เปิดตัวสาว พ. ที่ชูวิทย์กล่าวหาว่า กู้เงินพันล้านจากแสนสิริไปซื้อที่ดินทองหล่อ เจ้าตัวงงตึ้บ จู่ ๆ ตกเป็นข่าวดัง หลังจากนี้ไม่รู้จะทำยังไงต่อ ได้แต่ไปลงบันทึกประจำวันว่าไม่ได้ทำ
วันที่ 16 สิงหาคม 2566 เรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า เมื่อวานนี้ (15 สิงหาคม) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาแฉนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับการซื้อที่ดินสร้างคอนโดมิเนียมย่านทองหล่อ ส่วนรายละเอียดทั้งหมดที่เกิดขึ้น สามารถสรุปสิ่งที่นายชูวิทย์พูดได้ดังนี้
1. จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ ต้องย้อนไปเล่าเรื่องที่ดินทองหล่อ ซอย 12 มีทั้งหมด 10 โฉนด มี 9 โฉนดที่ทำเป็นคอนโด อีก 1 โฉนดไม่ได้ทำอะไร
3. จากนั้นมีบริษัทนอมินี (เอ็น แอ็นด์ เอ็น แอสเซ็ท จำกัด) แห่งหนึ่งเข้ามาขอซื้อที่ดินต่อ ซึ่งราคาจริงที่ต้องจ่ายคือ 100 ล้านจากทุนจดทะเบียน บวกกับ 465 ล้านที่จดจำนอง รวมทั้งสิ้น 565 ล้าน เมื่อการซื้อขายเสร็จสิ้น ก็เปลี่ยนผู้ถือหุ้นของบริษัทนอมินี มีทั้งหมด 3 คน ได้แก่
- พ. (แม่บ้าน) ถือหุ้น 99.99%
- ส. (รปภ.) ถือหุ้น 0.0001%
- พร. (รปภ.) ถือหุ้น 0.0001%
4. เมื่อเข้าไปตรวจสอบประวัติของแม่บ้านที่ถือหุ้น พบว่า เป็นชาว จ.มหาสารคาม ไม่มีการเสียภาษี ส่วน รปภ. คนหนึ่งเป็นชาว จ.มหาสารคาม คนหนึ่งเป็น จ.ร้อยเอ็ด จึงตั้งข้อสงสัยว่า คนเหล่านี้เอาเงินจากไหนไปซื้อที่ดินจริงมูลค่า 565 ล้านบาท
ตนตรวจสอบเชิงลึก พบว่า บริษัทลูก (บริษัท อาณาวรรธน์ จำกัด) ของบริษัทแสนสิริ มีการให้บริษัทนอมินีกู้เงิน 1,000 ล้านบาท แล้วนิติกรรมทั้งหมด เกิดขึ้นในวันเดียวกับวันที่เอาแม่บ้านมาถือหุ้นบริษัทนอมินี
เงิน 435 ล้านหายไปไหนหลังซื้อที่ดินเสร็จ
นายชูวิทย์ตั้งข้อสงสัยว่า เมื่อกู้เงินมา 1,000 ล้านบาท จ่ายเงินค่าที่ดินไป 565 ล้านบาท แล้วเงินอีก 435 ล้านบาทที่เหลือนั้นหายไปไหน รวมถึงบริษัทที่ให้กู้เงิน ไม่มีการตรวจสอบประวัติผู้ถือหุ้นที่เป็นแม่บ้านหน่อยหรือ ? อีกทั้งชื่อของนายเศรษฐา ก็เป็นกรรมการบริษัทแม่และบริษัทลูกด้วย เรื่องแบบนี้นายเศรษฐาจะไม่รู้เรื่องหรือ ?
ผ่านไป 2 ปี บริษัทนอมินีดังกล่าวก็เปลี่ยนผู้ถือหุ้นจากแม่บ้านเป็นนาย ย. และปล่อยให้อยู่ในสภาพบริษัทร้าง ไม่มีการส่งบัญชีแล้ว
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
แสนสิริ ยืนยัน ทำทุกอย่างโปร่งใส
ด้านบริษัทแสนสิริ ยืนยันว่า การจัดซื้อที่ดินดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมาย โปร่งใส ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน ตอนนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินการทางกฎหมายแก่คนที่บิดเบือนข้อมูล ทำให้ชื่อเสียงของบริษัทเสียหาย
นอกจากนี้ ยังมีการนำข้อมูลเปรียบเทียบด้วยว่า การซื้อที่ดินของบริษัทในราคา 1,000 ล้าน เป็นราคาที่เหมาะสม ถ้าเทียบกับที่ดินใกล้เคียงที่มีราคาประเมินไล่เลี่ยกัน เช่น ทองหล่อ 10 ราคา 1,300 ล้าน, ทองหล่อ 14 ราคา 1,700 ล้านบาท เป็นต้น ส่วนเรื่องที่ซื้อที่ดินในระดับหลักร้อยล้าน เป็นการกล่าวหาไม่สมเหตุสมผล เพราะคงไม่มีใครยอมขายราคานี้แน่นอน
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Sansiri PLC
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Sansiri PLC
แม่บ้านผู้ถือหุ้นช็อก งงจัดไปถือหุ้นตอนไหน
ด้านนางสาว พ. เปิดเผยว่า รู้สึกช็อกมากที่ตกเป็นข่าว ยืนยันว่าไม่เคยเป็นนอมินีซื้อที่ดินอะไร ไม่เคยกู้ยืมเงินระดับพันล้าน แต่เคยทำงานที่กรุงเทพฯ เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ขายของที่ห้างสรรพสินค้าที่ยูเนี่ยน มอลล์ เป็นลูกจ้าง แล้วค่อยกลับมาอยู่บ้านที่ จ.มหาสารคาม
ในเดือนที่แล้ว มีคนมาที่บ้านของเธอแล้วถามอะไรแปลก ๆ รวมถึงข่าวที่ออกมาก็มีบัตรประจำตัวประชาชนของเธอด้วย ขอยืนยันว่า ไม่เคยประกอบอาชีพแม่บ้าน และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนไปลงบันทึกประจำวันไว้เรียบร้อยแล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้