ชายใจดีหยิบยื่นความช่วยเหลือแก่เด็กสาวยากไร้ เมื่อ 11 ปีก่อน จนเธอสามารถเรียนจบวิทยาลัยแพทย์ ใครจะคิดว่าใน 11 ปีต่อมา เธอจะกลายมาเป็นผู้ที่ช่วยชีวิตเขา
ภาพจาก sohu.com
นับเป็นช่วงเวลาที่แสนทุกข์ยากสำหรับเด็กสาวคนหนึ่ง ที่ต้องเกิดมาเป็นพี่สาวคนโตในครอบครัวที่ยากไร้ ต้องคอยดูแลทั้งพ่อที่พิการ และน้องสาวอีก 2 คน ในขณะที่ผู้เป็นแม่ก็เจ็บป่วยออด ๆ แอด ๆ แต่ในขณะที่สถานภาพครอบครัวของเธอจัดว่าย่ำแย่แล้ว ทุกสิ่งก็ยิ่งเลวร้ายหนักขึ้นหลังจากที่เกิดภัยพิบัติขึ้นอย่างไม่คาดฝัน บ้านของ ถานหลิง เด็กสาวสู้ชีวิตผู้นี้ต้องพังทลายลง เมื่อครั้งที่เกิดเหตุแผ่นดินไหว 7.9 แมกนิจูด ในมณฑลเสฉวน ประเทศจีน เมื่อปี 2551
ในภาวะที่แม้เหตุร้ายจะผ่านพ้นไป แต่พวกเขาก็ยังไม่มีปัญญาหาเงินมาสร้างบ้านหลังใหม่ได้นี้ ครอบครัวของถานหลิงต้องพักพิงอยู่ในบ้านของเพื่อนบ้าน ที่มีความเอื้ออาทรแก่ครอบครัวที่น่าสงสารนี้ ในตอนนั้นเองที่ ถังเจิ้งหัว ชายคนหนึ่งได้ทราบถึงเรื่องราวชีวิตของถานหลิง และอดที่จะเห็นใจเธอไม่ได้ เพราะเขาเองก็เกิดมาในครอบครัวชาวนา ทำให้รู้ซึ้งถึงความยากลำบากยากไร้ของเธอ ชีวิตในวัยเด็กของเขาก็คล้ายกับเด็กสาว ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะหยิบยื่นความช่วยเหลือแก่เธอ
จากรายงานของเวิล์ดออฟบัซ เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2562 เผยว่า ในตอนนั้นถังเจิ้งหัวได้ทิ้งเบอร์โทรศัพท์ของเขาให้แก่ครอบครัวของถานหลิง บอกพ่อของถานหลิงให้ติดต่อมาหาเขา เมื่อเด็กคนนี้เรียนจบชั้นมัธยมปลาย
เมื่อเวลานั้นมาถึง พ่อของถานหลิงก็ได้ติดต่อไปหาถังเจิ้งหัว เพื่อขอให้ช่วยเข้ามอบคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องการศึกษาต่อของลูกสาว ซึ่งภายใต้คำแนะนำของเขา เด็กสาวก็ได้เข้าเรียนต่อยังวิทยาลัยแพทย์ North Sichuan Medical College โดยถังเจิ้งหัวยังเป็นผู้ออกค่าเทอมในปีการศึกษาแรก 7,000 หยวน (ราว 33,000 บาท) พร้อมยินดีเป็นผู้ช่วยเหลือเรื่องค่าเล่าเรียนของน้องสาวถานหลิงด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น ตลอดระยะเวลาที่เธอเป็นนักศึกษาแพทย์ ถังเจิ้งหัวก็ยังคอยให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่เด็กคนนี้เป็นระยะ ๆ จนเธอผ่านพ้นชีวิตในวัยเรียนมาได้ และเข้าทำงานเป็นจักษุแพทย์ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง สามารถตั้งตัวและใช้ชีวิตของตัวเองได้อย่างมั่นคง ซึ่งทั้งหมดนี้ถังเจิ้งหัวไม่ได้คาดหวังผลตอบแทนใด ๆ จากเธอ
ภาพจาก sohu.com
ในตอนนั้นภรรยาของถังเจิ้งหัวไปทำงานต่างถิ่น ทำให้เธอไม่สามารถมาดูแลสามีได้ในทันที แต่เคราะห์ดีที่โรงพยาบาลซึ่งถังเจิ้งหัวกำลังจะถูกส่งตัวไปนั้น คือโรงพยาบาลที่ถานหลิงทำงานอยู่ เมื่อเธอทราบเรื่อง ถานหลิงกับสามีก็ได้เข้ามาช่วยเป็นธุระจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้เขาทั้งหมด ทั้งช่วยเหลือเขาในการลงทะเบียน การเซ็นเอกสาร พาไปเข้ารับการตรวจ และอยู่เคียงข้างเขาตลอดจนกระทั่งเวลา 04.00 น. วันรุ่งขึ้น
ภายใต้การจัดการของถานหลิงทำให้ถังเจิ้งหัวได้รับการรักษาฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว และไม่ต้องถึงขั้นผ่าตัด ซึ่งถังเจิ้งหัวได้กล่าวถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่า "หมอบอกว่าผมมีเลือดออกภายใน และอาจจะเสียชีวิตหากสถานการณ์ไม่อยู่ภายใต้การควบคุม"
"11 ปีก่อน ผมช่วยเหลือและผลักดันให้เธอเข้าวิทยาลัยแพทย์ และ 11 ปีต่อมา เธอก็กลับมาช่วยชีวิตผม" ถังเจิ้งหัว กล่าว พร้อมเผยว่าเขายังอยากให้เรื่องราวของเขา กลายมาเป็นแรงบันดาลใจแก่ผู้อื่นในการส่งต่อความมีน้ำใจเอื้อเฟื้อแก่ผู้อื่นด้วย