แม่โร่พาลูกสาวแจ้งความอับอาย หลังภาพเปลือยลูกสาวที่อาจารย์ถ่ายไว้ในมือถือถูกนำไปเผยแพร่ และเข้าร้องเรียนต้นสังกัดเพื่อเอาผิดคู่กรณี แต่เจอคำขู่ให้เซ็นลาออกก่อน สถาบันจึงจะดำเนินการสอบสวน
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 15 พฤษภาคม นางอรวรรณ (นามสมมติ) อายุ 50 ปี ภูมิลำเนา จ.ลพบุรี พา น.ส.บุ๋ม (นามสมมติ) อายุ 25 ปี บุตรสาว เข้าร้องทุกข์ต่อนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี กรณีที่ น.ส.บุ๋ม บุตรสาวมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับอาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏใน กทม. และถูกอาจารย์คนดังกล่าวถ่ายภาพเปลือยเอาไว้ และภาพดังกล่าวถูกนำออกไปเผยแพร่ภายในมหาวิทยาลัย จนทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างมาก แต่พอ น.ส.บุ๋มทำหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อทางมหาวิทยาลัย เพื่อให้เอาผิดคู่กรณี แต่กลับถูกบีบบังคับให้ลาออก
น.ส.บุ๋มกล่าวว่า หลังจากจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งหนึ่งที่ จ.ลพบุรี ก็เดินทางมาสมัครงานในตำแหน่งลูกจ้างชั่วคราวที่มหาวิทยาลัย โดยทำงานไปด้วยและเรียนต่อในระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ จนกระทั่งปลายปี 2550 ได้รู้จักอาจารย์คนหนึ่งอายุประมาณ 60 ปี ที่สอนอยู่ในมหาวิทยาลัยราชภัฏดังกล่าว เพราะการทำงานที่ต้องติดต่อกันอยู่บ่อยๆ จนสนิทสนมกันมากขึ้น และมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง
หลังจากนั้นอาจารย์คนดังกล่าวก็มาอยู่ร่วมห้องกับตนที่ห้องพักโดยความเต็มใจของตน เพราะเห็นว่าอาจารย์เป็นคนดีและเลิกกับภรรยาแล้ว เลยอยู่ด้วยกันมาตลอด กระทั่งวันหนึ่งเมื่อเดือนมีนาคม ขณะที่ตนกำลังเปลือยกายอยู่หน้ากระจกและแต่งตัวเพื่อจะไปทำงาน ก็มองเห็นว่าอาจารย์ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปไว้ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร คงถ่ายไว้ดู กระทั่งวันต่อมาอาจารย์คนดังกล่าวโทรศัพท์มาเล่าให้ฟังว่า ภาพที่ถ่ายไว้หลุดไปเผยแพร่แล้ว ทำให้รู้สึกตกใจมาก
น.ส.บุ๋มกล่าวต่อว่า มีเพื่อนที่ทำงานที่เดียวกันแจ้งว่าเห็นภาพเปลือยของตนถูกแจกจ่ายให้คนในมหาวิทยาลัย ตนรู้สึกตกใจและอับอายมาก เมื่อสอบถามไปยังอาจารย์ก็ได้รับการปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ ตนคิดว่าภาพคงจะหมดไปแล้วจึงไม่ได้ดำเนินการอะไร จนกระทั่งเมื่อวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา มีเพื่อนที่ทำงานนำภาพมาให้ดูอีก และบอกว่าตอนนี้ภาพเผยแพร่ไปเยอะแล้ว ตนจึงนำเรื่องดังกล่าวไปปรึกษามารดา มารดาจึงบอกให้เอาเรื่องให้ถึงที่สุด เห็นว่าเรื่องนี้ตนเป็นผู้เสียหายแต่ฝ่ายเดียว
"และได้มีหนังสือไปถึงอธิการบดีของมหาวิทยาลัยราชภัฏ ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2551 ต่อมาในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน มีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเลขานุการอธิการบดีเรียกไปพบและแจ้งว่า หากต้องการจะให้มหาวิทยาลัยดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง จะต้องเขียนใบลาออกจากมหาวิทยาลัยก่อน แต่ถ้าไม่เขียนมหาวิทยาลัยจะไม่ดำเนินการให้ เห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงโทรศัพท์ไปปรึกษาเพื่อนๆ อีกครั้ง เพื่อนๆ ก็แนะนำให้เข้าร้องทุกข์ต่อนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เพื่อช่วยเหลือให้ได้รับความเป็นธรรม โดยประสงค์จะดำเนินคดีต่อผู้ที่นำภาพไปเผยแพร่ให้ถึงที่สุด" ผู้เสียหายระบุ
ภายหลังรับแจ้ง นางปวีณารับจะช่วยประสานไปยังมหาวิทยาลัยราชภัฏดังกล่าว เพื่อเจรจาเรื่องการศึกษาต่อ และระงับเรื่องการถูกให้ออกจากงาน รวมทั้งจะประสานงานให้เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ที่เผยแพร่รูปภาพดังกล่าวด้วย
จากนั้นนางอรวรรณ มารดาผู้เสียหาย ได้พาบุตรสาวไปยังกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดต่อเด็ก เยาวชน และสตรี เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ที่นำภาพออกมาเผยแพร่
ข้อมูลจาก
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต