ดราม่าระอุ อาจารย์จุฬาฯ รวมตัวป้อง พล.อ. ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี หลังทำท่ามินิฮาร์ต หลังจากจับกุมตัวคนก่อเหตุกราดยิงโคราชได้ มองเป็นการให้กำลังใจประชาชน คนอคติเลยด่ายับ เจอนิสิตเข้ามาเมนต์ ยกที่มาท่ามินิฮาร์ตใช้ในงานรื่นเริง ยันไม่ได้อคติ ยกตัวอย่างใครทำท่านี้ในงานศพ ก็โดนเหมือนกัน
จากกรณีชาวเน็ตพากันติดแฮชแท็ก #มาพ่องเพิ่งอะไร จนติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 ซึ่งส่วนใหญ่ วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โบกมือและทำท่ามินิฮาร์ตให้กับประชาชน หลังการแถลงข่าวเหตุการณ์สะเทือนขวัญ กราดยิงโคราช
ซึ่งในสังคมประชาธิปไตย
ทุกคนย่อมมีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง
เนื่องจากมีอีกมุมที่มองว่าการทำท่ามินิฮาร์ตของ พล.อ. ประยุทธ์
ไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไร เช่นเดียวกับอาจารย์ท่านหนึ่ง
จากภาควิชาที่เกี่ยวกับการสื่อสารของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ที่ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว
คล้ายปกป้องนายกรัฐมนตรีและรำคาญแฮชแท็กดังกล่าว โดยระบุว่า "มินิฮาร์ตแล้วไง #มาพ่องเพิ่งอะไร #น่ามคาน" มีคนบางกลุ่มไม่พอใจการแถลงข่าวของนายกฯ แล้วหาเรื่องด่า
สลดใจกับคนพวกนี้มาก
ซึ่งต่อมามีอาจารย์ท่านอื่น ๆ
เข้ามาร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยมองว่า
การโบกมือและทำท่ามินิฮาร์ตของนายกฯ
เป็นภาษากายที่อาจหมายถึงการให้กำลังใจแทนคำพูด ดีกว่าเดินผ่านไปเฉย ๆ
ไม่หันไปมอง ส่วนการยิ้มให้ ไม่ได้แปลว่ามีความสุขหรือรื่นเริง
แต่เป็นการทักทาย หากไม่ทำอะไรแล้วเดินขึ้นรถไปเลย
คนก็อาจหาเรื่องด่าได้อีก การตีความหมายขึ้นอยู่กับอคติในใจที่คนคนนั้นมีต่อ พล.อ. ประยุทธ์ ด้วย ซึ่งบางคนก็จ้องแต่จะหาเรื่อง
ตำหนิอย่างไม่สร้างสรรค์
จากการพูดคุยของเหล่าอาจารย์หลายท่าน ต่อมามีนิสิตชายรายหนึ่ง
เข้ามาคอมเมนต์ตอบกลับยาวเหยียด ด้วยความคิดเห็นอีกมุมหนึ่งด้วยถ้อยคำสุภาพ
พร้อมยกความหมายและที่มาของท่ามินิฮาร์ต ซึ่งมีต้นกำเนิดจากเกาหลี
โดยทั่วไปเอาไว้ใช้ถ่ายภาพในงานรื่นเริง และการที่นายกฯ
ใช้ท่านี้โดยขาดความเข้าใจถึงต้นกำเนิดและบริบทโดยรอบ
แถมภาพที่ออกมาถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก จึงทำให้คนเกิดความไม่พอใจเป็นธรรมดา
หากตัดเรื่องอคติออกไป เชื่อว่าเป็นใครก็ต้องโดนด่าเช่นกัน
ยกตัวอย่าง หากเราไปงานศพของพ่อเพื่อน แล้วเรายกมือทำท่ามินิฮาร์ตถ่ายรูปหน้าโลงศพ ในขณะที่คนอื่นกำลังโศกเศร้า ไม่ว่าเราจะอยากให้กำลังใจเพื่อนแค่ไหน ก็โดนด่าเรื่องความไม่เหมาะสมอยู่ดี เหตุการณ์นี้ผู้คนต้องการการแสดงออกซึ่งความเสียใจที่เป็นสากล ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากเลย ให้คนมองเข้าใจว่าผู้นำกำลังเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เรื่องนี้จึงเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าท่านนายกฯ ยังขาดทักษะเรื่องนี้มาก ตนพร้อมรับฟังอาจารย์ รวมถึงอยากให้อาจารย์รับฟังในมุมของศิษย์ด้วย อาจทำเป็นเคสที่ต้องหาข้อสรุปเหมือนในคาบเรียนของอาจารย์
ก่อนที่อาจารย์จะเข้ามาตอบกลับว่า ดีใจที่แสดงมุมมองออกมาและจำได้ว่าครูสอนอะไรบ้าง ทั้งที่เข้าเรียนน้อยมาก ความคิดครูแค่รำคาญ เด็ก ๆ ไม่ต้องให้ความสำคัญก็ได้ ก่อนที่ลูกศิษย์จะเข้ามาตอบกลับอีกว่า ไม่ให้ความสำคัญไม่ได้ เพราะตนเชื่อว่าอาจารย์มีพลังมากพอที่จะชี้นำลูกศิษย์ไปทางไหน ๆ พร้อมขอโทษที่ไม่ค่อยได้เข้าเรียน
การโต้ตอบเป็นไปอย่างสุภาพ แต่ยังมีลูกศิษย์และอาจารย์คนอื่น ๆ
ที่คอมเมนต์กันอย่างดุเดือด
รวมถึงมีคอมเมนต์ที่ด่าเด็กด้วยถ้อยคำหยาบคายอีกด้วย เช่น "อ๋อ
ไอ้เด็กหน้าเบี้ยว ตาเหล่นั่นหรอคะ เกิดมาหน้าเหี้xแล้วยังปากหมาอีก
หวังว่ามึงอ่านอยู่แล้วตอบกูนะ ไอเด็กเหี้x" โดยข้อความทั้งหมดมีดังนี้...