หนุ่มแต่งตัวชิล เดินเข้าร้านแบรนด์หรู กลับถูก พนง. มองหัวจรดเท้า-เหยียดใส่ หารู้ไม่คนรวยตัวจริง ไม่ซื้อแล้วร้านนี้ เข้าร้านอื่นจัดนาฬิกา 3.8 แสนแทน

ภาพจาก TikTok @alyphsyafi2
ในขณะที่พนักงานขายคือด่านแรกของงานบริการ ที่ลูกค้าจะได้พบเจอและเป็นเหมือนตัวแทนในการนำเสนอสินค้าจากทางแบรนด์ แต่หลายครั้งที่ลูกค้ากลับพบเจอประสบการณ์ที่ไม่น่าจดจำจากพนักงานขายเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเลือกปฏิบัติ ถูกพนักงานมองเหยียด จนปรากฏเป็นดราม่าขึ้นมา
เช่นเดียวกับกรณีล่าสุดที่เกิดขึ้นกับ อาลีฟ ซิอาฟิ หนุ่มมาเลเซีย เจ้าของธุรกิจสินค้าดูแลเส้นผม ซึ่งออกมาเล่าประสบการณ์ถูกพนักงานของร้านนาฬิกาแบรนด์หรูดูถูก เพียงเพราะเขาสวมเสื้อผ้าธรรมดา ๆ เข้าร้าน คลิปของเขาบน TikTok ได้กลายมาเป็นที่พูดถึงอย่างมาก โดยมีผู้คนมากมายยอมรับว่าเคยเจอเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกัน
จากรายงานของเว็บไซต์ Sinchew เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2568 อาลีฟได้บอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวให้ผู้ติดตามบน TikTok กว่า 1.4 แสนคนฟัง โดยเผยว่าวันนั้นเขาสวมเสื้อสเวตเตอร์แบบทั่ว ๆ ไป แต่ขณะกำลังจะเดินเข้าร้านนาฬิกาหรูเพื่อไปดูของ เขากลับถูกพนักงานหยุดไว้ที่หน้าประตู
"พนักงานไม่เพียงขวางผมไม่ให้เข้าร้าน แต่ยังมองผมหัวจรดเท้า ถามอีกว่าผมกำลังมองหาอะไร" อาลีฟ กล่าว
เขาตอบพนักงานไปว่ามาต้องการมาดูนาฬิกา แม้พนักงานจะยอมปล่อยให้เขาเดินเข้าร้าน ทัศนคติของพนักงานกลับไม่ดีเอาเสียเลย แถมยังดูหยิ่งยโสมาก พนักงานขายคนหนึ่งถีงกับบอกเขาตรง ๆ ว่า "ถ้าคุณต้องการหา Tissot หรือ G-Shock เราไม่มีในนี้ เราขายแค่นาฬิกาหรู"
![พนักงานขายนาฬิกาหรู เหยียดลูกค้า พนักงานขายนาฬิกาหรู เหยียดลูกค้า]()
ภาพจาก TikTok @alyphsyafi2
พนักงานยังย้ำคำพูดนั้นถึง 2 ครั้ง ทำให้อาลีฟไม่พอใจมาก "ผมช็อกไปเลย คือแค่ผมดูไม่เหมือนคนรวย ก็หมายความว่าผมจะซื้อนาฬิกาไม่ได้อย่างนั้นเหรอ ?"
เมื่อเจอกับท่าทีของพนักงานที่ไม่เป็นมิตร อาลีฟก็ไม่เสียเวลาเถียงด้วย เขาเลือกที่จะหันหลังเดินออกจากร้านไป แล้วไปเข้าร้านนาฬิกาหรูอีกแห่งหนึ่ง จนสุดท้ายก็ซื้อนาฬิกามูลค่ากว่า 50,000 ริงกิต (ราว 3.8 แสนบาท) มาแทน พร้อมนำเรื่องราวมาบอกเล่าให้ผู้ติดตามฟัง
ด้านโซเชียลเมื่อได้รับฟังเรื่องราวดังกล่าว ต่างก็เห็นพ้องกันว่าพนักงานขายนั้นไม่ควรตัดสินลูกค้าจากภายนอกเพียงเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแบรนด์หรูที่ไม่ควรประเมินอำนาจการซื้อของลูกค้า โดยดูจากรูปลักษณ์ของลูกค้าเท่านั้น
ขอบคุณข้อมูลจาก Sinchew

ภาพจาก TikTok @alyphsyafi2
ในขณะที่พนักงานขายคือด่านแรกของงานบริการ ที่ลูกค้าจะได้พบเจอและเป็นเหมือนตัวแทนในการนำเสนอสินค้าจากทางแบรนด์ แต่หลายครั้งที่ลูกค้ากลับพบเจอประสบการณ์ที่ไม่น่าจดจำจากพนักงานขายเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเลือกปฏิบัติ ถูกพนักงานมองเหยียด จนปรากฏเป็นดราม่าขึ้นมา
เช่นเดียวกับกรณีล่าสุดที่เกิดขึ้นกับ อาลีฟ ซิอาฟิ หนุ่มมาเลเซีย เจ้าของธุรกิจสินค้าดูแลเส้นผม ซึ่งออกมาเล่าประสบการณ์ถูกพนักงานของร้านนาฬิกาแบรนด์หรูดูถูก เพียงเพราะเขาสวมเสื้อผ้าธรรมดา ๆ เข้าร้าน คลิปของเขาบน TikTok ได้กลายมาเป็นที่พูดถึงอย่างมาก โดยมีผู้คนมากมายยอมรับว่าเคยเจอเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกัน
จากรายงานของเว็บไซต์ Sinchew เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2568 อาลีฟได้บอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวให้ผู้ติดตามบน TikTok กว่า 1.4 แสนคนฟัง โดยเผยว่าวันนั้นเขาสวมเสื้อสเวตเตอร์แบบทั่ว ๆ ไป แต่ขณะกำลังจะเดินเข้าร้านนาฬิกาหรูเพื่อไปดูของ เขากลับถูกพนักงานหยุดไว้ที่หน้าประตู
"พนักงานไม่เพียงขวางผมไม่ให้เข้าร้าน แต่ยังมองผมหัวจรดเท้า ถามอีกว่าผมกำลังมองหาอะไร" อาลีฟ กล่าว
เขาตอบพนักงานไปว่ามาต้องการมาดูนาฬิกา แม้พนักงานจะยอมปล่อยให้เขาเดินเข้าร้าน ทัศนคติของพนักงานกลับไม่ดีเอาเสียเลย แถมยังดูหยิ่งยโสมาก พนักงานขายคนหนึ่งถีงกับบอกเขาตรง ๆ ว่า "ถ้าคุณต้องการหา Tissot หรือ G-Shock เราไม่มีในนี้ เราขายแค่นาฬิกาหรู"

ภาพจาก TikTok @alyphsyafi2
พนักงานยังย้ำคำพูดนั้นถึง 2 ครั้ง ทำให้อาลีฟไม่พอใจมาก "ผมช็อกไปเลย คือแค่ผมดูไม่เหมือนคนรวย ก็หมายความว่าผมจะซื้อนาฬิกาไม่ได้อย่างนั้นเหรอ ?"
เมื่อเจอกับท่าทีของพนักงานที่ไม่เป็นมิตร อาลีฟก็ไม่เสียเวลาเถียงด้วย เขาเลือกที่จะหันหลังเดินออกจากร้านไป แล้วไปเข้าร้านนาฬิกาหรูอีกแห่งหนึ่ง จนสุดท้ายก็ซื้อนาฬิกามูลค่ากว่า 50,000 ริงกิต (ราว 3.8 แสนบาท) มาแทน พร้อมนำเรื่องราวมาบอกเล่าให้ผู้ติดตามฟัง
ด้านโซเชียลเมื่อได้รับฟังเรื่องราวดังกล่าว ต่างก็เห็นพ้องกันว่าพนักงานขายนั้นไม่ควรตัดสินลูกค้าจากภายนอกเพียงเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแบรนด์หรูที่ไม่ควรประเมินอำนาจการซื้อของลูกค้า โดยดูจากรูปลักษณ์ของลูกค้าเท่านั้น
ขอบคุณข้อมูลจาก Sinchew