กองปราบลุยทลายแก๊งสวมซาก สามทะเบียนรถ ยึดรถหรู - ซูเปอร์คาร์ มูลค่ากว่า 200 ล้าน เร่งขยายผลหาความเชื่อมโยงเจ้าหน้าที่รัฐมีเอี่ยวหรือไม่
ภาพจาก กองบังคับการปราบปราม
วันที่ 30 พฤษภาคม 2562 ที่กองบังคับการปราบปราม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันแถลงผลการปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ศปจร.ก.) ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา สามารถยึดรถยนต์หรูได้หลายยี่ห้อ อาทิ แลมโบกินี่ เฟอร์รารี่ และเบนท์ลีย์ มีการสวมซากหรือทะเบียน และปลอมแปลงเอกสาร รวม 10 คัน มูลค่ารวมกว่า 200 ล้านบาท
โดย พล.ต.ต. จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการกองปราบปราม ได้เปิดเผยแผนประทุษกรรมของขบวนการโจรกรรมรถในปัจจุบันว่ามีอยู่ 4 รูปแบบ ดังนี้...
1. การสวมซากจากรถที่ประสบอุบัติเหตุ ด้วยการทำเลขตัวถังปลอมขึ้นมา ให้ตรงกับรถที่จะสวมซาก แม้แต่เลขที่กระจกข้าง กระจกหน้า ก็มีการปลอมแปลงเลขทั้งสิ้น ซึ่งขบวนการนี้มีฝีมือมาก ทำได้อย่างละเอียด ต้องใช้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบ
2. เป็นการสวมซากรถเก่าที่ได้จากการประมูลในราคาถูกจากกรมศุลกากร มาคัดเลขตัวถังกับรถที่ลักลอบนำเข้ามา ซึ่งกองปราบฯ อยู่ระหว่างการขยายผล
3. ปลอมแปลงเอกสารการนำเข้าของกรมศุลกากร ของรถที่นำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน และนำเข้ามาในลักษณะการท่องเที่ยว
4. การสวมทะเบียนเป็นรถแฝดกับคันที่ถูกต้องตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ขยายผลการจับกุมได้จากการตรวจสอบในอินเทอร์เน็ต ที่มีการขายในราคาถูกกว่าตลาด และจะทำการสืบสวนสอบสวนขยายผลต่อไป เพราะเชื่อว่าขบวนการเหล่านี้ยังมีการก่อเหตุอีกหลายรูปแบบ
ทั้งนี้ การเอาผิดจะดูที่เจตนาของผู้ครอบครอง ผู้ที่รู้ว่ารถสวมทะเบียนเข้ามา จะถูกดำเนินการตามกฎหมาย และสำหรับผู้ที่ถูกหลอก คนกลุ่มนี้จะเปรียบเหมือนผู้เสียหาย พร้อมแนะนำให้ผู้ซื้อตรวจสอบประวัติให้ดีก่อนซื้อ ตรวจสอบราคากลาง ตรวจสภาพก่อนจดทะเบียน หรือโอนรถเข้าตรวจสภาพกับกรมการขนส่งทางบก และการตัดสินใจซื้อ ควรผ่านระบบไฟแนนซ์ เพราะจะช่วยคัดกรองได้อีกทางหนึ่ง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก กองบังคับการปราบปราม
ภาพจาก กองบังคับการปราบปราม
วันที่ 30 พฤษภาคม 2562 ที่กองบังคับการปราบปราม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันแถลงผลการปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ศปจร.ก.) ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา สามารถยึดรถยนต์หรูได้หลายยี่ห้อ อาทิ แลมโบกินี่ เฟอร์รารี่ และเบนท์ลีย์ มีการสวมซากหรือทะเบียน และปลอมแปลงเอกสาร รวม 10 คัน มูลค่ารวมกว่า 200 ล้านบาท
โดย พล.ต.ต. จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการกองปราบปราม ได้เปิดเผยแผนประทุษกรรมของขบวนการโจรกรรมรถในปัจจุบันว่ามีอยู่ 4 รูปแบบ ดังนี้...
1. การสวมซากจากรถที่ประสบอุบัติเหตุ ด้วยการทำเลขตัวถังปลอมขึ้นมา ให้ตรงกับรถที่จะสวมซาก แม้แต่เลขที่กระจกข้าง กระจกหน้า ก็มีการปลอมแปลงเลขทั้งสิ้น ซึ่งขบวนการนี้มีฝีมือมาก ทำได้อย่างละเอียด ต้องใช้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบ
2. เป็นการสวมซากรถเก่าที่ได้จากการประมูลในราคาถูกจากกรมศุลกากร มาคัดเลขตัวถังกับรถที่ลักลอบนำเข้ามา ซึ่งกองปราบฯ อยู่ระหว่างการขยายผล
3. ปลอมแปลงเอกสารการนำเข้าของกรมศุลกากร ของรถที่นำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน และนำเข้ามาในลักษณะการท่องเที่ยว
4. การสวมทะเบียนเป็นรถแฝดกับคันที่ถูกต้องตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ขยายผลการจับกุมได้จากการตรวจสอบในอินเทอร์เน็ต ที่มีการขายในราคาถูกกว่าตลาด และจะทำการสืบสวนสอบสวนขยายผลต่อไป เพราะเชื่อว่าขบวนการเหล่านี้ยังมีการก่อเหตุอีกหลายรูปแบบ
ทั้งนี้ การเอาผิดจะดูที่เจตนาของผู้ครอบครอง ผู้ที่รู้ว่ารถสวมทะเบียนเข้ามา จะถูกดำเนินการตามกฎหมาย และสำหรับผู้ที่ถูกหลอก คนกลุ่มนี้จะเปรียบเหมือนผู้เสียหาย พร้อมแนะนำให้ผู้ซื้อตรวจสอบประวัติให้ดีก่อนซื้อ ตรวจสอบราคากลาง ตรวจสภาพก่อนจดทะเบียน หรือโอนรถเข้าตรวจสภาพกับกรมการขนส่งทางบก และการตัดสินใจซื้อ ควรผ่านระบบไฟแนนซ์ เพราะจะช่วยคัดกรองได้อีกทางหนึ่ง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก กองบังคับการปราบปราม