x close

ชัย คนบุญโบกรถ ชายที่เสียแขน แต่ได้ชีวิตกลับมา

ชัย คนบุญโบกรถ ชายที่เสียแขน แต่ได้ชีวิตกลับมา


ชัย คนบุญโบกรถ ชายที่เสียแขน แต่ได้ชีวิตกลับมา


ชัย คนบุญโบกรถ ชายที่เสียแขน แต่ได้ชีวิตกลับมา


ชัย คนบุญโบกรถ ชายที่เสียแขน แต่ได้ชีวิตกลับมา

ชัย คนบุญโบกรถ ชายที่เสียแขน แต่ได้ชีวิตกลับมา


ชัย คนบุญโบกรถ ชายที่เสียแขน แต่ได้ชีวิตกลับมา


เรียบเรียงโดยกระปุกดอทคอม


          ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ ณ ลานจอดรถวัดสวนแก้ว จังหวัดนนทบุรี ถ้าใครเคยไปจะเห็น "ชัย" หรือ "ศิริชัย" ชายวัยกลางคนร่างเล็กสวมเสื้อสีน้ำตาล ใส่เสื้อกั๊กสีส้ม ใช้แขนข้างเดียวที่มีอยู่ทำหน้าที่โบกรถเพื่ออำนวยความสะดวก ให้กับผู้คนที่แวะเวียนเข้ามาทำบุญทำทานที่วัด ด้วยสีหน้าที่เปื้อนด้วยรอยยิ้มพร้อมๆ กับคำพูดคำจาที่สุภาพเรียบร้อย โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ บางวันกว่าจะได้ทานข้าวมื้อกลางวันก็ต้องรอเกือบๆ วัดจะปิด เพราะไม่สามารถทานได้อย่างเต็มที่ แต่ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังรอยยิ้ม จริงๆ แล้วเบื้องลึกเบื้องหลังเค้าต้องผ่านต้องเจอกับอะไรมาบ้าง...


          ทั้งนี้ ชัย ได้กล่าวว่าเมื่อก่อนผมก็มีแขนสองข้างปกติเหมือนคนธรรมดาทั่วไป แต่ผมประสบอุบัติเหตุตั้งแต่ปี 2535 ขี่มอเตอร์ไซค์ทำชิปปิ้ง โดนรถกระบะชนท้ายตอนตี 4 ตัวผมกระเด็นขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ ตี 5 กว่าๆ ถึงจะมีคนเดินผ่านไปผ่านมาเห็นเลือดที่หยดลงมา จึงช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาล ผมต้องนอนรักษาที่โรงพยาบาลนานถึง 1 ปี 6 เดือน หมดเงินค่ารักษาไปกว่า 3 แสนบาท ทำเอาหมดตัวเลย 


          และผลจากอุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้แขนผมใช้การไม่ได้ แต่แขนซ้ายก็พอจะใช้งานได้อย่างบ้างแต่ไม่เต็มร้อย ขาขวากระดูกต้องดามเหล็กสั้นกว่าขาซ้าย 6 เซน หลังเสียแขนไปชีวิตก็ลำบาก ผมกลับไปอยู่บ้านที่อำเภอสบปราบ จังหวัดลำปาง ไปทำเซรามิกอยู่พักหนึ่งแต่ก็ถูกโกงหมดตัวอีก ไปสมัครงานที่ไหนเค้าก็ไม่รับ ใครเค้าจะรับคนพิการอย่างเรา 


          พอปี 2547 ผมนั่งเปิดดูในโทรทัศน์เห็นว่าหลวงพ่อพยอม (พระพยอม กัลยาโณ) ท่านกำลังต้องการรับสมัครคนงานที่วัดสวนแก้ว บอกว่ามีงานให้ทุกคน จะเป็นอย่างไรก็ช่าง พิการก็ได้ มีกินนอนอยู่ที่วัดอยู่แบบพอเพียง มีจุดบ้านพักอยู่ในสวน จะเป็นอย่างไงท่านก็รับ ผมเลยเดินทางมาสมัคร ซึ่งทางวัดก็ให้ค่าตอบแทนเป็นรายวัน วันละ 125 บาท และทิปจากการโบกรถ จากคนที่มาทำบุญที่วัด ผมจะมาโบกรถแค่เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ส่วนวันธรรมดาก็จะทำงานก่อสร้างในสวน (ขนาด 130 ไร่) ของวัดสวนแก้ว


          อยู่ที่นี่สุขใจเพราะในที่มีไม่มีใครทะเลาะกัน ใครทะเลาะหลวงพ่อก็ไล่ออกไป หลวงพ่อท่านไม่ชอบ ตอนเงินเดือนออกหลวงพ่อมาจ่ายเงินเองทุกครั้ง และหลวงพ่อก็จะมาสอนว่าควรใช้เงินยังไง เมื่อก่อนผมเป็นคนใจร้อนแต่เหมือนได้รับไอพระธรรมเข้ามากล่อมเกลาจิตใจ ผมเลยกลายเป็นคนเย็นใจมาก สุขุมขึ้น ก็น่าแปลกใจ แต่เมื่อปีกลายผมป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่เกือบตาย แถมหมอตรวจเจอมะเร็งที่ตับเพราะเมื่อก่อนผมกินเหล้าบ่อย แต่เป็นระยะที่ 1 เลยรักษาได้


          ส่วนเรื่องครอบครัวผมมีลูกสาวเรียนอยู่ในที่กรุงเทพมหานคร เค้าอยู่กับป้า เรียนอยู่ ม.3 ที่สาธิตเกษตร เค้าเรียนเก่งนะได้ 4 ตลอด อาจารย์แกก็บอกว่าถ้าเรียนให้เลือกคณะเดียวเลย แพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 400 คะแนน ทำได้แน่ๆ เพราะลูกสาวอยากเป็นหมอ แกเคยบอกผมว่า "พ่ออย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ จะรักษาแขนข้างนี้ให้ใช้ได้ก่อนตาย"


          พร้อมกันนี้ ชัย ยังกล่าวว่าในปี 2537 ผมถือว่าผมเสียแขน เสียขา แต่ก็ได้ลูกสาวมาแทน ผมตั้งชื่อลูกสาวว่า "สุดรัก" คือไม่ต้องแปลความหมายเค้าเป็นที่สุดของความรัก ชื่อเล่นชื่อ น้องเพชร เพราะเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในในโลกที่สุดชีวิต จะวิ่งให้เหนื่อยยังไง นึกถึงลูกก็หายเหนื่อย ผมจะยังเป็นอะไรไปไม่ได้ จะอยู่ดูความสำเร็จของลูก


          แต่ผมไม่ให้แกรู้ว่าผมอยู่ที่นี่ ผมจะบอกว่าผมทำงานอยู่ต่างจังหวัด ผมกลัวลูกสาวจะอายเพื่อน อยากให้เค้าอยู่อย่างสบายใจ ผมไปเยี่ยมแกเอง พาแกไปเที่ยว จะหยุดไปวันธรรมดา จะได้ไม่ต้องเสียรายได้เยอะ อยากเจอลูกสาว ในชีวิตนี้ผมไม่ขออะไรอีกแล้วในชีวิตนี้ขออยู่กับหลวงพ่อจนตาย มีกินมีอยู่แล้ว อยู่รอลูกรับปริญญา ไม่เอาอะไรแล้ว


          ... ทุกครั้งเมื่อเอ่ยถึงลูกสาวสุดรัก แววตาของ "ชัย" ก็เป็นประกายสุกใสที่มีความหวัง และตื้นตันใจในตัวลูกสาวคนนี้อย่างที่สุด เค้าอาจดูแตกต่างจากคนอื่น หากแต่หัวใจของชายคนนี้ได้สร้างปีกแห่งธรรมอันบริสุทธิ์ ปีกที่ทำให้เค้าบินข้ามกิเลสไปสู่ดินแดนแห่งธรรมอย่างลึกซึ้ง …



ข้อมูลและภาพประกอบจาก

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ชัย คนบุญโบกรถ ชายที่เสียแขน แต่ได้ชีวิตกลับมา โพสต์เมื่อ 22 พฤษภาคม 2551 เวลา 08:59:33 9,965 อ่าน
TOP