ครอบครัวจนใจ ไร้เงินนำศพหมอนวดถูกฆ่าตัดหัวกลับไทย สลด..สูญเสียเสาหลักของบ้าน จากนี้ไม่รู้จะทำเช่นไร แถมยังเพิ่งจะเสียคุณพ่อไปอีกคน
จากกรณีมีข่าวหมอนวดหญิงชาวไทย ถูกฆ่าตัดหัวที่โปรตุเกส โดยผู้ก่อเหตุคือเพื่อนหมอนวดที่มีความขัดแย้งเรื่องเงินจำนวน 10,000 ยูโร หรือประมาณ 358,000 บาท ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นได้จับกุมตัวหญิงผู้ก่อเหตุไว้ได้แล้วนั้น [อ่านข่าว : หมอนวดไทยในโปรตุเกส ถูกฆ่าหั่นศพ ปมหนี้หลักแสน คนร้ายคือเพื่อนร่วมวงการ]
ล่าสุด (20 เมษายน 2562) อมรินทร์ ทีวี มีรายงานคำสัมภาษณ์ นายสราวุฒิ ตรินันท์ หรือ ตี๋ อายุ 40 ปี เพื่อนสนิทของ นางสาวณัชยา หรือ ต้อย ผู้เสียชีวิต โดยเปิดใจว่าตนเองได้ทราบข่าวที่เพื่อนถูกฆ่าตายมาราว 1 เดือน จากกลุ่มเพื่อน ๆ ที่สนิทกัน ทำให้ตกใจมาก จิตตกจนทำอะไรไม่ถูก ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นคนดีมากคนหนึ่ง เป็นที่รักของทุกคนและยังเป็นเสาหลักของครอบครัว เพื่อนไปทำงานเป็นหมอนวดที่โปรตุเกสมาได้ 1 ปีแล้ว การจากไปอย่างกะทันหันของเธอทำให้ทุกคนต่างก็เสียใจไม่ต่างกัน
ส่วนเรื่องที่บอกว่าผู้ตายมีปัญหาเรื่องเงินกับผู้ต้องสงสัยที่ไปทำงานเป็นหมอนวดด้วยกันนั้น
ตนเองก็ไม่ทราบ เพราะเพื่อนไม่เคยเล่าปัญหาอะไรให้ฟัง
และส่วนตัวก็ไม่รู้จักกับผู้ต้องสงสัย
เพียงเห็นภาพตอนที่เพื่อนโพสต์ลงเฟซบุ๊กเท่านั้น
ไม่คิดว่านั่นจะกลายเป็นภาพสุดท้าย
แม่ผู้เสียชีวิต
ขณะเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางไปยังบ้านของ นางเสย เจนจบ อายุ 76 ปี
แม่ของนางสาวณัชยา ในพื้นที่ อ.ศรีขรภูมิ จ.สุรินทร์
ซึ่งนางเสยได้เล่าให้ฟังสั้น ๆ ว่า
ตนก็รู้สึกเป็นห่วงลูกสาวอยู่ตลอดที่ต้องไปทำงานต่างบ้านต่างเมือง
แต่ลูกก็ส่งเงินกลับมาให้อย่างสม่ำเสมอ เมื่อลูกจากไปเช่นนี้ก็เสียใจ ด้าน นายธานินทร์ คงกระพัน พี่ผู้เสียชีวิต ยอมรับว่า หลังจากได้รู้ว่าน้องสาวเสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม ทางครอบครัวก็ตกใจมาก แม้ว่าน้องคนนี้จะเป็นลูกคนสุดท้าย แต่ก็เป็นคนเก่ง ขยันทำมาหากิน เป็นเสาหลักของบ้านซึ่งมีฐานะยากจน ก่อนหน้านี้น้องสาวยังเคยบอกกับหลาน ๆ ให้ตั้งใจเรียน เดี๋ยวจะเป็นคนส่งเรียนเอง แต่ตอนนี้มาเสียน้องสาวไป ครอบครัวก็ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป
พี่ผู้เสียชีวิต
ทั้งนี้
ที่ผ่านมาน้องสาวมีความฝันคืออยากสร้างบ้านให้ครอบครัวได้อยู่กัน
ซึ่งฝันนั้นก็ใกล้สำเร็จแล้ว เริ่มมีการก่อสร้างบ้านใหม่แล้ว
แต่ยังไม่ทันเสร็จดีก็มาด่วนจากไป
ตนก็ไม่มั่นใจเช่นกันว่าบ้านหลังนี้จะสร้างได้สำเร็จหรือไม่
และตอนนี้ทางครอบครัวก็ยังไม่มีเงินนำศพน้องสาวกลับมาทำพิธีที่บ้านเกิด
ไม่รู้ว่าจะมีหน่วยงานใดให้ความช่วยเหลือหรือไม่และที่เศร้าไปกว่านั้นคือเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา พ่อของตนก็เพิ่งจะเสียชีวิต เพิ่งจะได้นำเถ้ากระดูกกลับบ้าน กลายเป็นข่าวร้ายซ้ำสองในช่วงเวลาไม่ถึง 1 เดือน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก