x close

3 นักชกไทยเฮ ไปโอลิมปิก



            การแข่งขันมวยสากลสมัครเล่นรอบคัดเลือกโอลิมปิก โซนเอเชีย ครั้งที่ 1 ที่ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ เมื่อ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา เป็นการชกในรอบรองชนะเลิศ ซึ่งถ้าใครชนะในรอบนี้ จะคว้าตั๋วไปโอลิมปิก 2008 ปักกิ่งเกมส์ ทันที โดยนักชกไทยขึ้นสังเวียนคนแรกในรุ่นแบนตั้มเวต (54 กก.) วรพจน์ เพชรขุ้ม อดีตนักชกเหรียญเงินโอลิมปิก 2004 เจอกับคู่ปรับเก่า ฮวน ทิปปอน จากฟิลิปปินส์ ซึ่งทั้งคู่เคยเจอกันมาก่อนหน้านี้ 3 ครั้ง โดย วรพจน์ ชนะคะแนนขาดลอยในรอบชิงฯซีเกมส์ ครั้งที่ 22 ที่เวียดนาม แต่ วรพจน์ มาแพ้คะแนนในรอบรองฯ กีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 15 โดฮาเกมส์ แล้วมาแก้มือชนะคะแนนในรอบแรกศึกเวิลด์แชมเปี้ยนชิพ 2007 ที่ชิคาโก เมื่อปีที่ผ่านมา

            สำหรับการเจอกันอีกในครั้งนี้ เปิดฉากยกแรก ทั้งคู่ชกกันแบบระวังตัวมาก เพราะต่างรู้เชิงกันดี ยังออกหมัดกันไม่เข้าเป้าชัดเจนทั้งคู่ แต่กลางยก วรพจน์ ดักชกฮุคขวาได้เต็มหน้า 1 หมัด จบยกแรกนำแค่ 1-0 หมัด ขึ้นยก 2 ทั้งคู่พยายามโยกหลอกหาจังหวะเข้าทำ วรพจน์ ใช้ความเร็วโฉบเข้าซัดฮุคขวาเข้าลำตัวและใบหน้าได้เนื้อ ๆ 3 หมัด ทำแต้มทิ้งห่างไป 4-1 หมัด จากนั้นในยก 3 การชกยังเป็นไปในรูปแบบเดิม วรพจน์ ดักชกได้แม่นกว่า นำไป 6-2 หมัด

          จนมาถึงยก 4 ยกสุดท้าย ทิปปอน เดินเบียดเข้าหาเร็วขึ้น พยายามออกหมัดเป็นชุด ในขณะที่ วรพจน์ โยกหลบแล้วโต้ตลอด แต้มเบียดกันสูสี ทิปปอน ไล่มา 6-8 หมัด แต่ปลายยก วรพจน์ ดักต่อยลำตัวได้เข้าเป้าชัดเจนอีก 1 หมัด ครบ 4 ยก วรพจน์ ชนะคะแนนไป 9-6 หมัด คว้าตั๋วไปโอลิมปิกได้สำเร็จอีกครั้ง และเข้ารอบชิงฯไปเจอกับ อาคิล กุมาร จากอินเดีย ที่ชนะอาร์เอสซี.เอาต์สกอร์ยก 3 จิน ยม โชล จากเกาหลีเหนือ

            ชัยชนะนัดนี้ ทำให้ วรพจน์ จะได้รับเงินอัดฉีกจาก นายศักดิ์ชัย วงศ์มาลาสิทธิ์ ผู้จัดการทีมนักชกไทย 50,000 บาท ซึ่งหลังชก วรพจน์ เปิดเผยว่า ไฟต์นี้ออกหมัดกันน้อย เพราะเจอกันมาแล้ว 3 หน รู้ทางกันดี แต่ก็ชกสบาย เพราะ ทิปปอน ไม่กล้าออกหมัดหลัง เพราะกลัวตนดักสวนฮุคขวา แต่ตนเองอาศัยความมั่นใจพยายามชิงจังหวะชกแบบเน้น ๆ จนชนะมาได้

            รู้สึกดีใจมากที่ได้ไปโอลิมปิกอีกครั้ง เหลือเวลาอีก 6 เดือนตนเองจะฟิตซ้อมให้ดีที่สุด เตรียมร่างกายให้พร้อมที่สุด มากกว่า ที่เคยไปโอลิมปิก 2004 เอเธนส์เกมส์ เพราะเป็นนักชกความหวังของสมาคมมวยฯคนหนึ่งด้วย ซึ่งที่ได้เหรียญเงินโอลิมปิก 2004 เพราะตนชกโดยไม่กดดัน ไม่ได้คิดว่าเป็นการชกในโอลิมปิก แต่คิดว่ากำลังชกในกีฬาแห่งชาติที่เมืองไทย การไป ปักกิ่งเกมส์ ครั้งนี้ ก็จะคิดแบบเดียวกัน คือคิดแค่ว่าไปชกแค่กีฬาแห่งชาติเหมือนกัน เพราะถ้าหากกดดัน จะทำให้ตื่นเต้น กระทบฟอร์มการชก ความหวังจาก 100% อาจเหลือแค่ 85% และโอลิมปิกครั้งที่ผ่านมา ตนได้แค่เหรียญเงิน แต่ครั้งนี้ ขอตั้งเป้าเป็น ฮีโร่ อีกครั้ง และจะคว้าเหรียญสูงสุด คือเหรียญทองให้ได้


            จากนั้นในรุ่นไลต์เวลเตอร์เวต (64 กก.) มนัส บุญจำนงค์ นักชกเหรียญทองโอลิมปิก 2004 เอเธนส์เกมส์ ขึ้นตัดเชือกกับ บีแยมบา ทุบชินบัต จากมองโกเลีย เปิดฉากยกแรก นักชกมองโกเลีย เป็นฝ่ายเดินเข้าหา แต่ มนัส โชว์ชั้นเชิงและลีลาการชกเหนือกว่าทุกรูปแบบ โยกหลอกแล้วกระแทกหมัดช้าย-ขวา เข้าลำตัวสลับใบหน้าได้ชัดเจน นำไปก่อน 5-2 หมัด และเป็น 9-5 ในยก 2 ขึ้นยก 3 นักชกมองโกลียเร่งบุกมากขึ้น แต่ยิ่งเดินยิ่งโดน มนัส โชว์เหนือชั้นเรียกเสียเฮจากกองเชียร์ได้ตลอดโกยแต้มนำห่าง 15-6 และในยกสุดท้าย ทุบชินบัต พยายามบุกแหลก แต่สู้ความเร็ว และชั้นเชิงที่เหนือกว่าของ มนัส ไม่ได้ โดน มนัส ดักจิ้มซ้ายขวาเข้าเป้าชัดเจน ครบ 4 ยก มนัส ชนะแต้มไปขาดลอย 18-6 หมัด คว้าตั๋วไปโอลิมปิกสำเร็จ เข้ารอบชิงฯไปเจอกับ เกียง ไมไมติเตอซุน จากจีนที่ชนะอาร์เอสซี.ยก 3 มาดามินอฟ จากคีร์กิสถาน

            หลังชก มนัส เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจมากที่ได้ไปโอลิมปิกอีกครั้ง เหลือเวลาอีก 6 เดิอน ตนเองจะฟิตร่างกายให้แกร่งที่สุด เพราะคิดว่าการไปชกโอลิมปิกร่างกายต้องแกร่งกว่านี้อีกมาก และตั้งตั้งใจจะไปป้องกันแชมป์ให้ได้ คว้าเหรียญทองอีกหน ส่วนในรอบชิงฯกับนักชกจีนจะเอาชนะคว้าแชมป์ให้ได้ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับตนเอง


           นักชกไทยรายที่ 3 และรายสุดท้ายที่ขึ้นชกในรอบตัดเชือก อังคาร ชมพูพวง ในรุ่นมิดเดิลเวต (75 กก.) เจอกับ จิน เดือก โช จากเกาหลีใต้ ซึ่งเปิดฉากการชก นักชกเกาหลีใต้พยายามเดินเข้าลุย แต่ อังคาร ออกหมัดเร็วกว่า ทำแต้มนำในยกแรก 8-3 และ 12-6ในยก 2 ขณะที่ยก 3 อังคาร ยังดักชกเข้าเป้าชัดเจนกว่านำห่าง 19-9 หมัด และยก 4 ขณะที่แต้มนำ 21-9 พี่เลี้ยงเกาหลีใต้ถอดใจโยนผ้ายอมแพ้ ทำให้ อังคาร ชนะอาร์เอสซี.ในยก 4 คว้าตั๋วไปโอลิมปิกสำเร็จเป็นคนที่ 3 และเข้ารอบชิงฯไปเจอกับ ราซุยลอฟ เอลโชด จากอุซเบฯ ที่ชนะคะแนน เรียวตะ มูราตะ จากญี่ปุ่น 24-7 หมัด หลังชก อังคาร เผยว่า ดีใจที่สุดในชีวิต เพราะใฝ่ฝันมานานแล้วว่าจะไปโอลิมปิกให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต และจะคว้าเหรียญใดเหรียญหนึ่งกลับเมืองไทยให้ได้

            ด้าน เสธ.ทวีป พลเอกทวีป จันทรโรจน์ เปิดเผยว่า ตอนนี้ไทยได้โควตาไปโอลิมปิกแล้ว 8 รุ่น หลังได้มาก่อน 5 รุ่น ส่วนรอบคัดเลือกเลกทึ่ 2 ท่าคาซัคสถาน จะหานักมวยดีที่สุดไปคัดในรุ่น 81 กก. เพื่อคว้าโควตาให้ได้ 9 รุ่นเลขมงคล และ หลังจบมวยรอบคัดเลือกโอลิมปิก ครั้งนี้ จะให้นักชกพัก 7 วัน จากนั้นเรียกตัวมาฝึกซ้อมทันทีที่แคมป์โบนันซ่า จ.นครราชสีมา เพื่อเตรียมชกในศึกมวยชิงถ้วยพระราชทานคิงสคัพ เดือนเม.ย. นี้
 
            จากนั้นเดิมจะส่งไปชกที่ฝรั่งเศส แต่ประธานไอบาขอให้ไปชกในศึกพิเศษที่ไต้หวัน ที่จะเชิญนักชกที่ผ่านรอบคัดเลือกโอลิมปิกทั้งหมดมาอุ่นเครื่อง 25 พ.ค.-2 มิ.ย. นี้ ซึ่งช่วงเวลาที่เหลือ 6 เดือนก่อนโอลิมปิก จะเสริมด้านเทคนิค และความแข็งแกร่งให้นักชกอย่างเต็มที่ เพราะอย่าง มนัส นั้นจังหวะฝีมือกลับมาหมดแล้ว ยังขาดเรื่องความแข็งแกร่งต้องมีมากกว่านี้ สำหรับใน ปักกิ่งเกมส์ ตนมั่นใจว่านักชกไทยคว้าเหรียญทองได้แน่นอน และอาจมีเซอร์ไพรส์ได้มากกว่า 1 ทอง เพราะดูแล้ว นักชกชุดนี้อยู่ในระดับลุ้นเหรียญทองได้ 4-5 รุ่น แต่ต้องขึ้นอยู่กับผลการจับสลากแบ่งสายด้วย นอกจากนั้น ชิง กัวะ วู ประธานไอบาชาวไต้หวัน ที่มาควบคุมการแข่งขันด้วยตนเอง ยังกล่าวชม มนัส ด้วยว่า เป็นนักมวยที่มีพรสวรรค์ เป็นมวยอัจฉริยะ ชกฉลาดมาก ในโอลิมปิกปีนี้ ทั้ง มนัส และ วรพจน์ น่าจะสร้างชื่อให้ทีมนักชกไทยมีโอกาสลุ้นเหรียญทอง





ข้อมูลและภาพประกอบจาก

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
3 นักชกไทยเฮ ไปโอลิมปิก อัปเดตล่าสุด 18 สิงหาคม 2551 เวลา 09:31:14 13,232 อ่าน
TOP