เจ้าของอู่รถยก เผยปมชาวเน็ตจับผิดภาพรถ 2 คันทะเบียนเดียวกัน ยันรถทั้ง 2 คันมีทะเบียนถูกต้อง รับผิดเองรู้เท่าไม่ถึงการณ์เอาป้ายอีกคันมาสวม ระหว่างรอป้ายใหม่ที่ชำรุดจากขนส่ง
จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2562 เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนกันหลายคันบนถนนเชียงใหม่-พร้าว ขาออกเมือง
อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ โดยได้บันทึกภาพบริเวณที่เกิดเหตุ
และได้มีการโพสต์ลงเพจของสถานีตำรวจภูธรแม่โจ้
จนทำให้มีผู้สังเกตเห็นว่าในภาพมีรถกระบะ 2 คัน ที่มีหมายเลขทะเบียน กธ 89
เชียงใหม่ เหมือนกัน โดยคันหนึ่งเป็นรถกระบะสีเงิน ยี่ห้อนิสสัน
และอีกคันเป็นรถกระบะเหมือนรถตำรวจ ยี่ห้อมิตซูบิชิ
จนทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากถึงความผิดปกติ
ซึ่งเบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่า รถกระบะทั้ง 2 คัน เป็นรถยกของเอกชนนั้น
ล่าสุด วันที่ 23 เมษายน 2562
รายการเรื่องเด่นเย็นนี้ รายงานว่า นางสายทอง แฮร์โบลด์ เจ้าของอู่รุ่งเรืองบุญทวีและเจ้าของรถยก
ได้ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวพร้อมนำเอกสารหลักฐานทะเบียนรถมายืนยันว่า
รถยนต์ที่เป็นรถยกทั้ง 2 คัน เป็นของตัวเอง
รวมทั้งเป็นรถที่มีทะเบียนและครอบครองถูกต้องตามกฎหมาย
และป้ายทะเบียนที่ใช้ก็ไม่ได้เป็นป้ายทะเบียนปลอมหรือเป็นการสวมทะเบียนแต่อย่างใด
ยอมรับว่ามีการนำป้ายทะเบียนของรถอีกคันหนึ่งไปติดที่รถอีกคันหนึ่งจริง
โดยป้ายหมายเลขทะเบียน กธ 89 เชียงใหม่ นั้น
ที่จริงแล้วเป็นของรถยกยี่ห้อมิตซูบิชิ ที่ดูคล้ายรถตำรวจ
เพราะเป็นรถที่ประมูลมาจากรถปลดประจำการตั้งแต่ปี 2552
แล้วนำมาดัดแปลงเป็นรถยก ส่วนรถยี่ห้อนิสสัน
เป็นรถที่เพิ่งซื้อมาใหม่เมื่อปลายปีที่แล้ว
แต่ได้แจ้งป้ายทะเบียนชำรุดเพื่อขอออกป้ายทะเบียนใหม่
ซึ่งสำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ ทำให้แล้ว แต่ตนเองยังไม่ได้ไปรับมา
จึงได้นำป้ายหมายเลขทะเบียน กธ 89 เชียงใหม่ ของรถยกยี่ห้อมิตซูบิชิ
ไปติดให้กับรถยกยี่ห้อนิสสันเวลาที่จะนำออกไปใช้ทำงานเคลื่อนย้ายรถที่เกิดอุบัติเหตุตามที่ต่าง
ๆ ชั่วคราวในระหว่างที่ยังไม่ได้รับแผ่นป้ายใหม่
เพื่อเลี่ยงปัญหาการถูกเจ้าหน้าที่เรียกตรวจ
นางสายทอง
ระบุอีกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นตนผิดเองเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์
และไม่มีเจตนาจะกระทำผิดกฎหมาย เพราะคิดว่ารถทั้ง 2 คันเป็นของตัวเอง
และเป็นรถที่จดทะเบียนถูกต้องทั้งสองคันจึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ซึ่งตนเองได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.แม่โจ้ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา
ใช้เครื่องหมายที่นายทะเบียนออกให้สำหรับรถคันหนึ่งกับรถอีกคันหนึ่ง
เสียค่าปรับจำนวน 1,000 บาท ไปแล้ว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
รายการเรื่องเด่นเย็นนี้