รวบแท็กซี่ใช้ท่อแป๊บตีนักท่องเที่ยวสาวเกาหลี ก่อนชิงโทรศัพท์มูลค่ากว่า 5 หมื่นบาทหลบหนี เจ้าตัวรับสารภาพ ทำไปเพราะทะเลาะกันเรื่องกดมิเตอร์
เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2562 Workpoint News รายงานว่า ที่กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 (บก.สปพ.) มีการแถลงการจับกุมนายธนเดช ธนาถิรพงศ์ วัย 51 ปี แท็กซี่ที่ทำร้ายร่างกาย ชิงโทรศัพท์มือถือนักท่องเที่ยวสาวชาวเกาหลีใต้ 2 เครื่อง มูลค่า 5.4 หมื่นบาท
ด้าน พล.ต.ต. สำราญ นวลมา ผบก.สปพ. แถลงว่า ช่วงดึกวันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา สายด่วน 191 ได้รับแจ้งว่ามีการทำร้ายร่างกาย ชิงทรัพย์นักท่องเที่ยวที่ซอยวิภาวดีรังสิต 8 โดยผู้เสียหายเป็นชาวเกาหลีใต้ ขึ้นรถแท็กซี่จากห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านรัชดาภิเษก มุ่งหน้าสู่ จ.สมุทรปราการ แต่สุดท้ายแท็กซี่พาขับออกนอกเส้นทาง พอถึงจุดเปลี่ยวก็ใช้ท่อนเหล็กแป๊บตีและชิงโทรศัพท์มือถือซัมซุง กาแล็คซี เอส 8 พลัส ราคา 2.6 หมื่นบาท และซัมซุงโน้ต 9 ราคา 2.8 หมื่นบาทไปได้ พร้อมกับทิ้งผู้เสียหายที่อยู่ในสภาพมึนเมาลงจากรถ
ต่อมา ตำรวจจับกุมตัวนายธนเดชที่บ้านพักในซอยอินทามระ 3 เจ้าตัวให้การสารภาพว่า ทำไปเพราะทะเลาะกับผู้เสียหายที่ไม่ได้กดมิเตอร์ค่าโดยสาร ส่วนโทรศัพท์ที่ได้มาก็ส่งขายต่อได้เครื่องละ 5 พันบาท
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจประวัติพบว่านายธนเดชเคยถูกดำเนินคดีฐานลักทรัพย์ในปี 2558 มาแล้ว หลอกผู้เสียหายลงไปเข็นรถ แล้วหนีไปพร้อมสัมภาระมูลค่า 2 แสนบาท
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2562 Workpoint News รายงานว่า ที่กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 (บก.สปพ.) มีการแถลงการจับกุมนายธนเดช ธนาถิรพงศ์ วัย 51 ปี แท็กซี่ที่ทำร้ายร่างกาย ชิงโทรศัพท์มือถือนักท่องเที่ยวสาวชาวเกาหลีใต้ 2 เครื่อง มูลค่า 5.4 หมื่นบาท
ด้าน พล.ต.ต. สำราญ นวลมา ผบก.สปพ. แถลงว่า ช่วงดึกวันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา สายด่วน 191 ได้รับแจ้งว่ามีการทำร้ายร่างกาย ชิงทรัพย์นักท่องเที่ยวที่ซอยวิภาวดีรังสิต 8 โดยผู้เสียหายเป็นชาวเกาหลีใต้ ขึ้นรถแท็กซี่จากห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านรัชดาภิเษก มุ่งหน้าสู่ จ.สมุทรปราการ แต่สุดท้ายแท็กซี่พาขับออกนอกเส้นทาง พอถึงจุดเปลี่ยวก็ใช้ท่อนเหล็กแป๊บตีและชิงโทรศัพท์มือถือซัมซุง กาแล็คซี เอส 8 พลัส ราคา 2.6 หมื่นบาท และซัมซุงโน้ต 9 ราคา 2.8 หมื่นบาทไปได้ พร้อมกับทิ้งผู้เสียหายที่อยู่ในสภาพมึนเมาลงจากรถ
ต่อมา ตำรวจจับกุมตัวนายธนเดชที่บ้านพักในซอยอินทามระ 3 เจ้าตัวให้การสารภาพว่า ทำไปเพราะทะเลาะกับผู้เสียหายที่ไม่ได้กดมิเตอร์ค่าโดยสาร ส่วนโทรศัพท์ที่ได้มาก็ส่งขายต่อได้เครื่องละ 5 พันบาท
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจประวัติพบว่านายธนเดชเคยถูกดำเนินคดีฐานลักทรัพย์ในปี 2558 มาแล้ว หลอกผู้เสียหายลงไปเข็นรถ แล้วหนีไปพร้อมสัมภาระมูลค่า 2 แสนบาท
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
