ผู้กำกับคณะบัลเลต์หัวร้อนทนไม่ไหว ละเลงขี้หมาใส่หน้าคนวิจารณ์ หลังบอกโชว์น่าเบื่อ ไม่ปะติดปะต่อ ดูไม่รู้เรื่อง

วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 เว็บไซต์เดอะการ์เดียน รายงานว่า มาร์โก เกคเคอ วัย 50 ปีหัวหน้าคณะบัลเลต์ชื่อดังของโรงละครโอเปร่าฮันโนเฟอร์ ในประเทศเยอรมนี มีเรื่องพิพาทชวนอึ้งกับวีบเคอ ฮุสเทอร์ หญิงนักวิจารณ์บัลเลต์จาก Frankfurter Allgemeine Zeitung หนังสือพิมพ์เยอรมันแนวอนุรักษนิยม ในระหว่างการแสดงใหม่รอบปฐมทัศน์ เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยเขาไม่เพียงแค่ใช้ถ้อยคำรุนแรง แต่ได้ใช้อุจจาระสุนัขละเลงใส่หน้าของเธอ
ตามรายงานเผยว่า เกคเคอโกรธแค้นฮุสเทอร์ ภายหลังจากเธอวิจารณ์ การแสดงบัลเลต์ครั้งก่อนที่คณะละคร Nederlands Dans Theater ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งถูกตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์วันก่อนหน้านั้น โดยกล่าวว่าน่าเบื่อ และเรื่องราวไม่ปะติดปะต่อ ทำให้ดูไม่รู้เรื่อง จึงสร้างความไม่พอใจให้กับเกคเคอ
โดยข้อความวิจารณ์ดังกล่าว ระบุว่า "คนหนึ่งให้ความรู้สึกสับสนระหว่างความบ้า กับการฆ่าด้วยความน่าเบื่อ" นอกจากนี้ยังเปรียบเทียบการชมการแสดงดังกล่าวว่าน่าเบื่อราวกับกำลังนั่งดูทะเล "ที่หลังกระจก ทิ้งตัวลงนั่งในที่อุ่น ๆ มองชายหาดฤดูหนาว เหมือนอยู่ในวัยเกษียณตลอดไป"
สื่อของเยอรมนีรายงานว่า อุจจาระในถุงดังกล่าว เป็นของกุสตาฟ ที่ถ่ายออกมาเมื่อไม่กี่นาทีก่อนเกิดเหตุ โดยเกคเคอได้เข้าไปเผชิญหน้ากับฮุสเทอร์ พร้อมขู่เธอว่าห้ามวิจารณ์การแสดงครั้งนี้ พร้อมทั้งห้ามไม่ให้เธอเข้าไปในโรงละคร อีกทั้งยังกล่าวหาว่า เธอมีส่วนรับผิดชอบที่ทำให้ผู้ชมละครบางส่วนยกเลิกการสมัครสมาชิกไป
ด้านฮุสเทอร์ เล่าถึงเหตุการณ์ในภายหลัง กล่าวว่า "อยู่ดี ๆ เกคเคอก็หยิบถุงนั่นออกมาจากกระเป๋าของเขา พอเปิดถุงด้านหนึ่งออก เขาก็ละเลงขี้หมาใส่หน้าฉัน พอรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันก็กรีดร้องออกมา" หลังจากนั้น เธอได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนสมาชิกสื่อมวลชนของโรงละครโอเปร่ารายหนึ่ง พาไปทำความสะอาดล้างหน้าที่ห้องน้ำใกล้ ๆ จากนั้นเธอได้ขับรถไปสถานีตำรวจเพื่อแจ้งความ
ลอรา เบอร์แมน ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของโรงละคร ได้แถลงกล่าวขอโทษต่อฮุสเทอร์ พร้อมทั้งสั่งพักงานเกคเคอไป ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสอบสวน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป ส่วนเจ้าตัวยังคงเก็บตัวเงียบ ไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก The Guardian






