"ขวัญชัย ไพรพนา-อุทัย แสนแก้ว" โผล่เข้าพบตำรวจแสดงความบริสุทธิ์ ลั่นฟ้องกลับ พ.ต.ท.ทัสนาบดี ที่กล่าวหาเป็นซ่องโจร กร้าวพันธมิตรฯมาจะโผล่ไล่อีก ผู้ว่า- ผู้การอุดรฯ ยันดำเนินคดีสองแกนนำ
วันที่ 28 กรกฎาคม เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมฉัตรไพฑูรย์ กองบังคับการตำรวจภูธร จังหวัดอุดรธานี นายสุพจน์ เลาวัณย์ศิริ ผวจ.อุดรธานี พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์ ผบก.ภ.จว.อุดรธานี ร่วมแถลงข่าว กรณีเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างกลุ่มพันธมิตรและกลุ่มคนรักอุดร ที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 13 คน
นายสุพจน์ กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทางจังหวัดถือเป็นเรื่องสำคัญ ที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมายเฉียบขาด โดยผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดอุดรธานี ได้ตั้งคณะทำงานชุดสืบสวนสอบสวนขึ้น เพื่อเร่งรัดรวบรวมพยานหลักฐาน จนปรากฎชัดว่า มีผู้กระทำความผิดเป็นแกนนำ 2 คน ส่วนคนอื่นกำลังดำเนินการสอบสวน โดยดูจากเทปวีดีโอจากทุกส่วน ที่มีการบันทึกภาพไว้ และจะนำตัวมาดำเนินคดีตามกฏหมายอย่างเด็ดขาด
นายสุพจน์ กล่าวว่า ในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัดและตราบใดที่เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดอยู่ จะดำเนินการทุกอย่างให้เป็นไปตามตัวบทกฎหมายของบ้านเมืองอย่างเคร่งครัด และการออกข่าวว่าจังหวัดห้ามคนที่ไม่ใช่ชาวอุดร เดินทางมาชุมนุมที่จังหวัดอุดรธานี ก็ไม่เป็นความจริง เพราะทุกคนสามารถเดินทางมาได้ และทุกคนสามารถชุมนุมเพื่อเรียกร้องหรือแสดงความคิดเห็นใดๆ ก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใด แต่ต้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่กระทำผิดกฎหมาย ถ้ามีการกระทำผิดกฎหมาย จังหวัดจะต้องดำเนินการตามกฎหมายโดยเฉียบขาด
พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นจะมีการดำเนินคดี 2 แกนนำ คือ นายขวัญชัย สาระคำ และนายอุทัย แสนแก้ว ขณะนี้ตนได้ตั้งกรรมการสืบสวนสอบสวนขึ้นมา 3 ชุด เพื่อให้ดำเนินการทางคดีอย่างรวดเร็ว โดย 2 ชุดแรกเป็นชุดสืบสวนสอบสวนของตำรวจภูธรจังหวัด มีรองผู้บังคับการเป็นหัวหน้าชุด ส่วนอีกชุดเป็นตำรวจภูธรภาค 4 โดยจะแยกในส่วนของคนเจ็บออกเป็น 4 ส่วน ส่วนแรกฝ่ายพันธมิตร ส่วนสองฝ่ายคนรักอุดร ส่วนที่ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ และส่วนที่ 4 ประชาชนที่รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ เพื่อสวนสวนหาตัวผู้กระทำผิด รวมทั้งจากภาพวีดีโอ และภาพนิ่งที่มีการบันทึกภาพไว้ ทั้งจากสื่อมวลชน เจ้าหน้าที่ และผู้ที่สามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ได้
ต่อมาเวลา 10.35 น. หลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าว นายขวัญชัย ไพรพนา หรือขวัญชัย สาระคำ และนายอุทัย แสนแก้ว เดินทางมา กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี พร้อมทนายความ โดยมีประชาชนจากชมรมคนรักอุดร กว่า 150 คน มาร่วมให้กำลังใจมอบดอกไม้ ก่อนจะขึ้นไปรายงานตัวต่อ พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์
นายขวัญชัย กล่าวว่า ตนและ นายอุทัย เดินทางมาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และจะฟ้องกลับ พ.ต.ท.ทัศนาบดี ตระกูลพิทักษ์ชน ที่มาแจ้งความกล่าวหาว่าเป็นซ่องโจร เพราะก่อตั้งชมรมคนรักอุดร มาถึง 3 ปีเพื่อต่อต้านกลุ่มพันธมิตร และได้ขับไล่กลุ่มพันธมิตรที่เข้ามาเปิดเวทีในจังหวัดอุดรธานี มาตลอด และยังยืนยันว่า หากกลุ่มพันธมิตรมีการตั้งเวทีปราศรัยอีก ก็จะออกมาขับไล่อีก
พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อนายขวัญชัยและนายอุทัยมาแสดงตัววันนี้ เบื้องต้นเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนสอบปากคำ เพื่อดำเนินการในการแจ้งข้อกล่าวหา ดำเนินการตามกฏหมายต่อไป
ด้าน นายธีระชัย แสนแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า เหตุปะทะระหว่างกลุ่มคนรักอุดร ที่มี นายขวัญชัย ไพรพนา เป็นแกนนำ กับ พันธมิตรอุดร สัปดาห์ที่ผ่านมา ปัญหาทั้งหมดขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจกับกระบวนการยุติธรรมของศาลว่า จะเอาผิดอะไรกับใครอย่างไร ส่วนที่สื่อบางฉบับอ้างว่า มีนายอุทัย แสนแก้ว น้องชายของตนเข้ามีส่วนเกี่ยวข้อง ก็ขอให้ขึ้นอยู่กับกระบวนการของกฎหมาย สำหรับนายขวัญชัย ที่มีตำแหน่งในเลขาธิการรัฐมนตรี จะมีการสั่งปลดหรือไม่ในเรื่องนี้คงต้องขึ้นอยู่กับนายกฯ ว่าจะมีความเห็นอย่างไร โดยส่วนตัวเห็นว่าในกรณีของ นายขวัญชัย ได้เคลื่อนไหวในนามกลุ่มคนรักอุดร ไม่น่าเกี่ยวข้องกับตำแหน่งแต่อย่างใด
นายเจริญ หมู่ขจรพันธุ์ แกนนำเครือข่ายพันธมิตรฯ กล่าวว่า ตามที่มีกระแสข่าวออกมาว่ามีผู้สูญหาย 3 คน จากเหตุที่นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร และนักจัดรายการวิทยุชุมชน คลื่นคนรักอุดร เอฟเอ็ม 97.5 เมกกะเฮิร์ต นำมวลชนเข้ามาทำร้ายประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตร อุดรฯ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ขณะนี้ไม่มีใครมาร้องเรียน ซึ่งข่าวที่ออกมาไม่รู้มาจากไหน แต่เท่าที่ตรวจสอบพันธมิตรอุดรที่เข้าร่วมชุมนุม ไม่มีผู้ใดสูญหาย ขณะนี้ตนตรวจสอบว่าเป็นใคร แต่เบื้องต้นยืนยันว่าไม่ใช่ประชาชน จ.อุดรธานี
พล.ต.ต.กวี สุภานันท์ รอง ผบช.ภ. 4 กล่าวว่า ขณะนี้ พล.ต.ท.วุฒิ วิทิตานนท์ ผบช.ภ.4 เดินทางไป จ.อุดรธานี ในบ่ายวันนี้ (28 กรกฎาคม) เพื่อกำกับดูแลคดีที่พันธมิตรฯ ถูกกลุ่มชมรมคนรักอุดรทำร้าย ด้วยตัวเอง ซึ่งเรื่องนี้ใครผิดว่าตามผิด ซึ่งเจ้าหน้าที่จะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย เพราะมีผู้บาดเจ็บกันทั้งคู่ ดังนั้นทางคดีจะใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนของ สภ.เมืองอุดรธานี โดยกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 จะเป็นผู้กำกับดูแลอย่างใกล้ชิด
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ปะทะกันเกิดขึ้น จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ทางตำรวจภูธรภาค 4 ไม่ได้นิ่งนอนใจ เร่งสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานจากกล้องวีดีโอและภาพนิ่ง ที่สื่อมวลชนหลายแขนงสามารถบันทึกภาพในวันเกิดเหตุเอาไว้ได้ ดังนั้นคดีนี้จะต้องเร่งดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดโดยเร็วที่สุด เพราะถือเป็นคดีที่ประชาชนทั่วประเทศให้ความสนใจ อีกทั้งยังเป็นคดีที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจ เนื่องจากมีการร้องเรียนไปยังยูเอ็น
ข้อมูลและภาพประกอบจาก
