งขอนุญาตเพื่อให้ได้รับการยกเว้นโทษภายใน 90 วัน นับตั้งแต่กฎหมายมีผลบังคับใช้ ซึ่งจะสิ้นสุดภายในวันที่ 19 พฤษภาคม 2562 นั้น ผู้มีไว้ในครอบครองจะต้องปฏิบัติตามที่เงื่อนไขกำหนด โดยผู้มีคุณสมบัติตามกฎหมายให้ยื่นขออนุญาต หรือกรณีผู้ป่วย หรือบุคคลอื่นให้แจ้งการมีไว้ในครอบครอง มิได้หมายถึงว่าจะทำการใด ๆ ได้โดยรับการยกเว้นโทษก่อนได้รับอนุญาต หรือแจ้งการครอบครอง


          ส่วนกรณีมีข้อกังวลว่า การดำเนินการกับมูลนิธิดังกล่าวว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนหรือไม่ ข้อเท็จจริงขณะนี้มีเพียงองค์กรของรัฐ 2 หน่วยงาน ที่ได้รับอนุญาตในการผลิตคือ องค์การเภสัชกรรม และกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก อีกทั้งกฎหมายได้กำหนดเงื่อนไข และคุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับอนุญาตไว้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ในระยะ 5 ปีแรก การผลิต นำเข้า ส่งออก กัญชา ให้อนุญาตได้เฉพาะหน่วยงานรัฐ หรือโดยความร่วมมือของหน่วยงานของรัฐเท่านั้น

          โดยขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาเจ้าของมูลนิธิฯ แต่อย่างใด เป็นเพียงการแจ้งข้อหาคนที่อ้างตัวเป็นเจ้าของต้นกัญชา ในข้อหามีต้นกัญชาไว้ในการครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก


- เฟซบุ๊ก ป.ป.ส. กระทรวงยุติธรรม