x close

สัมภาษณ์ คริสเตียน เบล จาก The dark knight





  เคยมีซักวินาทีมั้ยที่คุณสงสัยว่าตัวเองจะได้มาใส่หน้ากากและปีกค้างคาวอีกครั้ง?

          คริสเตียน เบล : ไม่เคยคิดเลย ผมไม่รู้หรอกว่าคนอื่นคิดบ้างมั้ย  น่าจะไปถามคริสดูว่าเค้าเคยสงสัยบ้างมั้ย แต่ผมไม่

  รู้สึกมั้ยว่าคุณเกิดมาเพื่อเล่นบทนี้? 

          คริสเตียน เบล : มันก็อาจจะเกินไปถ้าบอกว่าเกิดมาเพื่อเล่นบทนี้ แต่ผมก็มีความสนใจอย่างจริงจังกับบทแบทแมนในแบบที่คริส โนแลน ต้องการให้เป็น  และผมก็คิดว่าหนังเรื่องที่สองนี้ล้ำหน้ากว่าภาคแรกมาก  มันยืนหยัดเป็นหนังที่ยอดเยี่ยมแบบไม่จำกัดประเภท

  ในครั้งที่สองนี้ ชุดที่ใส่หนักขึ้นกว่าเดิมมั้ย หรือว่าใส่สบายขึ้น?

          คริสเตียน เบล : มันสบายกว่าเดิมมาก มันหนักขึ้นแต่มันก็ใส่สบายกว่าเดิม  มีชิ้นส่วนประมาณ 110 ชิ้นในชุดนี้ แต่ในชุดดั้งเดิมมีแค่ 3 ส่วน  ผมสามารถขยับศีรษะได้ มันเคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้น

          ชุดนี้ออกแบบมาเหมาะมากกับบทที่ต้องใช้การต่อสู้แบบ Keysi Fighting Method ในขณะที่ชุดแบบแรกนั้นค่อนข้างลำบากที่จะใส่เล่นบทต่อสู้ตามคิว  มันปรับปรุงได้ดีขึ้นมากในทุกๆ ด้าน และผมก็คิดว่ามันจะได้ภาพลักษณ์ที่ดีกับกองทัพถ้ามีทหารและเครื่องแบบอย่างนี้ในอนาคต

  อย่างนั้น ฉากในหนังที่ ลูเซียส ฟ็อกซ์ ให้ชุดที่ปรับปรุงใหม่แก่แบทแมนก็เลียนแบบมาจากชีวิตจริงน่ะซิ?  

          คริสเตียน เบล : ใช่เลย มันแน่นอนว่าชุดจะต้องมีการพัฒนา แต่จริงๆ มันก็เป็นคำขอส่วนตัวของผมด้วย ผมรู้ว่าคริสก็ต้องยืนกรานอย่างนั้น  เราจะขยับศีรษะกันได้ซะที ในหนังทุกเรื่องที่ผ่านมา แบทแมนไม่เคยหันหน้าได้เลย

  มันมีความสัมพันธ์กันระหว่างบทของแบทแมนกับโจ๊กเกอร์  คุณแก้โจทย์ในการตีบทของตัวละครที่ดูเหมือนจะมีสองบุคลิกภาพอย่างไร? 

          คริสเตียน เบล : แน่นอนเลย มันต้องเปลี่ยนแปลงมาก  โจ๊กเกอร์จะรู้สึกสนุกที่ได้มาปะทะกับแบทแมน เพราะคู่แข่งคนอื่นๆ ของเค้ากระจอกมาก  เค้าเป็นอัจฉริยะโรคจิตที่ตั้งใจสร้างความวุ่นวายและการทำลายล้าง และถ้าเป็นการทำลายตัวเองด้วยละก็ ใช่เลย  มันยากมากที่จะงัดข้อกับเค้าเพราะเค้าไม่ได้มาค้นหาอะไรนอกจากการอยู่กับปัจจุบันและการอยู่ในสังคมที่สับสนอลหม่านไร้กฎหมาย

          โจ๊กเกอร์ไม่มีความประนีประนอมเช่นเดียวกับแบทแมน แต่แบทแมนมีกฎข้อนึงคือ จะไม่ฆ่าใคร แต่เค้าก็รู้สึกขัดแย้งในตัวเองว่าจะทำตัวรุนแรงได้มากแค่ไหน เค้าต้องต่อต้านกับ “การทำดี” เพื่อประโยชน์ส่วนรวม และสืบทอดหน้าที่การดูแลเพื่อนมนุษย์ของครอบครัว  แต่แน่นอนที่สุด โจ๊กเกอร์ที่เข้าถึงจิตใจเค้าได้มากกว่าใครก็พยายามยั่วยวนให้เค้าฉีกกฎของตัวเอง

  คุณเห็นพัฒนาการของตัวละครโจ๊กเกอร์ในช่วงการฝึกซ้อมบ้างมั้ย หรือมันมาเริ่มขึ้นในช่วงการถ่ายทำเลย? 

          คริสเตียน เบล : อืม ผมคิดว่ากอธแธมในแบบฉบับของคริส โนแลน เราไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นการล้อเลียน เราไม่ได้ต้องการให้นักแสดงออกมาจ๊ะเอ๋หรือยักคิ้วหลิ่วตากับคนดู และแสดงเหมือนกับว่า “ดูซิ มันดีจริงๆ ชั้นสนุกจริงๆ ที่ได้เล่นเป็นตัวละครที่เก่งเกินชีวิตจริง”  เราอยากให้บทของตัวละครทุกตัวเป็น ดราม่าและจริงจัง 

          ซึ่ง ฮีธ ก็ทำได้ยอดเยี่ยมมาก เค้าทุ่มสุดตัว เมื่อเค้าเป็นโจ๊กเกอร์ ก็เป็นโจ๊กเกอร์อย่างแท้จริง เค้ามุ่งมั่นกับมันมาก และแสดงบทนั้นในแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน

          เค้ามีแบบฉบับของพวกสร้างความวุ่นวาย พังค์ แบบหนังเรื่อง A Clockwork Orange ซึ่งฮีธทำได้อย่างสุดยอด และถ้าคริสจะทำหนังภาคสาม เค้าก็ต้องท้าทายตัวเองมากในการหาวายร้ายที่จะมารับบทต่อจากโจ๊กเกอร์ของฮีธ 

  ในหนัง ราเชลพูดอะไรบางอย่างถึงผลกระทบของ "บรูซ เวนย์ ต้องการแบทแมน" คุณคิดว่ามันเป็นเรื่องมั้ย? บรูซ เวนย์ จะมีความสุขมั้ยถ้ากอธแธมมีแต่ความสงบสุข และเค้าสามารถทิ้งเครื่องแบบไปได้? 

          คริสเตียน เบล : ผมคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่บรูซใฝ่ฝันเลยล่ะ เค้าอยากให้แบทแมนตกยุคไป นั่นเป็นสาเหตุให้เค้ามอง ฮาร์วีย์ เดนท์ เป็นเหมือนไฟแห่งความหวัง  ในสังคมที่ดีและมีอารยะธรรม มันไม่จำเป็นจะต้องมีแบทแมน

          ถ้าเจ้าหน้าที่บ้านเมืองมีความซื่อสัตย์ สามารถลบล้างคอรัปชั่น และแก้ปัญหาอาชญกรรมได้ อย่างนั้นแบทแมนก็คงไม่จำเป็นและเค้าก็จะสามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติตามแบบของบรูซ เวนย์ ที่ค่อนข้างอ้างว้างและเงียบเหงา เค้าต้องยอมทนกับเงื่อนไขยิ่งใหญ่นี้

          ยิ่งเค้าเป็นแบทแมนมากเท่าไหร่ เค้าก็ต้องสูญเสียชีวิตส่วนตัวมากเท่านั้น แต่ผมเข้าใจประเด็นที่ราเชลพูด เพราะผมคิดว่าบรูซก็ติดใจกับมันเหมือนกัน  ในขณะที่ความมุ่งหวังคือการละทิ้งแบทแมน ผมคิดว่าเค้าก็เริ่มติดใจกับการเป็นแบทแมน

          ทุกๆ อย่างมันมีสองด้าน และผมก็ชอบที่คริสทำ คือมันมีสามด้านสำหรับบรูซ เวนย์  แต่กลับตัวละครอื่นๆ อย่างเช่น อัลเฟรด มันก็มีสองด้าน

          อัลเฟรดเป็นพ่อบ้านของบรูซ คอยรับใช้ แต่เค้าก็เป็นเหมือนตัวแทนของพ่อและคอยตักเตือนบรูซ แน่นอนมันมีสองด้าน และที่เห็นชัดๆ ก็คือ ฮาร์วีย์ เดนท์ สองหน้า  

  ผู้คนในกอธแธมดูเหมือนจะหวาดหวั่นและคอยระแวดระวังกันตลอดเวลา คุณคิดว่ามันสะท้อนถึงสถานการณ์จริงในโลกหรือไม่?

          คริสเตียน เบล : ใช่ แต่ผมคิดว่ามันมีเจตนาที่น่าสงสัยด้วย แน่นอนมันมีการโต้เถียงกันถึงซึ่งที่บรูซทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมกับสิ่งที่เค้าพยายามทำ แต่มันก็มีการโต้เถียงกันว่านี่เป็นความเห็นแก่ตัวของเค้าที่พยายามลบล้างความเจ็บปวดและความโกรธผ่านไปทางแบทแมน 

          ผมคิดว่าหนังดีๆ ทั่วไปก็มักจะมีความเกี่ยวข้องกับหลายๆ เหตุการณ์ที่เป็นไปในโลกจริง ผมก็คิดอย่างนั้นนะ แต่ผมไม่ชอบที่ผู้สร้างหนังจะมาบอกกันโต้งๆ มันน่าจะเป็นแบบให้คนดูได้คิดเองมากกว่า 

  ในหนังค่อนข้างให้ความสำคัญกับการต่อต้านการละเมิดสิทธิสาธารณะชน  คุณทำยังไงกับมันบ้าง?

          คริสเตียน เบล : คริสก็เป็นคนนึงที่ถามคำถามนี้ แต่ผมคิดว่ามันเป็นแนวทางที่ดีและรวดเร็วที่สุดในการแก้ปัญหา จนทำให้แบทแมนเกิดลังเลกับกฎของเค้า อะไรจะเป็นหนทางที่เร็วที่สุดในการจัดการกับโจ๊กเกอร์และก็ไม่ทำให้ใครตาย นั่นก็คือการฆ่าโจ๊กเกอร์ซะ ยังไงเค้าก็ต้องลดตัวลงไปทำอย่างนั้น 

          แต่ก็มีคำถามทางหลักจริยธรรมว่าเค้าก็ไม่ได้ช่วยชีวิตคนอื่นแล้วซิ ถ้าเค้าฉีกกฎของตัวเอง แล้วอย่างนี้จะเรียกว่าเค้าเห็นแก่ตัวรึเปล่า? เห็นได้ชัดเช่นเดียวกันว่ามันต้องมีการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล แต่เค้าจะช่วยชีวิตคนอื่นได้เหรอ ถ้าไม่ละเมิดสิทธินั้น? คำถามเหล่านี้เป็นปัญหาพื้นฐานของสังคมอเมริกาทุกวันนี้

          ผมไม่รู้สึกว่านี่เป็นการแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะชนซะทีเดียว เพราะบรูซ เวนย์ ยังคงเฝ้าดูอัลเฟรดและลูเซียสที่เป็นเหมือนตัวแทนของพ่อ และผู้ให้คำแนะนำแก่เค้า เห็นชัดๆ คือที่ลูเซียสพูดกับเค้าว่า "คุณดึงดันกับเรื่องนี้มากเกินไปแล้ว"

  ในการแสดงครั้งนี้มันง่ายขึ้นมั้ยทั้งทางร่ายการและจิตใจ เพราะคุณรู้ดีแล้วว่าจะต้องรับบทเป็นอย่างไร?

          คริสเตียน เบล : ผมคิดว่าเรื่องนี้มันต้องใช้จิตวิทยามากกว่าเรื่องแรก แน่นอนว่าเราไม่ต้องการเดินย่ำบนน้ำ และเช่นกันกับภาพยนตร์ ตัวละครก็มีการพัฒนาขึ้น เหมือนกับแฟชั่นเสื้อผ้าในเรื่อง 

          ทางด้านร่างกายก็ไม่ได้ต้องการอะไรมาก เพราะผมไม่ได้เริ่มต้นจากความอ่อนแออย่างในภาคก่อน และประสบการณ์จากบทแอ็กชั่นที่ผ่านมาก็ช่วยได้มาก ผมเล่นคิวบู๊ได้เองทั้งหมด แล้วก็ทำมันได้ดีขึ้นเพราะชุดแบทแมนตัวใหม่ มันช่วยได้มากเลยในการแสดงบทบู๊







ซี หนีคมแฝก มาซิ่งมันส์หยด บู๊มันส์กระจาย ใน "The Dark Knight แบทแมน อัศวินรัตติกาล TV Special" 

         
ระเบิดความมันส์กับการกลับมาอีกครั้งของวีรบุรุษใต้หน้ากาก คอยปราบอาชญากร ยามค่ำคืนแห่งเมืองกอธแธม กับ หนุ่มซี-ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์ กับภาพยนตร์ "The dark Knight แบทแมน อัศวินรัตติกาล" ผลงานการกำกับของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ซึ่งเคยฝากผลงานการกำกับมาแล้ว อย่าง Batman Begins ,The Prestige 

          "The Dark Knight" ยังคงคับคั่งไปด้วยนักแสดงคุณภาพไม่ว่าจะเป็น คริสเตียน เบล รับบทเป็น แบทแมน ซุปเปอร์ฮีโร่ที่แฝงกายในยามรัตติกาล, ฮีธ เลดเจอร์  รับบทเป็น โจ๊กเกอร์ วายร้ายตัวฉกาจ และ อารอน เอ็กคาร์ท ที่รับบทเป็นอัยการเขต ฮาร์วีย์ เดนท์ อัยการสุดหล่อประจำเมืองกอธแธม

          นอกจากนายซี จะนำตัวอย่างมันส์ๆ มาให้ชมกันแล้วยังนำภาพเบื้องหลังการถ่ายทำและบทสัมภาษณ์นักแสดงนำมาให้ดูกันอีกด้วย เตรียมระเบิดความมันส์ พร้อมบู๊กระจายไปกับหนุ่มซีได้ในรายการ "The Dark Knight แบทแมน อัศวินรัตติกาล ทีวีสเปเชียล" วันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคมนี้ เวลา 11.15 น. ทางช่อง 7



ข้อมูลและภาพประกอบจาก

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สัมภาษณ์ คริสเตียน เบล จาก The dark knight อัปเดตล่าสุด 18 กรกฎาคม 2551 เวลา 14:02:31 11,320 อ่าน
TOP