เขาพระวิหารบาน เอ็นจีโอเขมร ซัดไทยฮุบดินแดน

สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต

          สภาเฝ้าระวังกัมพูชาออกแถลงการณ์ซัดไทยมีเจตนารุกล้ำดินแดน จวกรัฐบาลตัวเองตกหลุมพรางเรียกร้องให้ใช้แผนที่สมัยฝรั่งเศส-สยามขึ้นทะเบียนมรดกโลก ด้านทางการเขมรสั่งเพิ่มกำลังคุ้มกันสถานทูตไทยในกรุงพนมเปญ หลังมือมืดส่งเอสเอ็มเอสปลุกเขมรออกมาประท้วงปมปราสาทพระวิหาร 

          เมื่อวานนี้ (26 มิ.ย.) สภาเฝ้าระวังกัมพูชาระหว่างประเทศ ( Cambodia Watchdog Council International) ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนของกัมพูชา ได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า กัมพูชากำลังเสียบูรณภาพเหนือปราสาทพระวิหาร โดยอ้างถึงแถลงการณ์ร่วมเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2008 ระหว่างนายสก อัน  รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา  นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีต่างประเทศของไทย และ นาง Francoise Riviere รองผู้อำนวยการกิจการวัฒนธรรมองค์การยูเนสโก รวมถึงแผนที่ใหม่ที่ส่งไปให้ยูเนสโกว่า ทำให้กัมพูชาสูญเสียดินแดนด้านทิศตะวันตกและทิศเหนือของตัวปราสาท หรือพื้นที่หมายเลข 3   และดูเหมือนว่า รัฐบาลกัมพูชากำลังตกหลุมพรางของไทย โดยเสนอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเฉพาะตัวปราสาท และบริเวณโดยรอบตัวปราสาทห่างออกมาเพียง 30 เมตรเท่านั้น โดยไม่ได้ผนวกพื้นที่ในส่วนของหมายเลข 3 เข้าไปด้วย

          แถลงการณ์ยังบอกด้วยว่า ยูเนสโกไม่สามารถปฏิเสธคำตัดสินของศาลโลกว่าเกี่ยวกับปราสาทพระวิหาร รวมถึงสนธิสัญญาฝรั่งเศส-สยามปี 1904 และ 1907 ที่กำหนดชัดเจนว่าปราสาทพระวิหารเป็นของไทย รวมถึงพรมแดนทางบกและทางน้ำระหว่างสองประเทศ หากไม่ผนวกดินแดนดังกล่าวเข้าไปก็เท่ากับกัมพูชาจะสูญเสียดินแดนให้ไทยอย่างแน่นอน

          ''ประเทศไทยไม่เคยกล้ารุกล้ำบูรณภาพดินแดนมาเลเซียและพม่า เพราะรัฐบาลทั้งสองประเทศนั้นมีความตั้งใจที่จะปกป้องบูรณภาพดินแดนของตนอย่างสูง จะมีก็แต่กัมพูชาเท่านั้นที่ไทยมักจะล่วงละเมิดต่อบูรณภาพดินแดนอยู่เนืองๆ และกรณีปราสาทเขาพระวิหาร ไทยไม่เคยกล้าเรียกร้องอย่างเป็นทางการบนเวทีโลกเลย แต่เขามีความฝังใจในอันที่จะหาเรื่องกัมพูชาอยู่ตลอดมา นั่นแสดงให้เห็นว่าไทยมีเจตนารุกรานบูรณภาพดินแดนกัมพูชา และปิดกั้นลมหายใจทางเศรษฐกิจของกัมพูชาที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวโดยเฉพาะที่ปราสาทเขาพระวิหาร'' แถลงการณ์ระบุ 

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนังสือพิมพ์ กัมพูชาไม่น้อยกว่า 6 ฉบับ นำเสนอข่าวเกี่ยวกับปราสาทพระวิหาร โดยเฉพาะประเด็นการปิดด่าน ซึ่งมีการระบุว่าเป็นเพราะการเดินขบวนประท้วงของชาวไทยนับหมื่นคน รวมทั้งพระสงฆ์เพื่อประท้วงรัฐบาลไทยที่ให้การสนับสนุนการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก การปิดประตูทางเข้าก็เพื่อไม่ให้กลุ่มผู้ประท้วงเข้ามายังบริเวณที่เป็นสมบัติล้ำค่าของกัมพูชา ทั้งยังมีการตั้งข้อสังเกตจากรองผู้ว่าราชการจังหวัดพระวิหารว่าการประท้วงอาจมาจากการยุยงทางการเมือง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ชาวกัมพูชาที่อยู่ตามชายแดนได้รับผลกระทบอย่างมาก

          อย่างไรก็ตาม  ทางการกัมพูชาได้ส่งเจ้าหน้าที่มารักษาความปลอดภัยสถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงพนมเปญเพิ่มขึ้น แม้จะยังไม่เกิดเหตุการณ์ใดๆ ขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ได้มีมือมืดส่งเอสเอ็มเอสไปยังโทรศัพท์เคลื่อนที่ โทรทัศน์ท้องถิ่น รวมถึงอินเตอร์เน็ตในกัมพูชาชักชวนชาวกัมพูชาออกมาชุมนุมประท้วงหน้าสถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุมพนมเปญ ในวันที่ 26 มิถุนายน จากกรณีที่พรรคการเมือง นักวิชาการ และบางกลุ่มในไทย ออกมาคัดค้านรัฐบาลไทยที่ได้สนับสนุนกัมพูชาในการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก

          ขณะเดียวกัน นายวีรพันธุ์ วัชราทิตย์ เอกอัครราช ทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ กล่าวว่า ได้มีการชี้แจงและประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงการดำเนินการของฝ่ายไทย เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะเป็นเดือนก.ค. เป็นช่วงเลือกตั้งของกัมพูชา และประเด็นนี้ก็อาจถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นทางการเมือง เท่าที่ทราบมาฝ่ายค้านกัมพูชาหยิบยกเรื่องนี้มาพูดเหมือนกัน

          ทั้งนี้ นายธฤต จรุงวัฒน์  โฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์ว่า กระทรวงการต่างประเทศได้จัดทำสมุดปกขาว ''กรณีการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก''  เพื่อให้ความรู้แก่สาธารณชนเกี่ยวกับการดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของไทยในกรณีที่กัมพูชาขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ทั้งนี้ สามารถดาวน์โหลดได้ที่ http://www.mfa.go.th/ ตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายนเป็นต้นไป


ข้อมูลจาก