สาวขึ้นแท็กซี่ มัวเล่นโทรศัพท์จึงไม่ได้มองทาง ทำคนขับพาไปผิดที่ งานนี้เจอด่า มัวแต่เขี่ยห* เขี่ยแ*ด งานนี้โซเชียลมองสองมุม ผิดทั้งคนขับและผู้โดยสาร ก่อนที่เจ้าของรูปตัวจริงโพสต์ งานนี้พีคเลย กลายเป็นคดีสวมรอยแทน
วันที่ 15 กันยายน 2564 ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง มีการโพสต์ร้องเรียนในกลุ่มรวมพลคนขับแท็กซี่ ถึงประสบการณ์การเจอแท็กซี่ที่ไม่สุภาพ ขณะที่กำลังนั่งรถโดยสาร จุดเริ่มต้นของเรื่องคือ เธอได้ขึ้นแท็กซี่บริเวณโชคชัยกับเพื่อน เพื่อไปลงย่านรัชดา ระหว่างทาง เธอมีธุระต้องใช้โทรศัพท์พอดี ทำให้ไม่ได้สนใจทางมากนัก จนสุดท้ายแท็กซี่ขับไปคนละทางกับที่ต้องการไป
ด้วยเหตุนี้ แท็กซี่โมโหจึงด่าว่า มัวแต่เขี่ยโทรศัพท์ เขี่ยห* เขี่ยแ*ด อยู่ได้ ทำให้เธอนั้นตกใจมาก ไม่เคยเจอแท็กซี่พูดไม่ดีกับลูกค้ามาก่อน เธอมองว่า ถึงแม้จะไปผิดทาง แท็กซี่ก็ได้เงินเพิ่มจากมิเตอร์ที่ขับไปไกลกว่าเดิมอยู่ดี ฉะนั้นเรื่องนี้ก็ไม่น่าจะทำให้โมโหได้
เรื่องนี้ คนขับแท็กซี่ก็ควรถูกตำหนิที่ว่าใช้ถ้อยคำรุนแรงกับลูกค้า ส่วนลูกค้าก็ผิดตรงที่ไม่ยอมสนใจการขับรถของแท็กซี่ เพราะไม่ใช่แท็กซี่ทุกคนที่จะรู้เส้นทางแบบทะลุปรุโปร่ง ยังไงผู้โดยสารก็ต้องดูอยู่ดี
ทั้งนี้ มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง บอกว่า ตนเป็นเจ้าของรูปในรถ โดยรูปนั้นเคยทำหล่นเอาไว้ แล้วจู่ ๆ ก็มาติดอยู่ที่รถคันนี้ได้ คาดว่า น่าจะโดนเอารูปมาแอบอ้าง ส่วนความจริง คือ ตนไม่ได้ขับรถเป็นปี ๆ และรถคันนี้ก็ไม่ได้เป็นของตนแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน ก็ขอแนะนำเจ้าของเรื่องว่า เวลาถ่ายรูปแท็กซี่ ควรถ่ายที่คนขับเป็นคลิป หรือไม่ก็ถ่ายใบหน้ารถที่มีรูปและชื่อคนขับอยู่ การที่ถ่ายรูปเล็ก ๆ มาเพียงใบเดียว ทำให้ตนซวยมาก ถูกกล่าวหาไปเรียบร้อยทั้งที่ไม่ได้เป็นคนทำ
อย่างไรก็ตาม ทางผู้โดยสารตอบว่า รถคันนี้ไม่มีใบหน้ารถ มีเพียงแต่รูปเล็ก ๆ ตามที่โพสต์เท่านั้น ซึ่งเธอก็ได้ลบรูปดังกล่าวออกไปแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อเจ้าของรูป รวมถึงกำลังเช็กที่กรมการขนส่งทางบกเกี่ยวกับป้ายทะเบียนว่า มีการสวมรอยอะไรหรือไม่ เพราะอย่างไรแท็กซี่ก็ควรมีใบติดหน้ารถที่บอกชื่อและรูป การที่ไม่มีนั่นถือว่าเป็นความผิดปกติ
วันที่ 15 กันยายน 2564 ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง มีการโพสต์ร้องเรียนในกลุ่มรวมพลคนขับแท็กซี่ ถึงประสบการณ์การเจอแท็กซี่ที่ไม่สุภาพ ขณะที่กำลังนั่งรถโดยสาร จุดเริ่มต้นของเรื่องคือ เธอได้ขึ้นแท็กซี่บริเวณโชคชัยกับเพื่อน เพื่อไปลงย่านรัชดา ระหว่างทาง เธอมีธุระต้องใช้โทรศัพท์พอดี ทำให้ไม่ได้สนใจทางมากนัก จนสุดท้ายแท็กซี่ขับไปคนละทางกับที่ต้องการไป
ด้วยเหตุนี้ แท็กซี่โมโหจึงด่าว่า มัวแต่เขี่ยโทรศัพท์ เขี่ยห* เขี่ยแ*ด อยู่ได้ ทำให้เธอนั้นตกใจมาก ไม่เคยเจอแท็กซี่พูดไม่ดีกับลูกค้ามาก่อน เธอมองว่า ถึงแม้จะไปผิดทาง แท็กซี่ก็ได้เงินเพิ่มจากมิเตอร์ที่ขับไปไกลกว่าเดิมอยู่ดี ฉะนั้นเรื่องนี้ก็ไม่น่าจะทำให้โมโหได้
จากเรื่องที่เกิดขึ้น เธอจึงแอบถ่ายป้ายทะเบียนเอาไว้
และรูปคนขับรถซึ่งเป็นใบขนาดเล็กเพียว ๆ ไม่มีเขียนบอกชื่อ นามสกุลใด ๆ
เพื่อเตือนภัยให้ผู้โดยสารระวังตัว เพราะเกิดมาไม่เคยเจอแบบนี้เลย
ชาวเน็ตให้ข้อคิดทั้งสองมุม
เรื่องนี้ คนขับแท็กซี่ก็ควรถูกตำหนิที่ว่าใช้ถ้อยคำรุนแรงกับลูกค้า ส่วนลูกค้าก็ผิดตรงที่ไม่ยอมสนใจการขับรถของแท็กซี่ เพราะไม่ใช่แท็กซี่ทุกคนที่จะรู้เส้นทางแบบทะลุปรุโปร่ง ยังไงผู้โดยสารก็ต้องดูอยู่ดี
เจ้าของรูปโผล่เมนต์ งานนี้คดีพลิก ?
ทั้งนี้ มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง บอกว่า ตนเป็นเจ้าของรูปในรถ โดยรูปนั้นเคยทำหล่นเอาไว้ แล้วจู่ ๆ ก็มาติดอยู่ที่รถคันนี้ได้ คาดว่า น่าจะโดนเอารูปมาแอบอ้าง ส่วนความจริง คือ ตนไม่ได้ขับรถเป็นปี ๆ และรถคันนี้ก็ไม่ได้เป็นของตนแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน ก็ขอแนะนำเจ้าของเรื่องว่า เวลาถ่ายรูปแท็กซี่ ควรถ่ายที่คนขับเป็นคลิป หรือไม่ก็ถ่ายใบหน้ารถที่มีรูปและชื่อคนขับอยู่ การที่ถ่ายรูปเล็ก ๆ มาเพียงใบเดียว ทำให้ตนซวยมาก ถูกกล่าวหาไปเรียบร้อยทั้งที่ไม่ได้เป็นคนทำ
อย่างไรก็ตาม ทางผู้โดยสารตอบว่า รถคันนี้ไม่มีใบหน้ารถ มีเพียงแต่รูปเล็ก ๆ ตามที่โพสต์เท่านั้น ซึ่งเธอก็ได้ลบรูปดังกล่าวออกไปแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อเจ้าของรูป รวมถึงกำลังเช็กที่กรมการขนส่งทางบกเกี่ยวกับป้ายทะเบียนว่า มีการสวมรอยอะไรหรือไม่ เพราะอย่างไรแท็กซี่ก็ควรมีใบติดหน้ารถที่บอกชื่อและรูป การที่ไม่มีนั่นถือว่าเป็นความผิดปกติ