นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวที่สนามบินสุวรรณภูมิวันนี้ (23 พ.ค.) ภายหลังเดินทางกลับจากเยือนประเทศจากประเทศฟิลิปปินส์ กรณีส.ส.และส.ว.เข้าชื่อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า รัฐบาลจะยังคงเดินหน้าจัดทำประชามติ ประเด็นเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่
โดยเตรียมหารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์หน้า ว่า มีกฎหมายฉบับใดบ้างที่สามารถนำมาจัดทำประชามติ หากไม่มีกฎหมายฉบับใดมารองรับ ก็อาจใช้วิธีการออกพระราชกำหนด เพื่อทำประชามติโดยเฉพาะ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และจะไม่ขอร้องให้ ส.ส.พรรคพลังประชาชน ถอนญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญออกจากรัฐสภา เพราะไม่สามารถก้าวก่ายอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ยอมรับว่าเหตุผลที่ต้องทำประชามติ เพื่อลดกระแสการต่อต้านที่อาจทำให้บ้านเมืองเกิดการนองเลือดได้ ส่วนผลประชามติออกมาอย่างไร ทุกฝ่ายต้องยอมรับ อย่างไรก็ตาม ไม่รู้สึกเป็นห่วงกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในวันอาทิตย์ที่ 25 พ.ค.นี้ จะรอดูว่าประชาชนจะเลือกอยู่ฝ่ายใด ระหว่างต้องการความสงบ หรือ ต้องการสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นกับบ้านเมือง
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อกรณีนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถูกกล่าวหาว่า หมิ่นสถาบัน ว่า นายจักรภพ ต้องพิสูจน์ตนเอง รัฐบาลจะปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม โดยจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินการในคดีดังกล่าวให้เสร็จโดยเร็ว หากผิดก็ต้องว่าไปตามผิด อย่างไรก็ตาม ตั้งข้อสังเกตว่า กรณีนายจักรภพถูกโจมตีอย่างหนัก เนื่องจากเข้าร่วมกับรัฐบาลนี้ รวมทั้งหวังผลต่อการล้มรัฐบาล
ด้าน นายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) กล่าวว่า ยอมรับว่า นายจักรภพ ได้โทรศัพท์มาปรึกษาเกี่ยวกับคำบรรยายที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ เพราะถือว่าตนเป็นผู้ใหญ่และมีประสบการณ์ ส่วนตัวมั่นใจว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะมีปัญหาเพราะเป็นเรื่องการเมือง ตนได้แนะนำไปว่าให้ใจเย็นๆ ปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมเป็นผู้ตัดสิน ส่วนการที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เตรียมนัดชุมนุมใหญ่ในวันอาทิตย์ที่ 25 พ.ค. เป็นสิทธิที่สามารถทำได้ แต่เชื่อว่าการชุมนุมเพื่อต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่วัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการชุมนุมในครั้งนี้ รวมทั้งมั่นใจว่าจะไม่เกิดการรัฐประหารอย่างแน่นอน