หมอสาวเล่าประสบการณ์รถโดนเด็ก ม.ต้น ขี่ชนท้าย
ชัดว่าไม่ผิด แต่เรียกประกันกลับถูกชาวตลาดรุมต่อไร้น้ำใจ
รวมตัวกดดันจนประกันยอมขาดทุน
เชื่อว่าเป็นประสบการณ์ที่คนใช้รถคงไม่อยากพบเจออยู่แล้ว
เมื่อจู่ ๆ ต้องมาเกิดการเฉี่ยวชน แม้เคสที่ไม่มีใครบาดเจ็บ
แต่คนขับก็อาจต้องเสียทั้งเวลา และความรู้สึกอย่างมาก
โดยเฉพาะเคสดังต่อไปนี้
วันที่ 8 มิถุนายน 2566 ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Nattabhorn Bunplook คุณหมอท่านหนึ่ง เล่าเรื่องราวที่กำลังขับรถไปทำงานที่โรงพยาบาลในตอนเช้า มั่นใจว่าขับรถด้วยความระมัดระวังและเคารพกฎจราจร เมื่อมาถึงหน้าตลาดแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นทางสามแพร่ง เธอจึงลดความเร็ว เปิดไฟเลี้ยว และหยุดรถรอที่จุดให้เลี้ยว แต่กลับถูกรถจักรยานยนต์ขี่มาชนท้าย อีกฝ่ายเป็นเด็กนักเรียน ม.ต้น 2 คน โชคดีที่ไม่มีใครบาดเจ็บ โดยเด็กนักเรียนนั้นขอโทษและบอกว่าขี่มาไม่ได้มองรถ เธอจึงให้โทร. ตามผู้ปกครองมาเคลียร์ ส่วนฝ่ายของตนเองก็โทร. เรียกประกันเข้ามาดู ประกันบอกว่าอยู่ที่บางแสนแต่จะรีบเดินทางเข้ามา
วันที่ 8 มิถุนายน 2566 ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Nattabhorn Bunplook คุณหมอท่านหนึ่ง เล่าเรื่องราวที่กำลังขับรถไปทำงานที่โรงพยาบาลในตอนเช้า มั่นใจว่าขับรถด้วยความระมัดระวังและเคารพกฎจราจร เมื่อมาถึงหน้าตลาดแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นทางสามแพร่ง เธอจึงลดความเร็ว เปิดไฟเลี้ยว และหยุดรถรอที่จุดให้เลี้ยว แต่กลับถูกรถจักรยานยนต์ขี่มาชนท้าย อีกฝ่ายเป็นเด็กนักเรียน ม.ต้น 2 คน โชคดีที่ไม่มีใครบาดเจ็บ โดยเด็กนักเรียนนั้นขอโทษและบอกว่าขี่มาไม่ได้มองรถ เธอจึงให้โทร. ตามผู้ปกครองมาเคลียร์ ส่วนฝ่ายของตนเองก็โทร. เรียกประกันเข้ามาดู ประกันบอกว่าอยู่ที่บางแสนแต่จะรีบเดินทางเข้ามา
หลังเจอชาวบ้านรุมต่อว่าดังกล่าว เธอมองว่า คนที่มองเธอนั้นคงเข้าใจว่าหมอรวย ควรยอมความ และรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง ซึ่งเจอต่อว่าแบบนี้อยู่ตลอดระยะเวลา 1 ชั่วโมงที่รอตัวแทนประกัน ยอมรับว่าแทบไม่เชื่อว่าสิ่งที่เธอต้องเจอมันคือเรื่องจริง เมื่อประกันมาถึงก็ประเมินค่าเสียหายอยู่ที่ 30,000 บาท ตัวแทนประกันยืนยันว่าเธอนั้นเคลมได้ เพราะเป็นฝ่ายถูกแน่นอน
อย่างไรก็ดี เมื่อประกันไปพูดคุยเรื่องค่าเสียหายกับผู้ปกครองนักเรียน อีกฝ่ายยืนยันว่าจะไม่จ่ายแม้แต่บาทเดียว โดยมีชาวตลาดคอยต่อว่ากดดันจนเรื่องเกือบไปถึงโรงพัก สุดท้ายเมื่อพูดคุยกันไปพักใหญ่ บริษัทประกันยอมขาดทุน จะเรียกเก็บจากคู่กรณีแค่ 10,000 บาทแล้วจบเรื่อง
ชาวตลาดได้ทำการช่วยเหลือคู่กรณีด้วยการเรี่ยไรเงินบริจาคมาจนครบ แต่ในระหว่างนั้น การด่าว่ากันยังไม่จบ ผู้คนที่เดินผ่านไปมา หลายคนก็เข้ามาผสมโรงด้วย เดินผ่านก็ต่อว่า ใช้คำพูดที่ทำให้อับอายและเสื่อมเสียชื่อเสียง ถึงขั้นวางแผนจะสาปส่งและโห่ไล่ แต่จังหวะนั้นคุณแม่ของเธอเดินทางมาถึงและช่วยเข้ามาปกป้อง ทำให้เหตุการณ์ไม่รุนแรงไปมากกว่านี้ โดยเคสนี้จบที่เธอได้ใบเคลมจากประกัน และออกมาจากตรงนั้น
สุดท้ายนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้รู้สึก เสียใจ ตกใจ และยังคงไม่อยากเชื่อว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวเองจริง โดยสิ่งที่ได้จากเหตุการณ์นี้ อยากขอบคุณคนรอบตัวที่ยังคงเป็นห่วง ขอบคุณพลเมืองดีที่นำไฟล์กล้องมาให้ และคนที่ส่งกำลังใจมาทุกช่องทาง ส่วนข้อเตือนใจนั้นคือ ประกันรถยนต์ห้ามขาดเด็ดขาด เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอด ทั้งนี้ความถูกต้องไม่ใช่สิ่งที่ใช้ได้ในทุกสังคม แตกต่างกันไปตามฐานความคิด ความรู้สึก และวัฒนธรรม และการเงียบไม่ได้แปลว่ายอมรับ ความถูกต้องก็จะยังคงถูกต้องเสมอ