เปิดไทม์ไลน์ วิบากกรรม บิ๊กโจ๊ก นายพลหนุ่มดาวรุ่ง สู่วันอับแสง ถูกย้ายชื่อพ้นตำรวจเข้าบัญชีตรวจสอบทุจริต ข้าราชการพลเรือน สังกัดสำนักนายกฯ
ข่าวการสั่งเด้งนายพลชื่อดังนี้ถูกพูดถึงในวงการสีกากีตั้งแต่กลางดึกวันที่ 5 เมษายน 2562 และถูกสื่อนำเสนอออกไปในช่วงเช้าของวันที่ 6 เมษายน จนกลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ที่หลายคนอยากรู้เสียให้ได้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีใครสามารถยืนยันข้อเท็จจริงได้ มีเพียงคำถามมากมายที่ยังไม่มีคำตอบเกี่ยวกับชะตากรรมที่ยังคลุมเครือของนายพลหนุ่มผู้นี้
ขณะเดียวกันก็มีคนอีกไม่น้อยที่ไม่เชื่อว่า พล.ต.ท. สุรเชษฐ์
จะถูกสั่งย้ายแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเช่นนี้
เพราะด้วยความที่เจ้าตัวเป็นนายตำรวจคนสนิทของ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี แถมยังมีผลงานจับกุมคดีสำคัญต่อเนื่อง
ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.)
จนกระทั่ง พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 232/2562 ลงวันที่ 5 เมษายน 2562 เรื่องข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ ให้ พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) ปฏิบัติหน้าที่ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) อาคารที่ 1 ชั้น 20 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบหมาย ซึ่งถือเป็นการยืนยันข่าวการถูกเด้ง พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ ได้อย่างชัดเจน
ล่าสุดวันนี้ (9 เมษายน 2562) มีรายงานว่า พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ ได้เดินทางเข้ามารายงานตัวที่ ศปก.ตร. เป็นวันที่ 3 หลัง ผบ.ตร. มีคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ไปปฏิบัติราชการ ศปก.ตร. ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน ที่ผ่านมา โดยนำรถยนต์จอดไว้ที่ชั้นใต้ดินของอาคาร 1 ตร. โดยใช้เวลาอยู่ที่ ศปก.ตร. ประมาณ 2 ชั่วโมง โดยเจ้าตัวได้ร่วมประชุม ศปก.ตร. ก่อนเดินทางกลับขึ้นรถที่จอดซ่อนไว้ในเวลาประมาณ 10.00 น.
นอกจากนี้ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่คําสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 2/2562 เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐเพิ่มเติม และแต่งตั้งให้ดำรงตําแหน่ง ตามที่ได้มีคําสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 16/2558 เรื่องมาตรการแก้ไขปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างถูกตรวจสอบและกำหนดกรอบอัตรากำลังชั่วคราว ลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2558 นั้น เห็นสมควรประกาศรายชื่อบุคคลเพิ่มเติมจากรายชื่อตามบัญชีแนบท้ายคำสั่งหัวหน้า คสช. สั่งและแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งตามกรอบอัตรากำลังชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ ในสํานักนายกรัฐมนตรี
จึงมีคําสั่งให้ พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ อยู่ในบัญชีรายชื่อเพิ่มเติมตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 16/2558 และให้ขาดจากตําแหน่งหน้าที่ และอัตราเงินเดือนเดิม เพื่อโอนไปเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ประเภทบริหารระดับสูง และแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจําสํานักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) โดยให้นายกรัฐมนตรีนําความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ในรอบสับดาห์ข่าวใหญ่ที่สังคมพุ่งความสนใจชนิดกลบกระแสความร้อนแรงทางการเมืองไปเลย
คงหนีไม่พ้นกรณีเด้งฟ้าผ่า พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ หักพาล เจ้าของฉายา โจ๊ก หวานเจี๊ยบ
นายพลหนุ่มคนดังมากผลงานด้านการปราบปรามการกระทำผิดทางเทคโนโลยี
ที่หลายฝ่ายเคยจับตาว่ามีโอกาสสูงที่จะผงาดสู่ตำแหน่งสูงสุดของวงการตำรวจได้ในอนาคต
ข่าวการสั่งเด้งนายพลชื่อดังนี้ถูกพูดถึงในวงการสีกากีตั้งแต่กลางดึกวันที่ 5 เมษายน 2562 และถูกสื่อนำเสนอออกไปในช่วงเช้าของวันที่ 6 เมษายน จนกลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ที่หลายคนอยากรู้เสียให้ได้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีใครสามารถยืนยันข้อเท็จจริงได้ มีเพียงคำถามมากมายที่ยังไม่มีคำตอบเกี่ยวกับชะตากรรมที่ยังคลุมเครือของนายพลหนุ่มผู้นี้
จนกระทั่ง พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 232/2562 ลงวันที่ 5 เมษายน 2562 เรื่องข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ ให้ พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) ปฏิบัติหน้าที่ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) อาคารที่ 1 ชั้น 20 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบหมาย ซึ่งถือเป็นการยืนยันข่าวการถูกเด้ง พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ ได้อย่างชัดเจน
แต่ถึงอย่างนั้นจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีใครออกมาชี้แจงเหตุผลการสั่งย้ายในครั้งนี้
โดยเฉพาะ พล.อ. ประวิตร และ พล.ต.อ. จักรทิพย์ ผู้ลงนามคำสั่ง
จนทำให้ประเด็นการสั่งย้ายในครั้งนี้ถูกคาดเดาโยงเรื่องราวไปต่าง ๆ นานา
เช่น การโยงเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ
ที่ช่วงหลังมานี้นายพลหนุ่มดาวรุ่งพุ่งแรง
มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดข้ามหัวรุ่นพี่แบบไม่เห็นฝุ่น
จากตำรวจโนเนมใช้เวลาไม่กี่ปีในการขึ้นมาคุมหน่วยงานสำคัญอย่าง สตม.
รวมถึงยังเป็นคนที่มีอิทธิพลสำคัญต่อการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ
ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความไม่พอใจจากรุ่นพี่ได้
รวมถึงการคาดเดาผูกเรื่องไปถึงการทุจริตต่าง ๆ
ที่นายพลหนุ่มคนนี้อาจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง
ล่าสุดวันนี้ (9 เมษายน 2562) มีรายงานว่า พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ ได้เดินทางเข้ามารายงานตัวที่ ศปก.ตร. เป็นวันที่ 3 หลัง ผบ.ตร. มีคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ไปปฏิบัติราชการ ศปก.ตร. ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน ที่ผ่านมา โดยนำรถยนต์จอดไว้ที่ชั้นใต้ดินของอาคาร 1 ตร. โดยใช้เวลาอยู่ที่ ศปก.ตร. ประมาณ 2 ชั่วโมง โดยเจ้าตัวได้ร่วมประชุม ศปก.ตร. ก่อนเดินทางกลับขึ้นรถที่จอดซ่อนไว้ในเวลาประมาณ 10.00 น.
นอกจากนี้ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่คําสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 2/2562 เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐเพิ่มเติม และแต่งตั้งให้ดำรงตําแหน่ง ตามที่ได้มีคําสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 16/2558 เรื่องมาตรการแก้ไขปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างถูกตรวจสอบและกำหนดกรอบอัตรากำลังชั่วคราว ลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2558 นั้น เห็นสมควรประกาศรายชื่อบุคคลเพิ่มเติมจากรายชื่อตามบัญชีแนบท้ายคำสั่งหัวหน้า คสช. สั่งและแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งตามกรอบอัตรากำลังชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ ในสํานักนายกรัฐมนตรี
จึงมีคําสั่งให้ พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ อยู่ในบัญชีรายชื่อเพิ่มเติมตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 16/2558 และให้ขาดจากตําแหน่งหน้าที่ และอัตราเงินเดือนเดิม เพื่อโอนไปเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ประเภทบริหารระดับสูง และแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจําสํานักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) โดยให้นายกรัฐมนตรีนําความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ซึ่งการโดนสั่งย้ายดังกล่าวโดยให้ขาดจากความเป็นข้าราชการเดิมไปสังกัดข้าราชการใหม่ดังกล่าว
ในมุมของข้าราชการโดยเฉพาะวงการตำรวจถือเป็นเรื่องหนักสุด
เพราะจะหมดสิทธิ์จบชีวิตราชการในฐานะตำรวจ
และจากนี้คงต้องติดตามกันต่อว่าเส้นทางชีวิตที่ดูเหมือนจะสวยงามของ
โจ๊ก หวานเจี๊ยบ สุดท้ายจะลงเอยเช่นไร