พรรคเพื่อไทย แถลงชัด 7 พรรคพันธมิตร มีมติสนับสนุน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นคู่แข่ง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา โหวตชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี วันพรุ่งนี้
แม้พรรคเพื่อไทยจะได้ ส.ส. เป็นอันดับ 1 แต่ก็ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เนื่องจากกฎกติกาที่วางไว้ คล้ายกับเอื้อให้ฝ่ายสืบทอดอำนาจได้กุมตำแหน่งต่อไป เราจึงจำเป็นที่จะต้องประสานพรรคต่าง ๆ ให้มาร่วมกันหยุดการสืบทอดอำนาจ แก้รัฐธรรมนูญโดยเฉพาะการให้ ส.ว. มีสิทธิ์โหวตเลือกนายกฯ และกฎกติกาต่าง ๆ ที่ออกแบบมาให้เป็นอุปสรรคต่อการเลือกตั้ง
ภาพจาก ข่าวเวิร์คพอยท์
วันที่ 4 มิถุนายน 2562 ข่าวเวิร์คพอยท์ รายงานว่า
ที่พรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย
ได้แถลงภายหลังการประชุม ส.ส.พรรค ซึ่งในที่ประชุมได้มีการพูดคุย 2
เรื่องใหญ่ ๆ คือ การทำหน้าที่ในสภาเพื่อโหวตนายกฯ ในวันพรุ่งนี้ (5
มิถุนายน 2562) และการตัดสินใจส่งบุคคลชิงนายกฯ หรือไม่ ระบุว่า
แม้พรรคเพื่อไทยจะได้ ส.ส. เป็นอันดับ 1 แต่ก็ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เนื่องจากกฎกติกาที่วางไว้ คล้ายกับเอื้อให้ฝ่ายสืบทอดอำนาจได้กุมตำแหน่งต่อไป เราจึงจำเป็นที่จะต้องประสานพรรคต่าง ๆ ให้มาร่วมกันหยุดการสืบทอดอำนาจ แก้รัฐธรรมนูญโดยเฉพาะการให้ ส.ว. มีสิทธิ์โหวตเลือกนายกฯ และกฎกติกาต่าง ๆ ที่ออกแบบมาให้เป็นอุปสรรคต่อการเลือกตั้ง
ในวันพรุ่งนี้
พรรคเพื่อไทยจะไม่เสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ แข่งในสภา
และจะสนับสนุนแนวทางของทั้ง 7 พรรค ที่เปิดโอกาสให้ นายธนาธร
จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้แข่งขันกับ พล.อ. ประยุทธ์
จันทร์โอชา ซึ่งพรรคเรายังรักษาสัญญาที่ให้ไว้ว่า ไม่ขอรับตำแหน่งใด ๆ
ทั้งสิ้น
ภาพจาก ไทยโพสต์
หากถามว่าพรรคเพื่อไทยไม่เสนอชื่อชิงนายกรัฐมนตรี จะตอบชาวบ้านอย่างไร
นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้ในที่ประชุมถกเถียงกันมาก
แต่คิดว่าประชาชนเข้าใจ เพราะประชาชนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง ไม่อยากเห็น
พล.อ. ประยุทธ์ ทำหน้าที่ต่อไป ส่วนหลังจากนี้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์
จะมีบทบาทใหม่หรือไม่ ยังไม่ได้เกี่ยวกับการตัดสินใจครั้งนี้ และขณะนี้
นายชัชชาติ ก็ยังเป็นสมาชิกพรรค ยังมาประชุมและทำงานกับพรรคเหมือนเดิม
ด้าน นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า
พรรคเพื่อไทยเตรียมประเด็นเสนอญัตติอภิปรายนายกฯ หลายประเด็น อาทิ
คุณสมบัติต้องห้ามนายกฯ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 หรือไม่ กรณี พล.อ.
ประยุทธ์ เป็นผู้คัดเลือก ส.ว. 250 คน แล้วให้มาเลือกตัวเอง
ดูแล้วไม่เป็นกลางทางการเมือง ส่วนการอภิปรายจะวุ่นวายหรือไม่
อยู่ที่การควบคุมของประธานสภา และอยู่ที่ว่าจะมีการเปิดให้อภิปรายอย่างกว้างขวางหรือไม่
ภาพจาก ข่าวเวิร์คพอยท์
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก