นรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความชี้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน อาจนำไปสู่ข้อกล่าวหาร้ายแรงตามมาตรา 112 และ มาตรา 157 ได้
โดยขาดหายไปเป็นสาระสำคัญในประโยคที่ว่า "ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ" ซึ่งในเรื่องนี้เป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาถกเถียงกันอย่างมาก ว่าการถวายสัตย์ปฏิญาณของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ ?
จากข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคลิปของสื่อมวลชนต่าง
ๆ ยืนยันได้ว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
กล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 161
ปัญหาที่ตามมาจึงเกิดการถกเถียงกันอย่างมากจากกระแสสังคมนักวิชาการและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
โดยออกมาแสดงความกังวล
ว่าการถวายสัตย์ปฏิญาณดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายและมีผลสมบูรณ์หรือไม่
หรือมีผลกระทบทางการเมืองทำให้คณะรัฐมนตรีเข้ารับทำหน้าที่โดยถูกต้องตามรัฐธรรมนูญหรือไม่
โดยหลักสากลและจารีตประเพณีในระบอบประชาธิปไตยในอารยธรรมโลก การกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณของผู้นำประเทศก่อนทำหน้าที่รัฐบาล มีความสำคัญเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งทุก ๆ รัฐบาลจะต้องทำหน้าที่กล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณตามข้อกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัดและถูกต้องทุกประการ ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นและเงื่อนไขบังคับก่อนที่จะเข้าทำหน้าที่รัฐบาล
กรณี
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
จะต้องกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณให้ครบถ้อยคำ
ซึ่งถือเป็นสาระสำคัญอันเป็นองค์ประกอบของการถวายสัตย์ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ
แต่นายกรัฐมนตรีกลับถวายสัตย์ปฏิญาณโดยตัดถ้อยคำว่า
"ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ" ออกไป
ซึ่งถือเป็นสาระสำคัญในการที่นายกรัฐมนตรีไม่สามารถละทิ้งถ้อยคำสำคัญนี้ได้อย่างเด็ดขาด
เพราะการปฏิญาณไม่ครบถ้อยคำที่บัญญัติไว้ จะมีผลกระทบทางการเมืองอย่างรุนแรงถึงขนาดอาจทำให้รัฐบาลชุดนี้เป็นโมฆะ ไม่สามารถทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินได้ต่อไป เพราะเป็นผลพวงมาจากการที่นายกรัฐมนตรีทำหน้าที่ไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ และอาจนำไปสู่ข้อกล่าวหาร้ายแรงในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ มาตรา 157 ได้ เช่นกัน
ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ ทำให้ประชาชนเกิดความหวาดระแวงไม่เชื่อถือต่อผู้นำและคณะรัฐมนตรีชุดนี้ อีกทั้งจะเห็นได้ว่าจนถึงวันนี้ยังไม่มีผู้เกี่ยวข้องในรัฐบาลโดยเฉพาะรองนายกฝ่ายกฎหมายออกมาชี้แจงในเรื่องนี้แต่อย่างใด
สำหรับเรื่องที่นายกรัฐมนตรีถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเกิดด้วยความประมาทเลินเล่อหรือเจตนาหรือไม่หรือเกิดขึ้นด้วยเหตุผลใดก็ตาม ทางออกที่ดีที่สุดคือให้ผู้เกี่ยวข้องในรัฐบาลรีบออกมาชี้แจงและทำความเข้าใจในเรื่องนี้เพื่อให้สังคมได้รับทราบถึงเหตุที่เกิดขึ้น
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
วันที่ 3 สิงหาคม 2562 เฟซบุ๊ก สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย โพสต์ข้อความของ นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย
ที่กล่าวถึงกรณีของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ที่ได้นำคณะรัฐมนตรีถวายสัตย์ปฏิญาณ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ระบุว่า นายกรัฐมนตรี ถวายสัตย์ปฏิญาณด้วยถ้อยคำที่ไม่ครบถ้วน
บางคำขาดหายและมีเพิ่มเติมมาบางคำแทน
ซึ่งไม่ตรงกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา
161
โดยขาดหายไปเป็นสาระสำคัญในประโยคที่ว่า "ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ" ซึ่งในเรื่องนี้เป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาถกเถียงกันอย่างมาก ว่าการถวายสัตย์ปฏิญาณของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ ?
ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 161 บัญญัติไว้ว่า
ก่อนเข้ารับหน้าที่
รัฐมนตรีต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ด้วยถ้อยคำดังต่อไปนี้
"ข้าพระพุทธเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า
ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์
และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต
เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน
ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ"
โดยหลักสากลและจารีตประเพณีในระบอบประชาธิปไตยในอารยธรรมโลก การกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณของผู้นำประเทศก่อนทำหน้าที่รัฐบาล มีความสำคัญเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งทุก ๆ รัฐบาลจะต้องทำหน้าที่กล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณตามข้อกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัดและถูกต้องทุกประการ ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นและเงื่อนไขบังคับก่อนที่จะเข้าทำหน้าที่รัฐบาล
ทั้งนี้
เพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นในการทำหน้าที่บริหารประเทศ
โดยเฉพาะในประเทศไทย
รัฐธรรมนูญกำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งองค์กรตามรัฐธรรมนูญต้องปฏิญาณตนก่อนรับหน้าที่
อาทิเช่น ตุลาการ ผู้พิพากษา รัฐมนตรี
ซึ่งถือว่าได้ปฏิบัติตามกฎหมายสูงสุด คือกฎหมายรัฐธรรมนูญ
เพราะการปฏิญาณไม่ครบถ้อยคำที่บัญญัติไว้ จะมีผลกระทบทางการเมืองอย่างรุนแรงถึงขนาดอาจทำให้รัฐบาลชุดนี้เป็นโมฆะ ไม่สามารถทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินได้ต่อไป เพราะเป็นผลพวงมาจากการที่นายกรัฐมนตรีทำหน้าที่ไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ และอาจนำไปสู่ข้อกล่าวหาร้ายแรงในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ มาตรา 157 ได้ เช่นกัน
ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ ทำให้ประชาชนเกิดความหวาดระแวงไม่เชื่อถือต่อผู้นำและคณะรัฐมนตรีชุดนี้ อีกทั้งจะเห็นได้ว่าจนถึงวันนี้ยังไม่มีผู้เกี่ยวข้องในรัฐบาลโดยเฉพาะรองนายกฝ่ายกฎหมายออกมาชี้แจงในเรื่องนี้แต่อย่างใด
สำหรับเรื่องที่นายกรัฐมนตรีถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเกิดด้วยความประมาทเลินเล่อหรือเจตนาหรือไม่หรือเกิดขึ้นด้วยเหตุผลใดก็ตาม ทางออกที่ดีที่สุดคือให้ผู้เกี่ยวข้องในรัฐบาลรีบออกมาชี้แจงและทำความเข้าใจในเรื่องนี้เพื่อให้สังคมได้รับทราบถึงเหตุที่เกิดขึ้น
โดยออกมาแสดงความรับผิดชอบยอมรับความบกพร่องและรีบแก้ไขข้อบกพร่องโดยเร็ว
เพราะหากยังปล่อยให้รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินเนิ่นนานไปก็จะแก้ไขสิ่งต่าง
ๆ ได้ยากและจะเป็นปัญหากับสิ่งที่รัฐบาลได้ทำลงไปก่อนหน้านี้แล้ว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก