x close

กล่องนาบุญ มีคุณค่า ไว้อาลัย เหยื่อ สงกรานต์เลือด

กล่องนาบุญ

          สิ้นสุดเทศกาลแห่งความสุขของคนไทย ที่มีโอกาสได้ร่วมฉลองปีใหม่ไทยหรือ "มหาสงกรานต์" กันถ้วนหน้า แต่ก็มีหลายครอบครัวและอีกหลายคนที่ต้องพบกับความโศกเศร้า เพราะคนใกล้ชิดหรือบุคคลที่เคารพ นับถือจากไปอย่างไม่คาดฝัน จนกลายเป็น ธรรมเนียมช่วงเทศกาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งปริมาณผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บพุ่งพรวดอย่างน่าเป็นห่วง ชนวนเหตุต้นๆ ไม่แคล้ว "เมาแล้วขับ" และ "ประมาท" ตามเคย
 
          เมื่อถึงช่วงวันหยุดยาว แม้ว่าหลายหน่วยงานต้องพยายามทำหน้าที่เต็มกำลังเพียงเพื่อไม่ให้ตัวเลขของการเสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่กระนั้นก็ยังมีสถิติเป็นหลักร้อยหรือหลายร้อยให้เห็นกันทุกปี
 
          อาชีพหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญหากมีการเสียชีวิตทุกครั้ง นั่นคือ "ขายพวงหรีด" ร่วมไว้อาลัยแก่ผู้ตาย โดยในการจัดงานศพ แขกบางคนจะถือโอกาสร่วมทำบุญให้กับคนตาย บางส่วนที่ตัวเองไปไม่ได้ก็จะร่วมส่ง "พวงหรีด" ไว้อาลัย อีกทั้งนัยหนึ่งยังเป็นการให้เกียรติให้กับผู้ตาย รวมถึงการแสดงฐานะตามขนาดและราคาของพวงหรีด เพื่อสะท้อนกลับไปยังตัวเจ้าของที่ส่งมาไว้อาลัย ให้แขกผู้ร่วมงานได้ประจักษ์ในตัวตนของเจ้าของพวงหรีดนั้นๆ
 
          ในงานบางงาน หลายท่านคงจะได้เห็นว่า คาราวาน "พวงหรีด" จะเข้าแถวแสดงตัวทำหน้าที่ไว้อาลัยกันยาวเหยียด ก่อนที่จะถูกปลดแถบชื่อของผู้ส่งไปติดตามบอร์ด หรือข้างฝาศาลาสวดศพ เพื่อบอกว่ามีใครบ้างที่ส่งมาเพื่อจารึกไว้ในความทรงจำ
 
          "จากนั้นเกิดอะไรขึ้นกับพวงหรีดต่างๆ เหล่านั้น" นั่นคงเป็นคำถามที่หลายคนสงสัยไม่น้อย
 
          เชื่อหรือไม่พวงหรีดบางอันราคาหลักร้อยถึงหลายพันบาท มีทั้งดอกไม้สด ดอกไม้แห้ง ที่บางวัดนำมากองรวมกันได้น้ำหนักเป็นตันๆ อีกทั้งโฟม กิ่งไม้ ฟาง ที่ต่างนำมาประกอบกันเป็นพวงหรีด กว่าจะเสร็จงานแต่ละงาน ลองคิดดูว่าจะต้องใช้ของเหล่านี้หมดไปเท่าไหร่ เป็นเงินเท่าไหร่ แม้ว่าของประกอบที่นำมาทำพวงหรีดบางชิ้นส่วนสามารถนำมาเวียนใช้ได้อีก แต่บางชิ้นต้องทิ้งไปอย่างไร้ประโยชน์

ปารเมศร์ รัชไชยบุญ 

         
เมื่อเห็นของที่ต้องเอาไปทิ้งเปล่าไร้ประโยชน์แบบนี้สะกิดต่อมความคิดที่ไม่ธรรมดาของ "คุณแฮม-ปารเมศร์ รัชไชยบุญ" ประธานกิตติมศักดิ์สมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย ที่ได้นำปมปัญหานี้มาขบคิดกับเพื่อนพ้อง และเห็นพ้องต้องกันว่า "อยากเปลี่ยนค่านิยมทางความคิดบางอย่างของคนไทย"
 
          "คุณแฮม"เล่าว่า "จะว่าไปมันเหมือนการสนองตัณหาของผมเอง ที่พอวัยเริ่มสูง หรือแก่นี่แหละ เริ่มที่จะไปงานศพมากกว่างานบวช หรืองานแต่ง เพื่อนฝูงหลายคนที่รู้จักก็เลือกที่จะตายมากกว่าเลือกไปหาภรรยาหรือสามีใหม่กันแล้ว และเวลาไปงานศพคุณเห็นใช่มั้ยว่าพวงหรีดมากมายจะแขวนไว้ทั้งข้างนอกและข้างในศาลาสวดศพเป็นจำนวนมาก ตามความสำคัญของเจ้าภาพ แล้วลองคิดดูราคาพวงหรีดตั้งแต่ 800-2,000 บาท  รวมๆ กันแล้วได้เป็นเงินเท่าไหร่ และเมื่อเสร็จงานแล้วมูลค่าของมันเหลือแค่ไหน"
 
          และเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ถมเข้ามาทำให้ "คุณแฮม" ต้องลุกขึ้นมาทำอะไรซักอย่าง คือ วันหนึ่งที่เขาต้องไปร่วมงานศพ และได้เห็นพนักงานนำพวงหรีดขนาดใหญ่เข้ามาในงานศพอย่างเป็นพิเศษ ที่ถือเป็นบริการจัดส่งเพื่อต้องการบ่งบอกตัวตนเจ้าของพวงหรีดให้ได้รับทราบโดยทั่วกัน
 
          "พนักงานชาย 2 คนในชุดดำแต่งตัวเนี้ยบ ค่อยๆ ประคองพวงหรีดขนาดใหญ่ ราคาขนาดนั้นน่าจะราวห้าพันบาท พร้อมหันป้ายชื่อเจ้าของให้แขกที่มาร่วมงานได้เห็น ค่อยๆ ย่างเท้าเข้ามา เพื่อนำไปไว้ที่หน้าศาลา ในระหว่างพระสวดจบที่ 1 เท่านั้น จะไม่มาก่อนหรือหลังเด็ดขาด เพื่อเป็นการประกันว่าทุกคนที่กำลังฟังสวดอยู่ จะได้รู้ว่าใครเป็นผู้ส่งพวงหรีดพวงนั้น"

พวงหรีด 

         
"แล้วมันต้องประกาศขนาดนั้นกันเลยหรือ?" คุณแฮม ตั้งคำถามกับตัวเอง และได้นำไปสู่การหวังที่จะเปลี่ยนแนวคิดอะไรบางอย่างได้บ้าง จึงเริ่มไล่ตามความคิดของตัวเอง พร้อมตั้งโจทย์ขึ้นมาว่า
 
          1. ต้องคงไว้ซึ่งวัตถุประสงค์เดิมของการส่งพวงหรีดไปเคารพศพ

          2. ต้องเป็นการทำบุญร่วมกันระหว่างผู้ส่งและผู้รับให้กับผู้ที่จากไปเป็น  ครั้งสุดท้าย

          3. ต้องเป็นการร่วมกันทำทานให้กับ "คนเป็น" ที่เดือดร้อน

          4. ต้องไม่มีดอกไม้สดและโฟมซึ่งทำลายสิ่งแวดล้อม

          5. ต้องสามารถสั่ง และส่งได้เช่นเดียวกับพวงหรีดปกติ

          6. ราคาต้องไม่แพงเกินไป
 
          เมื่อเป็นดังนั้น ในที่สุดความคิดต่างๆ จึงถูกหลอมรวมจนออกมาได้เป็น "กล่องนาบุญ" พวงหรีดที่มีประโยชน์ ได้ทั้งการไว้อาลัยให้คนตาย และได้ประโยชน์กับคนเป็น ที่ดำเนินการโดย บริษัท เนื้อนาบุญ จำกัด
 
          เพราะ "กล่องนาบุญ" เป็นพวงหรีดแบบใหม่ ลักษณะเป็นกล่องไม้สีดำ ครอบด้วยโครงพลาสติกใส พร้อมทั้งห่อรัดด้วยโบที่ทำจากเปลือกไม้สีดำ ภายในกล่องบรรจุด้วยอุปกรณ์การศึกษา อาทิ เครื่องเขียน สมุด ดินสอสี กระเป๋านักเรียน เป้ อุปกรณ์กีฬา และของใช้ต่างๆ ที่เกี่ยวกับการศึกษาตามขนาดของกล่องที่มีหลายขนาด
 
          และ "กล่องนาบุญ" จะทำหน้าที่เฉกเช่นเดียวกับพวงหรีดแบบไม่ผิดเพี้ยน มีการติดป้ายชื่อผู้ส่งเพื่อไว้อาลัยให้กับผู้จากไป แต่จุดที่ทำให้ "กล่องนาบุญ" ต่างไปจากพวงหรีดปกติ คือ ภารกิจหลังเสร็จงานศพ เพราะถ้าเป็นพวงหรีดดอกไม้ ก็จะรื้อดอกไม้สดทิ้งไป นำโครงไปใช้อย่างอื่นได้ แต่ "กล่องนาบุญ" ยังไม่สิ้นสุดภารกิจ
 
  "กล่องนาบุญ" ยังเหลือภารกิจอีก 3 ประการ คือ 

          1. บริจาคให้วัดนั้นๆ ซึ่งส่วนใหญ่วัดจะมีโรงเรียนประจำของวัดอยู่ ก็จะได้นำของใช้ต่างๆ ไปให้กับนักเรียนในโรงเรียนนั้นๆ

          2. หากโรงเรียนวัดนั้นๆ เป็นโรงเรียนของวัดดังที่อาจมีศักยภาพสูงอยู่แล้ว ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าภาพว่าจะนำ "กล่องนาบุญ" ไปบริจาคให้กับโรงเรียนใด

          3. หากเจ้าภาพไม่รู้จะไปบริจาคที่ไหน สามารถแจ้งความจำนงกลับมาทาง บริษัทฯ โดยจะมีการประสานกับทางกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) เพื่อบริจาคให้กับมูลนิธิโรงเรียน ตชด.ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ดำเนินการจัดส่งให้กับโรงเรียนในสังกัดทั่วประเทศ
 
          นอกจากนี้สิ่งที่ทั้งผู้ส่งและผู้รับจะได้บุญเพิ่มขึ้นอีก คือ รายได้ร้อยละ 10 ของราคากล่องนาบุญ จะบริจาคเข้ามูลนิธิชัยพัฒนาในพระบรมราชูปถัมภ
 
          คุณแฮม บอกว่า "ผมเพียงแค่ต้องการแตะในเรื่องวิธีการเท่านั้น ที่หวังให้เห็นการเปลี่ยนแปลง โดยที่ยังคงความเชื่อเดิมเอาไว้ และเรื่องนี้อาจไม่ใช่เรื่องราวใหญ่โต เพราะผมก็หวังให้มันซึมไปช้าๆ แต่ซึมลึก เพื่อจะได้ให้เห็นว่าจะดีแค่ไหนถ้าการแสดงความเสียใจนั้นจะเปี่ยมไปด้วยคุณค่าและเป็นประโยชน์สืบเนื่องไปอย่างไม่มีที่ สิ้นสุด"
 
          ... "กล่องนาบุญ"... หาใช่สิ่งที่ มาแทนพวงหรีดดอกไม้ต่างๆ หากแต่เป็นอีก "ทางเลือก" ที่แตกต่าง และมีคุณค่า มากกว่า เพราะยังมี "คนเป็น" อีกมากมายที่ยังด้อยโอกาส ยากไร้ สิ้นหวัง และยังต้องการความช่วยเหลือ รออยู่อีกมากมาย

 ประเภทของพวงหรีด
 
          พวงหรีดผ้าห่ม จะพบได้ตามพื้นที่ต่างจังหวัด โดยเฉพาะวัดตามอำเภอและตำบลต่างๆ พวงหรีดชนิดนี้จะนำผ้าห่ม หรือผ้าปูโต๊ะ มาจับจีบ ประดับแซมด้วยดอกไม้กระดาษ และติดแถบป้ายชื่อของผู้ส่ง ราคาอยู่ในราว 250-500 บาท ตามชนิดของผ้าห่มหรือผ้าปูโต๊ะ ทั้งนี้ เมื่อเสร็จจากงานศพ ทางวัดสามารถนำผ้าห่มหรือผ้าปูโต๊ะไปใช้ประโยชน์ได้
 
          พวงหรีดเสื้อ พบได้ไม่บ่อยนัก ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ชนบท หรือวัดในตำบล ชุมชน ในต่างจังหวัดเป็นส่วนใหญ่ และผู้ที่เลือกใช้พวงหรีดชนิดนี้ พบว่าเป็นกลุ่มนักการเมืองท้องถิ่น หรือบางรายก็เป็น ส.ส.ในพื้นที่นั้นๆ ซึ่งจะต้องเดินสายไปช่วยงานศพบ่อยครั้งและวันละหลายๆงาน โดยนิยมใช้เสื้อกีฬา สกรีนชื่อของผู้ส่ง หรือไม่ก็ติดแถบป้ายชื่อ แล้วนำไปสวมในท่อพีวีซี ร้อยผ่านแขนเสื้อทั้งสองข้าง ก่อนนำไปแขวนเพื่อร่วมไว้อาลัย หลังเสร็จงานก็จะเป็นที่หมายปองของบรรดาเด็กวัด นอกจากจะประหยัดงบประมาณแล้วยังเป็นประโยชน์ภายหลังอีกด้วย
 
          พวงหรีดนาฬิกา พบตามต่างจังหวัดเช่นกัน โดยการนำนาฬิกาแขวนชนิดที่เป็นพลาส ติกใส่ถ่านไฟฉาย มาประดับกับพวงหรีด อาจประดับร่วมกับพวงหรีดผ้าห่ม หรือแยกเป็นเฉพาะอย่างติดกับกระดาษแข็ง แซมด้วยดอกไม้ประดับ สนนราคามีตั้งแต่ 190-350 บาท เมื่อเสร็จงานทางวัดก็สามารถนำไปใช้งานได้เช่นกัน
 
          พวงหรีดดอกไม้แห้ง มีใช้กันโดยทั่วไป ทั้งชนิดรูปวงกลม หยดน้ำ หรือสี่เหลี่ยม ประกอบด้วยโครงที่เป็นฟางมัด เสียบประดับด้วยดอกไม้พลาสติก หรือบางรายอาจนำกระดาษรีไซเคิล กระดาษทิชู มาประดิษฐ์เป็นดอกไม้กระดาษเพื่อเสียบประดับ พวงหรีดชนิดนี้อาจมีการเข้ามารับซื้อจากทางวัด เพื่อนำไปใช้ซ้ำได้อีกครั้ง ราคาโดยประมาณในการสั่งซื้อเพื่อไว้อาลัยอยู่ในราว 500-2,000 บาท ตามขนาด
 
          พวงหรีดดอกไม้สด เป็นที่นิยมทั่วไปโดยเฉพาะในวัดที่อยู่ในตัวเมือง เนื่องจากมีความสวยงามของดอกไม้สดที่นำมาจัดประดับ สามารถสร้างสีสันและสร้างความสดชื่นต่อการประดับในพิธี เนื่องจากผู้ผลิตสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้หลากหลายรูปแบบ ตามแต่ชนิดของดอกไม้ที่เลือกใช้ แต่พบว่าเมื่อเสร็จงานแล้ว ดอกไม้สดต่างๆจะถูกทิ้งไปอย่างไร้ประโยชน์ จะเหลือเพียงโครงฟางมัดที่อาจนำมาใช้ซ้ำได้ สนนราคาของพวงหรีดดอกไม้สด ถือว่าค่อนข้างมีราคาแพง ส่วนใหญ่ในราว 600-3,000 บาท หากเป็นขนาดพิเศษตกแต่งสวยหรู พร้อมบริการจัดส่งกรณีพิเศษอาจมีราคามากไปกว่านั้น
 
          อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันธุรกิจพวงหรีด นอกจากจะบริการจัดทำตามความต้องการ ยังมี บริการจัดส่งถึงที่ด้วยรถจักรยานยนต์ ซึ่งอาจมีการคิดค่าบริการเพิ่ม หรือบางร้านก็บวกราคารวมกับราคาพวงหรีดไปแล้ว

 ประวัติพวงหรีด
 
          พวงหรีด ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Wreath เป็นการรับเอาอารยธรรมตะวันตกเข้ามาในประเทศไทยในราวสมัยรัชกาลที่ 5 สมัยก่อน "พวงหรีด" เป็นเพียงก้านกิ่งไม้ มาสานขัดกันเป็นวงกลม แล้วนำดอกไม้สดมาเสียบประดับ ใช้สำหรับไว้อาลัยในงานศพ เพื่อแสดงความระลึกถึงผู้ที่จากไป


ข้อมูลและภาพประกอบจาก

โดย : ปกรณ์ รัตนทรัพย์ศิริ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
กล่องนาบุญ มีคุณค่า ไว้อาลัย เหยื่อ สงกรานต์เลือด อัปเดตล่าสุด 9 มีนาคม 2558 เวลา 14:11:42 12,127 อ่าน
TOP