12 รุ่นพี่อุเทนถวาย มอบตัวตามหมายเรียก รับสารภาพร่วมกันทำร้ายน้องปลื้มจนเสียชีวิต แต่อ้างเป็นการทำกิจกรรมรับน้อง ด้าน ผบช.น. ยัน ทุกคนที่ร่วมกิจกรรม จะถูกดำเนินคดีทั้งหมด
วันที่ 21 มิถุนายน 2564 สำนักข่าว INN รายงานว่า พล.ต.ท. ภัคพงศ์ พงศ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เข้าร่วมสอบปากคำ 12 นักศึกษารุ่นพี่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย หลังเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก กรณีการเสียชีวิตของ นายวีรพัฒน์ ตามกลาง หรือน้องปลื้ม นักศึกษาปี 2 คณะวิศวกรรมโยธาฯ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย พร้อมวางแนวทางการสืบสวนสอบสวนร่วมกับพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน
ผบช.น. ยัน ทุกคนที่ร่วมกิจกรรม จะถูกดำเนินคดีทั้งหมด !
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาดำเนินคดีกับรุ่นพี่ที่เป็นผู้ชาย รวม 7 คน ในฐานความผิด ร่วมกันทำร้ายร่างกายทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ควบคุมโรค ส่วนรุ่นพี่ผู้หญิงอีก 5 คน ถูกดำเนินคดี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ควบคุมโรค เนื่องจากพบพยานหลักฐานว่าวันเกิดเหตุรุ่นพี่ผู้หญิงทั้ง 5 คน ได้แยกตัวไปทำกิจกรรมรับน้องกับรุ่นน้องผู้หญิงซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับรุ่นพี่ผู้ชาย
ขณะที่ นักศึกษาที่ร่วมกิจกรรมทุกคน จะถูกดำเนินคดีด้วยเช่นกันใน 2 ข้อหา คือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ควบคุมโรค ส่วนข้อหาบุกรุกเคหสถานในยามวิกาล อยู่ระหว่างมหาวิทยาลัยพิจารณาดำเนินการ โดยยืนยันว่า หากพนักงานสอบสวนพบพยานหลักฐานเพิ่มเติมว่ามีบุคคลอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้น้องปลื้มเสียชีวิต ก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มแน่นอน ส่วนผลชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียด อยู่ระหว่างรอผลจาก รพ.มหาราช นครราชสีมา และ รพ.หัวเฉียว ส่งมาเพื่อรวบรวมในสำนวน
นอกจากนี้ พล.ต.ท. ภัคพงศ์ กล่าวถึงกรณีบทลงโทษหรือมาตรการของสถานศึกษา ว่าเป็นหน้าที่ของสถานศึกษาไม่เกี่ยวข้องกับตำรวจ จึงไม่ทราบรายละเอียด ส่วนที่มีข่าวออกมา ว่าสถาบันลงโทษรุ่นพี่เพียงคนเดียวที่ก่อเหตุ ซึ่งไม่สอดคล้องกับตำรวจ ส่วนนี้ทางตำรวจไม่ทราบการดำเนินการของสถาบัน และเบื้องต้นยังไม่พบว่าสถาบันมีความพยายามช่วยปกปิดข้อมูลให้นักศึกษาแต่อย่างใด
ส่วนการสอบปากคำรุ่นพี่ทั้ง 12 คน ให้การรับสารภาพ แต่อ้างว่าเป็นการทำกิจกรรมรับน้อง ซึ่งผู้ต้องหามีสิทธิจะให้การอย่างไรก็ได้ แต่ยืนยันว่า ทางตำรวจมีพยานหลักฐานมากพอที่จะเอาผิดได้ ไม่ว่าจะเป็นการสอบปากคำอาจารย์ นักศึกษา พนักงานรักษาความปลอดภัย และหลักฐานภาพจากวงจรปิด
หลังจากนี้จะสอบปากคำให้แล้วเสร็จก่อนจะปล่อยตัว เนื่องจากเป็นการมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก จึงไม่มีความจำเป็นต้องมีการออกหมายจับและควบคุมตัว
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN
วันที่ 21 มิถุนายน 2564 สำนักข่าว INN รายงานว่า พล.ต.ท. ภัคพงศ์ พงศ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เข้าร่วมสอบปากคำ 12 นักศึกษารุ่นพี่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย หลังเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก กรณีการเสียชีวิตของ นายวีรพัฒน์ ตามกลาง หรือน้องปลื้ม นักศึกษาปี 2 คณะวิศวกรรมโยธาฯ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย พร้อมวางแนวทางการสืบสวนสอบสวนร่วมกับพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน
ผบช.น. ยัน ทุกคนที่ร่วมกิจกรรม จะถูกดำเนินคดีทั้งหมด !
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาดำเนินคดีกับรุ่นพี่ที่เป็นผู้ชาย รวม 7 คน ในฐานความผิด ร่วมกันทำร้ายร่างกายทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ควบคุมโรค ส่วนรุ่นพี่ผู้หญิงอีก 5 คน ถูกดำเนินคดี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ควบคุมโรค เนื่องจากพบพยานหลักฐานว่าวันเกิดเหตุรุ่นพี่ผู้หญิงทั้ง 5 คน ได้แยกตัวไปทำกิจกรรมรับน้องกับรุ่นน้องผู้หญิงซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับรุ่นพี่ผู้ชาย
ขณะที่ นักศึกษาที่ร่วมกิจกรรมทุกคน จะถูกดำเนินคดีด้วยเช่นกันใน 2 ข้อหา คือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ควบคุมโรค ส่วนข้อหาบุกรุกเคหสถานในยามวิกาล อยู่ระหว่างมหาวิทยาลัยพิจารณาดำเนินการ โดยยืนยันว่า หากพนักงานสอบสวนพบพยานหลักฐานเพิ่มเติมว่ามีบุคคลอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้น้องปลื้มเสียชีวิต ก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มแน่นอน ส่วนผลชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียด อยู่ระหว่างรอผลจาก รพ.มหาราช นครราชสีมา และ รพ.หัวเฉียว ส่งมาเพื่อรวบรวมในสำนวน
นอกจากนี้ พล.ต.ท. ภัคพงศ์ กล่าวถึงกรณีบทลงโทษหรือมาตรการของสถานศึกษา ว่าเป็นหน้าที่ของสถานศึกษาไม่เกี่ยวข้องกับตำรวจ จึงไม่ทราบรายละเอียด ส่วนที่มีข่าวออกมา ว่าสถาบันลงโทษรุ่นพี่เพียงคนเดียวที่ก่อเหตุ ซึ่งไม่สอดคล้องกับตำรวจ ส่วนนี้ทางตำรวจไม่ทราบการดำเนินการของสถาบัน และเบื้องต้นยังไม่พบว่าสถาบันมีความพยายามช่วยปกปิดข้อมูลให้นักศึกษาแต่อย่างใด
ส่วนการสอบปากคำรุ่นพี่ทั้ง 12 คน ให้การรับสารภาพ แต่อ้างว่าเป็นการทำกิจกรรมรับน้อง ซึ่งผู้ต้องหามีสิทธิจะให้การอย่างไรก็ได้ แต่ยืนยันว่า ทางตำรวจมีพยานหลักฐานมากพอที่จะเอาผิดได้ ไม่ว่าจะเป็นการสอบปากคำอาจารย์ นักศึกษา พนักงานรักษาความปลอดภัย และหลักฐานภาพจากวงจรปิด
หลังจากนี้จะสอบปากคำให้แล้วเสร็จก่อนจะปล่อยตัว เนื่องจากเป็นการมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก จึงไม่มีความจำเป็นต้องมีการออกหมายจับและควบคุมตัว
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN
