จับ CEO บริษัทมหาชนกลางหมู่บ้าน ฐานเบี้ยวส่งงบการเงิน สุดงงกลายเป็นช่างก่อสร้าง ได้รับค่าแรงวันละ 400 บาท เผยเคยโดนเอาบัตรประชาชนไปสวมชื่อกรรมการบริษัท
ภาพจาก ช่อง 3
สำหรับที่มาของหมายจับ มาจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ขอให้ตำรวจดำเนินคดีบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง มีนายทรงฤทธิ์และนายไพวัลย์ ผู้ต้องหา เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ โดยบริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทที่มีหุ้นสามัญจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ต้องส่งงบการเงินและรายงานเกี่ยวกับฐานะทางการเงิน ผลดำเนินงาน แต่ก็ไม่ได้ส่ง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ตำรวจสอบสวนกลาง
นอกจากนี้
บริษัทดังกล่าวยังเคยเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น
แม้ตลาดหลักทรัพย์จะเพิกถอนหุ้นสามัญออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนภายหลัง
แต่ก็ยังคงมีผู้ถือหุ้นกว่า 1,124 ราย ดังนั้น
บริษัทต้องจัดทำและส่งงบการเงินประจำปี 2565 และรายงานเกี่ยวกับฐานะการเงิน
ผลการดำเนินงานประจำปี 2565 ด้วย
เมื่อบริษัทไม่ได้ส่งงบการเงินและตำรวจได้รับเรื่อง จึงสืบทรายว่า นายไพวัลย์ หนึ่งในกรรมการบริษัท ป้จจุบันพักอยู่ในพื้นที่หมู่บ้านเศรษฐกิจ จึงได้จัดกำลังเฝ้าติดตาม เมื่อผู้ต้องหาจูงจักรยานในซอย ก็เข้าสอบถามจนพบว่าเป็นคนเดียวกันตามหมายจับ ตำรวจจึงแสดงหมายเข้าจับกุม
เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ทราบแต่เพียงว่า ถูกนำบัตรประชาชนไปสวมชื่อเป็นกรรมการบริษัทฯ โดยที่ตัวเองเป็นช่างก่อสร้าง ได้ค่าจ้างวันละ 400 บาท และไม่เคยทำงานในบริษัทนี้แต่อย่างใด
ขอบคุณข้อมูลจาก ช่อง 3
ภาพจาก ช่อง 3
วันที่ 7 กันยายน 2567 ช่อง 3 รายงานว่า
เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง นำกำลังไปจับกุมตัวนายไพวัลย์ วัย 57 ปี
ที่ซอยหมู่บ้านเศรษฐกิจ 30 ต.บางแคเหนือ อ.บางแค กรุงเทพฯ พร้อมหมายจับ 2
กระทง
มีความผิดเกี่ยวกับเรื่องการไม่จัดทำและส่งงบการเงินของบริษัทในฐานะผู้บริหารหรือซีอีโอ
สำหรับที่มาของหมายจับ มาจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ขอให้ตำรวจดำเนินคดีบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง มีนายทรงฤทธิ์และนายไพวัลย์ ผู้ต้องหา เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ โดยบริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทที่มีหุ้นสามัญจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ต้องส่งงบการเงินและรายงานเกี่ยวกับฐานะทางการเงิน ผลดำเนินงาน แต่ก็ไม่ได้ส่ง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ตำรวจสอบสวนกลาง
เมื่อบริษัทไม่ได้ส่งงบการเงินและตำรวจได้รับเรื่อง จึงสืบทรายว่า นายไพวัลย์ หนึ่งในกรรมการบริษัท ป้จจุบันพักอยู่ในพื้นที่หมู่บ้านเศรษฐกิจ จึงได้จัดกำลังเฝ้าติดตาม เมื่อผู้ต้องหาจูงจักรยานในซอย ก็เข้าสอบถามจนพบว่าเป็นคนเดียวกันตามหมายจับ ตำรวจจึงแสดงหมายเข้าจับกุม
เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ทราบแต่เพียงว่า ถูกนำบัตรประชาชนไปสวมชื่อเป็นกรรมการบริษัทฯ โดยที่ตัวเองเป็นช่างก่อสร้าง ได้ค่าจ้างวันละ 400 บาท และไม่เคยทำงานในบริษัทนี้แต่อย่างใด
ขอบคุณข้อมูลจาก ช่อง 3