ทุกข์ของคนมีเงิน ชาวเน็ตแชร์เรื่องราวสุดอัดอั้น ถูกรางวัลที่ 1 แต่ไม่กล้าบอกใคร เพราะกลัวโดนยืมเงิน ชาวเน็ตแห่เมนต์สนั่น อยากมีทุกข์แบบนี้บ้าง
เชื่อว่าหลายคนที่เคยซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล คงมีความฝันจะมีโอกาสได้จับเงินล้าน กลายเป็นเศรษฐีหน้าใหม่ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ได้นำเงินไปใช้จ่ายแบบจัดเต็มอย่างที่ใจต้องการ แต่ใครจะคิดว่าคนที่ถูกรางวัลที่ 1 นั้นก็มีความทุกข์ที่หลายคนนึกไม่ถึง
อย่างเช่นกรณีของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งที่แชร์เรื่องราวของตัวเอง หลังต้องเผชิญกับความทุกข์ใจจากการมีเงิน หลังจากถูกรางวัลที่ 1 ได้เงินมาประมาณ 4.3 ล้านบาท แต่กลับรู้สึกอัดอั้นบอกใครไม่ได้ว่าตัวเองถูกรางวัลที่ 1 เพราะกลัวจะเกิดปัญหาเรื่องการถูกยืมเงินตามมา จนสุดท้ายก็ปิดความลับเอาไว้ไม่อยู่ เรื่องไปถึงหูของเพื่อนสนิท จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการแตกหักของมิตรภาพ โดยมีข้อความดังต่อไปนี้
"ทุกข์ของการมีเงิน เดือนที่แล้วพบว่าตัวเองถูกรางวัลที่ 1 หลังจากหักภาษีต่าง ๆ เหลือเงินสดประมาณ 4.3 ล้าน ดีใจแทบตาย แต่ไม่สามารถบอกใครได้เลย ทั้งพี่น้อง ญาติคนใกล้ตัว เพื่อนบ้าน ... โคตรอึดอัด อารมณ์อยากประกาศให้ทุกคนอิจฉา แต่เมื่อมาคำนึงถึงจุดได้เสียแล้วจึงเลือกจะอยู่เงียบ ๆ เอาเงินไปลงทุนซื้อสลากออมสิน ปิดหนี้ทั้งหมด แต่ความอึดอัดคือ จะซื้ออะไรให้ตัวเองก็ไม่ได้ เพราะกลัวคำถามว่า เอาเงินมาจากไหน อยากซื้อรถ ซื้อโทรศัพท์ ซื้อโน้ตบุ๊คแพง ๆ ก็ทำไม่ได้
จนวันนึงความก็แตก เพราะเผลอไปบอกให้คนรู้จักที่รู้จักกันมานานให้เขารู้ ท่าทางเขาเปลี่ยนไป เริ่มเอาความทุกข์หนี้สินมาบอกเรา และลงท้ายด้วยการขอยืมเงินเรา เราก็ปากหนักไม่รู้จะปฏิเสธยังไง จึงรับปากไปก่อนและก็ต้องบล็อคการติดต่อกับเขาไป จนอีกหลายวันถัดมา เพื่อนมันก็ทักว่า คนนั้นเขาน่าโพสต์ถึงเรา อยากรู้ว่า เราควรแก้ปัญหากับคนนั้นยังไง แล้วควรจะบอกว่าตัวเองถูกรางวัลกับคนรอบตัวไหม เพื่อจะได้ต้องมานั่งอึดอัด แต่ก็ต้องแลกกับการจะมีคนมายืมเงินอีกเป็นสิบเป็นร้อยคน มิตรภาพใดมีเงินเข้าไปเกี่ยวข้องมันพังเสมอ ให้ก็พัง ไม่ให้ก็พัง"
![ทุกข์ของคนมีเงิน ถูกรางวัลที่ 1 ไม่กล้าบอกใคร ทุกข์ของคนมีเงิน ถูกรางวัลที่ 1 ไม่กล้าบอกใคร]()
หลังเรื่องราวนี้ถูกโพสต์ไป ปรากฏว่ามีชาวเน็ตแห่เข้ามาคอมเมนต์สนั่น
บ้างก็มองว่า จริง ๆ
แล้วก็ไม่ควรปิดบังแต่ควรเรียนรู้วิธีปฏิเสธอย่างเหมาะสม
เพราะเงินนี้เป็นเงินของเราจะให้หรือไม่ให้ก็ย่อมได้
หรือหากไม่ต้องการบอกใครจริง ๆ
ก็บอกคนอื่นไปว่าของที่ซื้อมานั้นทุกอย่างเป็นการผ่อน ไม่ได้ซื้อด้วยเงินสด
ขณะที่บางส่วนก็ได้ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดเจ้าของเรื่องถูกรางวัลที่ 1 ถึงถูกหักภาษีเหลือแต่ 4.3 ล้านบาท เพราะจริง ๆ แล้ว กองฉลากจะหักภาษีเพียง (0.5%) และไม่เอามาคิดรวมกะรายได้ในการคำนวณภาษีรายปี จึงต้องมีเงินเข้าบัญชี 5,970,000 บาท หรือยอดเงิน 4.3 ล้านบาท จะเป็นเงินที่ใช้หนี้สินต่าง ๆ แล้ว
![คอมเมนต์ คอมเมนต์]()
![คอมเมนต์ คอมเมนต์]()
![คอมเมนต์ คอมเมนต์]()
เชื่อว่าหลายคนที่เคยซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล คงมีความฝันจะมีโอกาสได้จับเงินล้าน กลายเป็นเศรษฐีหน้าใหม่ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ได้นำเงินไปใช้จ่ายแบบจัดเต็มอย่างที่ใจต้องการ แต่ใครจะคิดว่าคนที่ถูกรางวัลที่ 1 นั้นก็มีความทุกข์ที่หลายคนนึกไม่ถึง
อย่างเช่นกรณีของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งที่แชร์เรื่องราวของตัวเอง หลังต้องเผชิญกับความทุกข์ใจจากการมีเงิน หลังจากถูกรางวัลที่ 1 ได้เงินมาประมาณ 4.3 ล้านบาท แต่กลับรู้สึกอัดอั้นบอกใครไม่ได้ว่าตัวเองถูกรางวัลที่ 1 เพราะกลัวจะเกิดปัญหาเรื่องการถูกยืมเงินตามมา จนสุดท้ายก็ปิดความลับเอาไว้ไม่อยู่ เรื่องไปถึงหูของเพื่อนสนิท จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการแตกหักของมิตรภาพ โดยมีข้อความดังต่อไปนี้
"ทุกข์ของการมีเงิน เดือนที่แล้วพบว่าตัวเองถูกรางวัลที่ 1 หลังจากหักภาษีต่าง ๆ เหลือเงินสดประมาณ 4.3 ล้าน ดีใจแทบตาย แต่ไม่สามารถบอกใครได้เลย ทั้งพี่น้อง ญาติคนใกล้ตัว เพื่อนบ้าน ... โคตรอึดอัด อารมณ์อยากประกาศให้ทุกคนอิจฉา แต่เมื่อมาคำนึงถึงจุดได้เสียแล้วจึงเลือกจะอยู่เงียบ ๆ เอาเงินไปลงทุนซื้อสลากออมสิน ปิดหนี้ทั้งหมด แต่ความอึดอัดคือ จะซื้ออะไรให้ตัวเองก็ไม่ได้ เพราะกลัวคำถามว่า เอาเงินมาจากไหน อยากซื้อรถ ซื้อโทรศัพท์ ซื้อโน้ตบุ๊คแพง ๆ ก็ทำไม่ได้
จนวันนึงความก็แตก เพราะเผลอไปบอกให้คนรู้จักที่รู้จักกันมานานให้เขารู้ ท่าทางเขาเปลี่ยนไป เริ่มเอาความทุกข์หนี้สินมาบอกเรา และลงท้ายด้วยการขอยืมเงินเรา เราก็ปากหนักไม่รู้จะปฏิเสธยังไง จึงรับปากไปก่อนและก็ต้องบล็อคการติดต่อกับเขาไป จนอีกหลายวันถัดมา เพื่อนมันก็ทักว่า คนนั้นเขาน่าโพสต์ถึงเรา อยากรู้ว่า เราควรแก้ปัญหากับคนนั้นยังไง แล้วควรจะบอกว่าตัวเองถูกรางวัลกับคนรอบตัวไหม เพื่อจะได้ต้องมานั่งอึดอัด แต่ก็ต้องแลกกับการจะมีคนมายืมเงินอีกเป็นสิบเป็นร้อยคน มิตรภาพใดมีเงินเข้าไปเกี่ยวข้องมันพังเสมอ ให้ก็พัง ไม่ให้ก็พัง"

ขณะที่บางส่วนก็ได้ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดเจ้าของเรื่องถูกรางวัลที่ 1 ถึงถูกหักภาษีเหลือแต่ 4.3 ล้านบาท เพราะจริง ๆ แล้ว กองฉลากจะหักภาษีเพียง (0.5%) และไม่เอามาคิดรวมกะรายได้ในการคำนวณภาษีรายปี จึงต้องมีเงินเข้าบัญชี 5,970,000 บาท หรือยอดเงิน 4.3 ล้านบาท จะเป็นเงินที่ใช้หนี้สินต่าง ๆ แล้ว









