x close

สายสัมพันธ์ระหว่างเรา คือสันติภาพ

 

 

          คุณเคยรู้สึกแปลกแยกกับคนในสังคมบ้างไหม คุณเคยสังเกตพบว่าตนเองรู้สึกแปลกแยก จนบางครั้งรู้สึกไม่คุ้นเคย แม้แต่กับคนในครอบครัวหรือเพื่อนร่วมงานบ้างไหม ทุกวันนี้ ผู้คนติดอยู่ในสายพานความเร่งรีบและภาระงานที่มากจนไม่มีเวลาที่จะใส่ใจกับผู้คนและสิ่งแวดล้อม ทำให้เราขยับออกห่างจากความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันไป


          ความรู้สึกเชื่อมโยงกันได้นี้มีความสำคัญต่อการสร้างเสริมสันติภาพเป็นอย่างยิ่ง ชารีฟ อับดุลเลาะห์ ได้เขียนถึงแนวทางสร้างความเชื่อมโยงระหว่างเรากับเพื่อนร่วมสังคมไว้ในหนังสือ "สร้างโลกที่เหมาะกับคนทุกคน"* ไว้อย่างน่าสนใจ ชารีฟไม่เพียงเห็นความสำคัญของการเชื่อมโยงตัวเรากับผู้คนรอบตัวเท่านั้น เขายังให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงตัวเราเข้ากับสังคมโดยกว้าง โดยมองว่าการต่อตัวเองให้ติดกับผู้อื่นนั้น เป็นเครื่องมือสำคัญและในขณะเดียกันก็เป็นความรับผิดชอบของเราต่อการสร้างสันติภาพให้กับโลกใบนี้อีกด้วย มุมมองและวิธีการของชารีฟนั้นอาจฟังดูง่ายๆ พื้นๆ แต่ก็ท้าทายไม่น้อยที่จะทำให้เกิดขึ้นจริง


การเชื่อมโยงตนเองกับสังคมเพื่อสร้างสันติ 


          1. สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตคือการที่เราสามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้ด้วยหัวใจที่ปราศจากความกลัว การทำเช่นนี้ เป็นการฝึกที่จะไม่ปล่อยให้ความกลัวที่เรามีปิดกั้นการสื่อสาร ซึ่งการสื่อสารนี้รวมถึงการสื่อสารทางกายและทางสายตาด้วย บางครั้งกับคนที่เราไม่รู้จัก เราก็สามารถสื่อสารเพื่อให้เขาได้รู้ว่าเราเป็นมิตรไม่มีพิษภัย และการที่จะมาทำลายเราก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น 

          2. ตระหนักเสมอว่าเราเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยผ่อนคลายบรรยากาศที่ตึงเครียด อย่างน้อยด้วยการไม่เครียดไปตามสถานการณ์หรือด้วยการยิ้ม บางสถานการณ์การยิ้มอาจไม่เหมาะสม อย่างน้อยเราก็อาจมีท่าทีและแววตาที่ผ่อนคลายนั่นก็ช่วยได้แล้ว แน่นอนว่าเราทุกคนล้วนเคยประสบกับสถานการณ์ที่ไม่น่าพอใจหรือทำให้เจ็บปวดได้ด้วยกันทั้งนั้น แต่ก็อย่าลืมว่าเราก็สามารถเลือกได้ว่าจะเป็นทุกข์กับมันหรือไม่ 

          3. เกื้อกูลให้ผู้คนที่อยู่รอบข้างรู้สึกสบายใจที่จะแสดงออกทั้งด้านความคิด ความกลัว และอารมณ์ความรู้สึกได้อย่างเต็มที่ เมื่อคนคนหนึ่งเกิดความเครียดและความกลัวขึ้นมา ย่อมมีโอกาสที่เขาจะทำร้ายผู้อื่นได้ ไม่ว่าจะด้วยทางกาย วาจาหรือใจ และที่สำคัญความโกรธและความกลัวก็เป็นความของร้อนด้วยตัวมันเองเช่นกัน หากเรามีโอกาสที่จะรับฟังเพื่อเป็นช่องทางให้เขาได้ระบายอารมณ์ความรู้สึกอย่างสร้างสรรค์ ก็จะช่วยผ่อนคลายความทุกข์จากเขาได้ โดยมิต้องทำอะไรมากไปกว่านั้น 

          4. ไม่ขัดจังหวะ ปฏิเสธ หรือละเลย ผู้ที่กำลังพูดอยู่ ให้เรียนรู้ที่จะฟัง และเรียนรู้ที่จะน้อมรับความเงียบ เราไม่อาจได้ยินสิ่งที่ผู้อื่นพูด หากเรามัววุ่นวายอยู่กับการเตรียมว่าเราจะพูดอะไรต่อจากเขา และเราจะไม่มีทางได้เข้าใจหรือรู้จักผู้อื่นได้เลยหากเราไม่รู้จักที่จะฟัง 

          5. อย่าลืมว่าในสถานการณ์ที่ไม่น่าพอใจมีสองสิ่งที่จะช่วยกู้สถานการณ์ได้ นั่นก็คือ สัญชาตญาณและอารมณ์ขัน สัญชาตญาณในที่นี้หมายถึงความสามารถที่จะเข้าใจเหตุการณ์ต่างๆ โดยไม่ต้องอาศัยคำอธิบาย เช่น เราเข้าใจได้ว่าคนที่กระโตกกระตากโวยวายนั้นอย่างน้อยเขาก็ได้ระบายความรู้สึกอึดอัดออกไปเสียบ้าง หรือว่าปัญหาที่สั่งสมมายาวนานของใครคนหนึ่ง ไม่อาจแก้ได้ด้วยคำแนะนำเพียงไม่กี่นาทีจากเรา เช่นเดียวกับสถานการณ์ที่กำลังจะมึนตึง ไหวพริบในการใช้อารมณ์ขันอย่างเหมาะสมช่วยกู้สถานการณ์มานักต่อนักแล้ว 

          6. ไม่มีใครปรารถนาที่ให้ใครมา "กู้ชีพ" โดยอาศัยความเชื่อของผู้อื่น เราไม่มีหน้าที่ที่จะไปเปลี่ยนความเชื่อของใครให้ต้องมาเชื่อตามเรา แต่เรามีหน้าที่ที่จะช่วยให้คนคนนั้น ได้ค้นพบศักยภาพและความเข้มแข็งภายในตนเองที่เขาจะสามารถนำมาใช้ได้ในยามที่ชีวิตต้องเผชิญกับวิกฤต 

          7. อย่าคาดหวังกับตนเองมากเกินไป และไม่คาดหวังว่าความช่วยเหลือของเราจะให้ผลเลิศ ปล่อยวางความคิดที่ว่าวิธีการของเรานั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะนำไปปฏิบัติตาม 

          8. มองคนที่อยู่หน้าคุณด้วยความรู้สึกที่ว่า เขาก็เหมือนกับคุณ... มีความต้องการเหมือนกัน รักสุขเกลียดทุกข์เหมือนกัน มีความเหงา ความกลัว และมีความลับเหมือนกัน ฯลฯ หากคุณได้ลองนำไปปฏิบัติ คุณจะพบว่าหัวใจของคุณจะเปิดกว้างขึ้นสำหรับคนคนนั้น และความรักจะเกิดขึ้นระหว่างคุณกับเขา 

          9. เมื่ออยู่ในวงสนทนาหรือที่ประชุมคุณไม่ต้องพยายามที่แสดงความฉลาดมากเกินไป ไม่ต้องพยายามที่จะเค้นหาคำพูดที่ลุ่มลึกมาพูด คุณไม่ต้องพยายามที่จะทำหรือพูดในสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงให้อะไรดีขึ้น เพียงแต่คุณอยู่ ณ ที่นั้น ด้วยความตั้งใจอย่างเต็มเปี่ยมนั่นก็เพียงพอแล้ว 

          10. ระลึกอยู่เสมอว่า คนที่ปรากฎอยู่ตรงหน้า มีส่วนที่ดีอยู่เสมอ การมองผู้อื่นแต่ส่วนดีจะช่วยให้คุณไม่พยายามจะเข้าไปวุ่นวายกับเขามากเกินจำเป็น ปฏิบัติกับเขาประหนึ่งว่าเขาเป็นมนุษย์ผู้ที่มีความสามารถเช่นกัน


          เรามักพูดกันติดปากว่า "สันติภาพเริ่มที่เรา" แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่า เรามิได้อยู่โดดๆ ดัง ชาวอัฟริกันใช้คำว่า "อูบุนตุ" (ubuntu) อันมีความหมายว่า "การมีอยู่ของเธอ ทำให้ฉันมีความหมาย" สันติภาพจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยอาศัยสายสัมพันธ์เชื่อมโยงที่เรามีอยู่ระหว่างกัน อย่าลืมดูแลสายสัมพันธ์ของเราในวันนี้ หากเราเชื่อว่าสันติภาพเริ่มจากตัวเรา


ขอบคุณข้อมูลจาก : ศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล  
 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สายสัมพันธ์ระหว่างเรา คือสันติภาพ อัปเดตล่าสุด 3 มิถุนายน 2551 เวลา 16:19:30 4,597 อ่าน
TOP