หนุ่มบิ๊กไบค์รุดกราบเท้าพ่อ-แม่ น้องลิ้นจี่ ยันไม่คิดหนี ชี้เจ็บเหมือนกัน ปากเบี้ยว ต้องนอนพัก

 

            หนุ่มบิ๊กไบค์ เผยตัวเองก็เจ็บ ต้องนอนพัก ยืนยันไม่ได้คิดหนีและยินดีรับผิดชอบ เสียใจทำคนอนาคตไกลต้องตาย ด้านพ่อแม่น้องลิ้นจี่ ยังเศร้า ใช้รูปปริญญาลูกตั้งหน้าศพ


           คดีน้องลิ้นจี่ หรือ นางสางวิลาวัณย์ พุ่มมาลา อายุ 22 ปี ถูกรถบิ๊กไบค์ชนขณะเดินข้ามถนนตรงทางม้าลาย โดยผู้ก่อเหตุคือ นายชีวานนท์ ปรีชากิจโกศล อายุ 20 ปี ซึ่งน้องลิ้นจี่ต้องนอนพักรักษาตัวเป็นอาทิตย์จากอาการสมองตาย จนเมื่อคืนวันที่ 6 กรกฎาคม น้องลิ้นจี่เสียชีวิต ตามที่มีรายงานไปแล้วนั้น

            อ่านข่าว : น้องลิ้นจี่ นศ. จบใหม่ ทำงานวันแรก ถูกบิ๊กไบค์ชนตอนข้ามทางม้าลาย เสียชีวิตแล้ว

           เกี่ยวกับเรื่องนี้ (7 กรกฎาคม 2562) รายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่อง Amarin TV รายงานบทสัมภาษณ์ นายลำจวน และนางเบญจา พุ่มมาลา พ่อและแม่ของน้องลิ้นจี่ ภายในงานศพที่จัดขึ้นที่วัดในพื้นที่หมู่ 4 บ้านวัดกาไสย์ ต.ทางพระ อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง โดยได้ใช้รูปถ่ายชุดปริญญาใช้ตั้งหน้าโลงศพ โดยนายลำจวน เปิดเผยว่า หลังเป็นข่าวคู่กรณีเพิ่งโทร. ติดต่อมาขอโทษ และบอกว่าจะรับผิดชอบค่าเสียหาย ให้เตรียมเอกสารเอาไว้เรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งเขาแจ้งว่าจะเข้ามาขอโทษที่งานศพ แต่ตนเองมองว่าจะมาขอโทษอะไรตอนนี้ เพราะลูกสาวเจ็บมา 6 วัน คู่กรณีไม่เคยมาเยี่ยมแม้แต่วันเดียว จะมาขอโทษตอนนี้ก็คงไม่มีประโยชน์

           นายลำจวน และนางเบญจา เผยอีกว่า ตนเองต้องกู้เงินของสหกรณ์มาเพื่อส่งลูกสาวเรียน จนลูกสาวเรียนจบแต่ก็ต้องมาเสียชีวิตเสียก่อนขณะกำลังจะเดินข้ามถนนไปทำงานที่ฝั่งตรงข้าม ตนเองอยากฝากบอกลูกสาวหากเขาได้ยิน ก็ขอให้ลูกไปอยู่ในภพภูมิที่ดี ส่วนคู่กรณีตนเองก็คงจะไม่ติดใจ หรือพยาบาทต่อกัน เพื่อให้ลูกสาวไปสบาย ส่วนเรื่องคดีความก็ต้องเยียวยา แต่หากตกลงไม่ได้ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด


            ขณะที่ นายชีวานนท์ คนขี่รถบิ๊กไบค์ เปิดเผยหลังเดินทางมาร่วมงานศพ โดยมีการเข้ากราบไหว้ขมาศพน้องลิ้นจี่ และก้มกราบเท้าของนายลำจวนและนางเบญจา ก่อนจะเปิดเผยว่า ตนเองตั้งใจจะมากราบศพเพื่อขอขมา ยืนยันว่าตนเองไม่ได้คิดหนี แต่ตนเองเข้าใจผิด ตนเองพร้อมจะรับผิดชอบ รถตนคันที่เกิดเหตุ พ.ร.บ. ขาด

            ทั้งนี้ ตนเองยืนยันว่าตัวเองก็เจ็บเหมือนกัน เพราะหัวกระแทก ทำให้มึนหัว หมดสติ และปากเบี้ยว ต้องนอนพักอยู่หลายวัน ทำให้ไม่ได้ไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล ตนเองเสียใจที่ทำให้คนที่กำลังจะมีอนาคตต้องจากไป ตนเองใช้ชีวิตตัวคนเดียวเพราะพ่อและแม่แยกทางกัน ตนเองยืนยันว่าจะบวชให้ไม่ 15 วัน ก็ 1 เดือน

            "เสียใจ เราเพิ่งทำคนหนึ่งที่กำลังจะมีอนาคตไกล คือเรามาเจอกันตรงกลางสี่แยกพอดี เจอกันไม่ถึงวินาทีนึงด้วยซ้ำ เสียใจมาก ๆ เราเพิ่งทำให้คนที่กำลังจะอนาคตไกลหายไป ครอบครัวเขารอพึ่งเขาอยู่ จากนี้อะไรที่ช่วยได้ก็จะช่วยเต็มที่"

            นายชีวานนท์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนเองตั้งใจจะไปเยี่ยมอยู่แล้วที่โรงพยาบาล ได้นัดกับแม่ตัวเองแล้วว่าจะไป เพราะตนเองพร้อมแล้ว เริ่มหายดีมีกำลัง แต่เขาก็เสียชีวิตไปก่อน


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
หนุ่มบิ๊กไบค์รุดกราบเท้าพ่อ-แม่ น้องลิ้นจี่ ยันไม่คิดหนี ชี้เจ็บเหมือนกัน ปากเบี้ยว ต้องนอนพัก อัปเดตล่าสุด 8 กรกฎาคม 2562 เวลา 10:12:38 75,700 อ่าน
TOP
x close