รังสิมันต์ ชี้ #Saveโรม
คือการโชว์ให้เห็นว่าทุกคนพร้อมทั้งเคียงข้าง
เปิดกว้างในการตั้งคำถามแสดงความคิดเห็น เชื่อจะไม่เป็นอุปสรรคในการทำงาน
ไม่รู้สึกหวาดกลัว
ภาพจาก สำนักข่าว INN
นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล
ในฐานะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร
กล่าวถึงกระแสการให้กำลังใจ โดยมีแฮชแท็ก #Saveโรม
ว่าตนเชื่อว่าทุกกำลังใจที่ส่งมาถึงตน เพราะเห็นที่ตนเข้าไปจับต้อง เช่น
งานด้านสิทธิมนุษยชนกรณีวันเฉลิม กรณีหมู่อาร์ม
การผลักดันกฎหมายด้านสิทธิต่าง ๆ หรือการต่อสู้กับผู้มีอำนาจ
หรือการชนกับทหาร ประกอบกับสภาวะทางสังคมที่อยู่ในความกลัว
สังคมเกิดความไม่ปลอดภัย ซึ่งเกิดจากการกระทำของผู้มีอำนาจ
แต่รัฐไม่สามารถปกป้องคนเหล่านี้ได้
ทั้งนี้ การขึ้นแฮชแท็ก
#Saveโรม สำหรับตนมันไม่ใช่แค่การแพร่กระจายข่าว
แต่มันคือการโชว์ให้เห็นว่าทุกคนพร้อมทั้งเคียงข้าง แสดงว่าสังคมไทยเห็นด้วยกับการที่ต้องเปิดกว้างในการตั้งคำถาม
เปิดกว้างในการแสดงความคิดเห็น การที่จะไปเซ็นเซอร์ไม่ให้มีการแสดงความคิดเห็น เป็นสิ่งที่ล้าสมัยแล้ว
ดังนั้น คิดว่าทุกอย่างมันเริ่มชัดเจน คนไทยตื่นตัวกับเสรีภาพในการแสดงออก
และการทำหน้าที่ในการปกป้อง
พื้นที่ตรงนี้ผ่านกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน
มันอาจเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับสังคมไทยในเวลานี้
พร้อมกันนี้ นายรังสิมันต์ ยืนยันว่า สัญญาณเตือนจากการปฏิบัติหน้าที่จะไม่เป็นอุปสรรคในการทำงาน เพราะตนไม่รู้สึกหวาดกลัว เมื่อไม่หวาดกลัว การแสดงออกต่าง ๆ ก็จะไม่ถูกเซ็นเซอร์ ขณะเดียวกันปัญหาในการทำงานหรืออุปสรรคที่แท้จริง คือการถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ผ่านการทำหน้าที่เปิดเผยข้อเท็จจริงในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่เชื่อว่าคนรุ่นใหม่กำลังแสวงหาสิทธิเสรีภาพ ความเท่าเทียม อย่างเป็นรูปธรรม
โดยเฉพาะสิทธิมนุษยชนที่จะต้องไม่เห็นเป็นแค่เพียงวาทกรรมสวยหรู ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในหมู่คนรุ่นใหม่ ยืนยันจะทำหน้าที่ให้คุ้มกับเงินภาษีของประชาชน โดยเฉพาะการผลักดันการสร้างประชาธิปไตยให้เกิดขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักข่าว INN