"อยากผอม" ดูจะเป็นคำศักดิ์สิทธิที่หญิงสาวแทบทุกคนเคยเอื้อนเอ่ยออกมา โดยเฉพาะสาวใดที่กำลังจะมีข่าวเตรียมสละคาน อาการอยากผอมจะยิ่งรุนแรงกว่าปกติ
จะว่าไปอาการนี้บรรเทาและเยียวยาได้อย่างชะงัดด้วยการออกกำลังกาย แต่ถ้าเวลาไม่มีแถมขี้เกียจอีกต่างหาก ลำพังแค่วิ่งรอกเตรียมงานก็ทำเอาแทบหมดแรงแล้ว ไม่ต้องพูดถึงการเคลื่อนตัวไปออกกำลัง เซลลูไลท์ที่เคยมียิ่งดูท่าจะปักหลักพักพิงเป็นการถาวร
ก่อนจะสายเกินการ We ชวนคุณสาวๆ มองหาทางลัดทางรอดที่จะอัปเปหิไขมันส่วนเกินให้ไปเกิดใหม่เสียที งานนี้ต้องบอกว่า อยากสวย (หมอ) เราช่วยได้
What is "Carboxy"
นักวิทยาศาสตร์พบว่าเซลล์ไขมันในร่างกายคนเรานั้นเป็นเซลล์ที่มีความขี้เกียจ ไม่ยอมแตกตัวเป็นพลังงานความร้อนได้ง่ายๆ ยกตัวอย่างยามเราออกกำลังกาย 20 นาทีแรกนั้น ร่างกายจะใช้ไกลโคเจนที่เราสะสมไว้มาแปลงเป็นพลังงาน แต่เซลล์ไขมันยังไม่ได้ขยับขยายไปไหน ดังนั้นการออกกำลังที่สามารถเผาผลาญไขมันได้นั้น จึงต้องเป็นการออกกำลังแบบแอโรบิคต่อเนื่องมากกว่า 20 นาทีขึ้นไป แล้วทำอย่างไรจึงจะช่วยให้ไขมันสามารถเผาผลาญให้กลายเป็นพลังงานได้ง่ายขึ้น
ซึ่งคาร์บอกซี่ คือการฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปในบริเวณที่มีไขมันสะสม จากนั้นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะออกแรงดันทำให้เซลล์ไขมันซึ่งเป็นก้อนกลมๆ อยู่ในชั้นผิวแตกตัวออกเป็นเซลล์ขนาดเล็กลง ซึ่งเมื่อร่างกายมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่มาก ร่างกายจะสูบฉีดเลือดให้นำก๊าซออกซิเจนไปยังบริเวณนั้นๆ มากขึ้นโดยปริยาย เพื่อกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้หายไปกลายเป็นพลังงานความร้อน
How to Take It
แพทย์จะทำความสะอาดผิวบริเวณที่จะฉีดด้วยแอลกอฮอล์เช่นเดียวกับการฉีดยาทั่วไป จากนั้นจะใช้เข็มขนาดเล็กมาก (เบอร์ 30) จิ้มเข้าไปที่ชั้นผิว ปลายเข็มจะเป็นท่อสำหรับปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไป โดยอัตราการปล่อยก๊าซจะอยู่ที่ประมาณ 60-80 CC ต่อนาที จนกระทั่งถึงสูงสุดคือ 150 CC ทั้งนี้ขึ้นกับความสามารถทนต่อความเจ็บปวดของแต่ละคน
แต่อย่าคิดว่าจิ้มหนเดียวแล้วสามารถลดไขมันได้ทั่วทั้งพุงเป็นอันขาด เพราะคุณหมอจะต้องมีการปล่อยก๊าซดักไขมันเป็นระยะ เช่นถ้าต้องการลดช่วงเอว อาจต้องจิ้มที่เอวด้านซ้ายและเอวด้านขวา ส่วนถ้าต้องการลดต้นขาอาจต้องจิ้มสามด้าน ต้นขาด้านหน้า ต้นขาด้านหลัง และต้นขาด้านใน
Danger or Not
ด้วยความที่ร่างกายสามารถสร้างก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นมาได้เองอยู่แล้ว ดังนั้นการฉีดก๊าซตัวนี้เข้าไปจึงไม่เหมือนกับการฉีดสารเคมีชนิดอื่นๆ เข้าไปเพื่อสลายไขมัน ร่างกายไม่รู้สึกต่อต้าน และไม่เสี่ยงกับอาการแพ้ ราคาครั้งละประมาณ 2,000- 3,000 บาท
We note
ด้วยดีกรีความแรงแซงทุกเทรนด์ลดผอม เราจึงเริ่มเห็นป้ายคาร์บอกซี่อยู่ทั่วทุกหัวระแหงคลินิคความงามต่างๆ กระซิบบอกไว้เลยว่าแม้จะฮิตติดลมบนขนาดไหนแต่ "ฝีมือ" หมอผู้ปักเข็มนั้นยังเป็นสิ่งสำคัญ เพราะถ้าหมอมือไม่เจ๋งพอ เซลล์ไขมันอาจถูกไล่ไปกองอยู่ด้านใดด้านหนึ่งได้ (อันนี้จากคำบอกเล่าของผู้มีประสบการณ์)
กรณีอยากสวยแต่กลัวควรบอกหมอแต่เนิ่นๆ เพราะหมอจะมีจิตวิทยาที่ดีทำการชวนคุยทำให้คุณหันเหความสนใจไปที่ปากแทนที่พุง และหมอจะสอนเทคนิคการหายใจ "เข้า-ออก" ให้สอดคล้องกับจังหวะการทิ่มเข็มและเดินก๊าซบรรเทาความเสียวได้ เมื่อเทียบกันการฉีดคาร์บอกซี่ในผู้หญิงจะเห็นผลดีกว่าผู้ชาย เพราะผู้ชายมีชั้นผิวหนังที่ค่อนข้างหนากว่าผู้หญิง
สำหรับคนที่มีกล้ามเนื้อค่อนข้างมาก (เช่นเป็นสาวนักออกกำลังอยู่แล้ว) เวลาฉีดจะรู้สึกเจ็บมากกว่าสาวที่มีแต่ไขมันเป็นห่วงยาง เพราะคนที่ออกกำลัง ไขมันจะค่อนข้างเป็นระเบียบและแข็งแรงกั้น แต่คนไม่ออกกำลังกายไขมันจะมีลักษณะเหลวกว่า ในบางรายหลังจากฉีดแล้วอาจพบรอยช้ำสีเขียวๆ บริเวณที่ฉีด แต่ไม่นานก็จะหายไป
ทำครั้งแรกในบางรายจะเห็นผลได้ทันที แต่จะให้ดีควรทำครบคอร์ส ประมาณ 4 ครั้งขึ้นไป แต่ละครั้งสามารถเว้นระยะห่างกันประมาณ 3-4 วัน ส่วนระยะเวลาในการลดขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันที่แต่ละคนสะสมไว้ กรณีว่าที่เจ้าสาวอยากลดหุ่นลองใช้สูตรนี้คำนวณได้คร่าวๆ ถ้ารูปร่างดีอยู่แล้ว แต่มีเซลลูไลท์เฉพาะส่วนควรทำล่วงหน้าก่อนแต่งงานประมาณ 2 อาทิตย์ – 1 เดือน แต่ถ้าค่อนข้างอ้วน คิดง่ายๆ ว่า ลดได้เดือนละ 2 กิโลกรัม
Other Choices
เมื่อไขมันโดนกำจัดออกไปจากชั้นผิวแล้ว ผิวบริเวณนั้นจะเหี่ยวเหมือนลูกโป่งที่ถูกปล่อยลมออกไป ดังนั้นขั้นตอนต่อไปที่ไม่ควรละเลยคือ การดูแลผิวให้กระชับเต่งตึง หลักการง่ายๆ ที่สามารถทำได้คือการออกกำลังกาย ฟิตแอนด์เฟิร์ม จะเป็นการซิตอัพ ปั่นจักรยาน ฯลฯ เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อกลับมาแข็งแรงอย่างเก่าได้ใหม่ แต่กรณีที่ขาแข้งไม่มีเรี่ยวแรง ลองหาทางลัดทางรอดดังนี้ควบคู่ไปด้วย หาได้ตามคลินิกทางความงามอีกเช่นกัน
เครื่อง Muscle Vibration เป็นการส่งคลื่นความถี่เข้าไปเขย่ากล้ามเนื้อ เครื่องนี้ไม่ได้มีส่วนช่วยในการเผาผลาญแคลลอรี่ แต่เป็นการสั่นสะเทือนให้กล้ามเนื้อได้ออกกำลัง ช่วยให้กล้ามเนื้อหย่อนๆ เข้าที่ได้เร็วขึ้น
ใช้ Laser Firming เป็นเครื่องที่ช่วยนวดและบีบรัดไขมัน และส่งความเย็นเข้าไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างความร้อนเพื่อรักษาระดับอุณหภูมิให้คงที่ รวมทั้งมีการส่งสัญญาณเลเซอร์เข้าไปกระตุ้นผิวให้ผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินเพื่อช่วยให้ผิวกลับมาเต่งตึงเช่นเดิม เวลาใช้คุณหมอจะนำหัว Laser มาวนไปตามส่วนต่างๆ ที่เราต้องการลด ใช้เวลาส่วนละประมาณ 1 ชั่วโมง
Relax F เป็นการใช้คลื่นความถี่วิทยุเข้าไปกระตุ้นให้เกิดการละลายไขมัน และกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวเต่งตึง ล่าสุดมีเทคโนโลยีที่เรียกว่า "เมโสเทอราปี" หรือการฉีดสารอาหารเข้าไปที่ผิวชั้นในโดยตรงเพื่อกระตุ้นให้เซลล์ผิวบริเวณนั้นทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยเฉพาะปัญหาจุดด่างดำ ส่วนถ้าต้องการฉีดเพื่อลดเซลลูไลท์ จะเรียกว่า Lipotibil โดยจะเป็นการฉีดสารสกัดจากถั่วเหลืองเข้าไปเพื่อช่วยในการสลายไขมัน แต่ทั้งนี้การฉีดเมโสนั้นค่อนข้างมีผลกระทบต่อร่างกายโดยตรง เพราะเป็นการฉีดสารเคมีที่ร่างกายสร้างขึ้นไม่ได้ ร่างกายจึงต้องขับถ่ายสารเหล่านี้ออกทางตับ ยิ่งฉีดมากยิ่งอันตราย และผู้ป่วยโรคตับ โรคเบาหวาน ห้ามฉีดเด็ดขาด
We tip
หลังออกกำลังมาเหงื่อซกควรดื่มน้ำเย็น จะช่วยให้เกิดการเผาผลาญพลังงานมากขึ้น เพราะอุณหภูมิเย็นๆ ของน้ำที่เข้าไปในร่างกายจะทำให้ร่างกายเร่งเผาผลาญพลังงานเพื่อมาควบคุณอุณหภูมิที่ลดลงให้กลับมาเป็นปกติ