เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบจาก http://fanpantaewebsite.hi5.com/
ถูกต้องนะคร้าบ...!! เสียงสวรรค์ของผู้เข้าแข่งขันรายการแฟนพันธุ์แท้ หากคุณเคยดูรายการนี้ คงอดไม่ได้ที่จะร่วมลุ้น (ตัวโก่ง) ไปกับผู้เข้าแข่งขัน หลังตอบคำถามและรอคำเฉลยจากคุณปัญญา นิรันดร์กุล พิธีกรชื่อดังและเจ้าของรายการ ที่ล่าสุด คุณอี้ - แทนคุณ จิตต์อิสระ ทำหน้าที่พิธีกรดำเนินรายการแทน
อาจารย์ราเมศ โสดารัตน์ หรือที่ลูกศิษย์ในมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตรู้จัก และเรียกกันอย่างสนิทสนมว่า "ครูอ้วน" คืออีกหนึ่งผู้เข้าแข่ง ตอน เว็บไซต์ไทยแลนด์ ที่ทำเอาผู้ชมทั้งประเทศถึงกับน้ำตาคลอเพราะความชื่นชม หลังครูอ้วนพิชิตโจทย์คำถามรอบสุดท้าย และรับรางวัลชนะเลิศสุดยอดแฟนพันธุ์แท้ เว็บไซต์ไทยแลนด์ เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2547 สิ่งที่น่าประทับใจอันโดดเด่นในวันนั้นคือ ครูอ้วน ไม่อายที่จะวิ่งไปกราบเท้าคุณแม่ พร้อมหลั่งน้ำตาแห่งความดีใจออกมา แถมกล่าวทั้งน้ำตาด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มว่า "รักแม่" ท่ามกลางสายตาของผู้ชมทั้งห้องส่ง ที่ทั้งซาบซึ้ง และอดไมได้ที่จะประทับใจกับความรักที่แม่ลูกคู่นี้มี และแสดงออกต่อกัน
ล่าสุด เมื่อคืนวันที่ 23 พ.ค. ที่ผ่านมา ครูอ้วนยังได้รับตำแหน่งสุดยอดแฟนพันธุ์แท้อีกครั้ง จากตอน ความสัมพันธ์ไทย - สหรัฐอเมริกา โดยเป็นรางวัลที่ 2 ซึ่งความสามารถนี้ ได้การันตีถึงความเป็น "สุดยอดแฟนพันธุ์แท้" ได้อย่างงดงาม ทั้งนี้ครูอ้วน เผยถึงการเตรียมตัวเข้าแข่งขันในครั้งนี้ว่า ปกติจะติดตามเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ไทย และสหรัฐอเมริกาอยู่แล้ว และเป็นเรื่องบังเอิญโดยแท้ ที่วันที่ 4 กรกฏาคม ซึ่งเป็นวันชาติสหรัฐอเมริกา ก็มาตรงกับวันคล้ายวันเกิดของตนเองอีก
"ผมมีความรู้สึกว่าวันที่ 4 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันเกิดของผม จะมีภาพยนตร์ที่ชาวอเมริกันสร้าง เช่น ID4 คือในเรื่องวันที่ 4 กรกฎาคม เป็นวันชาติของสหรัฐ ในภาพยนตร์เค้าจะให้ความสำคัญกับวันนี้มาก ดังนั้นผมก็จะมีความสุข รู้สึกว่าชื่นชอบวันที่ 4 กรกฏาคม ไปด้วย และผมก็ชอบประเทศสหรัฐอเมริกาด้วย โดยฮีโร่ของผม คือคุณบิลเกตต์ เจ้าของบริษัทไมโครซอฟต์" ครูอ้วนกล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้งานนี้จะมีผู้เข้าแข่งขันที่ความรู้ ความสามารถสูงทั้งสิ้น แต่ครูอ้วน ก็ได้สร้างความประหลาดใจให้กับผู้ชม ด้วยการคว้าตำแหน่งสุดยอดแฟนพันธุ์แท้มาได้เอ... ชักอยากจะรู้จักกับครูอ้วนกันขึ้นมาแล้วใช่ไหม วันนี้เราจะพาคุณไปล้วงลึกความลับ ทำความรู้จักกับผู้ชายแสนเก่ง พ่อพิมพ์ของชาติที่แสนดี คนนี้กันเลย
"ครูอ้วน" ปัจจุบัน เป็นอาจารย์ประจำหลักสูตรวิทยาการคอมพิวเตอร์ แห่งมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต นอกจากนี้ ยังอุทิศตัวเพื่องานสังคมอีกมากมาย ทั้งเป็นกรรมการสมาคมผู้ประกอบการค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย, ผู้เชี่ยวชาญด้านเว็บไซต์ ในโครงการแฟนพันธุ์แท้ช่วยตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งชมรม THAIWCAG ซึ่งเป็นชมรมที่รวมเว็บมาสเตอร์ที่ต้องการพัฒนาเว็บไซต์ให้ได้มาตรฐาน เพื่อให้ผู้พิการอ่านเว็บได้อย่างง่ายดาย
ทั้งนี้ ครูอ้วนเล่าถึงการเข้ามาแข่งขันในรายการแฟนพันธุ์แท้ตั้งแต่ครั้งแรกว่า เคยเป็นแฟนรายการมาก่อน แล้วติดตามดูรายการทางโทรทัศน์มาโดยตลอด จากนั้นจึงตัดสินใจสมัครเข้าร่วมแข่งขันในตอน เว็บไซต์ไทยแลนด์ เพราะมีความชื่นชอบทางด้านนี้โดยตรง แต่กว่าที่ครูอ้วนจะได้รับตำแหน่งสุดยอดแฟนพันธุ์แท้นั้น เขาต้องเตรียมตัวค้นคว้าหาข้อมูลมาอย่างดี บวกกับประสบการณ์ทางด้านเว็บไซต์ที่สั่งสมมานานอย่างไม่หยุดนิ่งทั้งชีวิต โดยครูอ้วนพูดถึงความยากง่ายในการแข่งขันว่า ขึ้นอยู่กับจังหวะและการได้พบกับคำถาม หากคำถามข้อใดที่ไม่ได้เตรียมค้นคว้ามาก่อนหน้า ก็ยาก แต่ถ้าข้อใดที่มั่นใจและค้นคว้ามาอย่างดีก็ง่าย ความยากง่ายอยู่ที่การค้นคว้าและการเตรียมความพร้อม แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ กำลังใจจากคุณพ่อ คุณแม่ เวลามาแข่งเห็นคุณแม่ยิ้มก็มีกำลังใจ
"ความกตัญญูต่อคุณพ่อ คุณแม่ ถือว่าเป็นหน้าที่ของลูกทุกคนต้องปฏิบัติ ผมเชื่อว่า ความกตัญญูจะเป็นแสงทองในชีวิต ที่จะสามารถประสบความสำเร็จในทุกเรื่อง ผมในฐานะลูกชายคนเดียวของครอบครัว และมีอาชีพอาจารย์ หลักสูตรวิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ต้องปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่างให้กับลูกศิษย์ ส่วนการแข่งขันสุดยอดแฟนพันธุ์แท้เว็บไซต์ เป็นเพราะคุณพ่อ - คุณแม่ท่านมาให้กำลังใจ เหมือนกับท่านมาแข่งขันด้วย ทำให้เรามีกำลังใจและมั่นใจ แต่ทั้งสองท่านก็สอนเสมอว่า ให้เตรียมความพร้อม การค้นคว้าข้อมูล การเตรียมตัว เป็นสิ่งสำคัญที่สุด หากไม่เตรียมตัวมาแข่งขัน โอกาสที่จะชนะเลิศคงยาก ผมเชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้า... ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" ครูอ้วนกล่าว
นอกจากนี้ ครูอ้วน ยังมีเรื่องราวน่ารักๆ ที่มักปฏิบัติกับคุณแม่ของเขาเป็นประจำคือ การโทรศัพท์ไปบอกรักในทุกเวลาที่นึกถึง โดยจะพูดว่า "รักแม่" ซึ่งครูอ้วนบอกว่าเป็นคำที่คุณแม่เขาชอบฟังมากที่สุด... ความผูกพันระหว่างเขาทั้งคู่ดูเหมือนจะเป็นสายใยที่สามารถส่งความในใจถึงกันได้ เมื่อครูอ้วนป่วยเป็นโรคเบาหวาน...
"เมื่อปี พ.ศ.2549 เพราะความสำเร็จที่ได้มา ทำให้แม่ผมมีความสุขมาก ผมเริ่มฝันอยากเป็นเจ้าของธุรกิจเว็บไซต์ อยากทำธุรกิจเพื่อความมั่นคงในอนาคต ผมจึงเปิดบริษัทรับทำเว็บไซต์แบบครบวงจร และเปิดโรงเรียนสอนคอมพิวเตอร์สำหรับเด็ก ปีนี้เป็นปีที่ผมแทบไม่มีเวลาให้กับคุณแม่เลย แทบทั้งปีจะมีแต่งาน และปี พ.ศ. 2550 เป็นปีที่ผมประสบความล้มเหลวมากที่สุด คือการวางแผนทำธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จเลย เป็นเพราะอาจไม่ใช่นักธุรกิจ และจากการใช้ร่างกายทำงานอย่างหนัก และไม่ระวังรักษาสุขภาพด้วย ปกติผมน้ำหนักตัว 110 กิโลกรัม แต่ช่วงนั้นผมน้ำหนัก 85 กิโลกรัม หลายๆ คนที่พบเห็น ก็จะสอบถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า และสิ่งที่ผิดปกติอื่นๆ ก็คือ ผมปัสสาวะบ่อย และมีอาการหลายๆ อย่างที่คล้ายคุณยายผมที่เสียชีวิตไปแล้วด้วยโรคเบาหวาน ซึ่งในครอบครัวผม ก็มีคุณยาย และคุณลุง 2 ท่าน ที่ป่วยเป็นเบาหวาน ส่วนผมก็ชอบทานของหวาน น้ำอัดลม คุณแม่เตือนบ่อยมาก แต่ผมไม่ฟัง ยังตามใจปากอยู่
ในขณะที่คุณแม่เอง ก็มีโรคประจำตัว คือท่านเครียดไม่ได้ ผมก็พยายามบอกท่านว่าไม่เป็นอะไร และไม่ค่อยอยากจะพบท่าน พยายามให้ท่านพักกับคุณพ่อที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี แต่ความจริงก็คือความจริง ผมไปตรวจสุขภาพประจำปี จากผลเลือดพบว่า ผมป่วยเป็นเบาหวาน และช่วงนั้นผมเครียดกับหลายๆ เรื่องด้วย แต่ผมก็ไม่บอกคุณแม่ว่าผมป่วย เพราะกลัวคุณแม่ท่านจะกังวล... แต่ความจริงก็คือความจริง วันหนึ่งคุณแม่พบยาเบาหวาน ท่านยิ้มให้ผม และก็พูดกับผมดีมากว่า ไม่ต้องกังวลกับแม่หรอก แม่ทำใจได้ คุณยายก็เป็น แต่ตอนนี้ต้องรู้จักกินยา และรักษาสุขภาพ ทำตามคำแนะนำคุณหมอ แม่ก็สบายใจ ดีกว่าแต่ก่อนต้องคอยเป็นห่วง ส่วนตัวผมสบายใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก ตอนนี้ผมปล่อยวางทุกอย่าง ธุรกิจที่ทำผมต้องตัดสินใจเลิกกิจการ และหันมาห่วงใยสุขภาพตามคำแนะนำของคุณแม่" ครูอ้วนกล่าว
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ครูอ้วนได้รับตำแหน่งสุดยอดแฟนพันธุ์แท้ ก็มีผู้ชมทางบ้านให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และเริ่มมีคนจำได้ ครูอ้วน เล่าว่า "เวลาแข่งในรายการ ส่วนมากคนจะชอบให้เราตอบคำถามแบบเสียงดังฟังชัด หรือมีการสอดแทรกมุขตลกบ้าง เพราะผู้ชมทางบ้านในต่างจังหวัด ซึ่งเป็นแฟนประจำของรายการแฟนพันธุ์แท้ จะชอบแฟนพันธุ์แท้ที่มีลีลา มีมุข ทำให้ไม่น่าเบื่อ ประกอบกับได้ครูดีหลายๆ ท่านที่เป็นสุดยอดแฟนพันธุ์แท้ และได้รับการตอบรับจากผู้ชมทางบ้านเป็นอย่างดี มาช่วยให้คำปรึกษา เช่น พี่สัมพันธ์ สุดยอดแฟนพันธุ์แท้ตลกคาเฟ่, คุณอรัญ สุดยอดแฟนพันธุ์แท้มวยปล้ำ ฯลฯ"
ทว่าความโด่งดังมีชื่อเสียง มักมาพร้อมกับกระแสที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก แม้จะมีคนชอบเยอะคนชมแยะ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีคนตำหนิ โดยเฉพาะในกระดานข่าวที่เป็นเวทีสาธารณะให้แสดงความคิดเห็น ครูอ้วนเล่าต่อว่า...
"ในนั้นจะตำหนิว่า เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยทำตัวบ้าๆ บอๆ บางคนก็ตำหนิว่า เว่อร์ ออกแอ็คชั่นมาก น่าเบื่อ เปลี่ยนช่องดีกว่า ตอบมั่วๆ เดาเยอะครับ แต่ผมก็นำทุกความคิดเห็นมาเปรียบเทียบ อันไหนที่ต้องปรับปรุงก็น้อมรับ แต่ก็ต้องขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ ไม่มีใครจะทำอะไรให้ถูกใจผู้ชมทั้งประเทศไทยทุกท่าน และที่สำคัญรายการนี้ออกอากาศไปทั่วโลก 4 ปี ที่ผ่านมาแค่ไปตลาดกลับบ้าน คนขับรถเมล์ พี่มอเตอร์ไซต์รับจ้าง ถามว่าจะแข่งเมื่อไหร่อีก หรือบอกว่าจำผมได้ แค่นี้ผมก็มีความสุขแล้วครับ" ครูอ้วนกล่าว
นอกจากนี้ ครูอ้วนยังเล่าถึงชีวิตการทำงาน การเดินทางที่ไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย เพราะเป็นความสุขในชีวิตการทำงานของเขาว่า "การเป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เป็นมหาวิทยาลัยที่มีการบริการวิชาการไปสู่ท้องถิ่นตามจังหวัดต่างๆ ของประเทศไทย ผมเป็นอาจารย์ประจำหลักสูตรวิทยาการคอมพิวเตอร์ และเป็นอาจารย์พิเศษซึ่งในวันเสาร์ - อาทิตย์ ผมทำงาน 7 วัน ต้องไปสอนตามต่างจังหวัดด้วย ตัวอย่างเช่น ผมตื่นตี 4 เพื่อไปสอนที่ จ.พะเยา ต้องนั่งเครื่องบินไปลง จ.เชียงราย ก่อน และนั่งรถตู้ไปสอนอีก 2 ชั่วโมง ทุกภาคและทุกจังหวัดในประเทศไทย ผมไปสอนมาแทบครบแล้วครับ มันเป็นหน้าที่ และเป็นความสุขของการทำงานอาชีพนี้"
สำหรับใครที่อยากรู้คติประจำใจของครูอ้วน นั่นก็คือ ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ของพูดได้นั้นไม่จริง และ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ส่วนเคล็ดลับการประสบความสำเร็จ และทำชีวิตให้มีความสุขในทุกๆ วันอย่างครูอ้วนนั้น เจ้าตัวบอกว่า "เพียงแค่คุณพยายามใช้ชีวิตให้เป็นคนดี เป็นคนที่มีความสุข ปฏิบัติตามหลักคำสอนของศาสนา เชื่อฟังคำสอนของคุณพ่อ คุณแม่ และทำหน้าที่ลูกที่ดี แค่นี้ก็มีความสุขสุดๆ แล้วล่ะครับ"
คลิปวิดีโอ แฟนพันธุ์แท้ ตอน เว็บไซต์ไทยแลนด์
คลิปวิดีโอ แฟนพันธุ์แท้ ตอน ความสัมพันธ์ไทย - สหรัฐอเมริกา
