เนื่องใน "วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม" สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้จัดงาน "วันแม่แห่งชาติ ปี 2551" ซึ่งในปีนี้ สมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานคำขวัญวันแม่แห่งชาติ 2551 ว่า "เมื่อเกิดมาอาศัยถิ่นแผ่นดินไหน ควรมีใจกตัญญูรู้คุณถิ่น หากคนไทยรู้ตอบแทนคุณแผ่นดิน จักไม่มีวันสิ้นแผ่นดินไทย" และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จแทนพระองค์ทรงเปิดงาน และประทานรางวัลแก่แม่ดีเด่น ณ อาคารใหม่ สวนอัมพร
สำหรับผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นแม่ดีเด่นมีทั้งหมด 210 ราย อาทิ กษมน กิตติอำพน, ทิพาภรณ์ โชควัฒนา, ศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ รามสูต,ภัทรา ศิลาอ่อน,ลี พึ่งบุญพระ,อัญชลี เทพหัสดิน ณ อยุธยา,คุณหญิงเอื้อปราณี เจียรวนนท์,สุชาดี มณีวงศ์,สุจิตรา ปาลีวงศ์,พิมพลักษณ์ บุญลือ,บุศรา เทพชาตรี เป็นต้น
สุจิตรา ปาลีวงศ์ ผู้ก่อตั้งศูนย์วัฒนธรรมไทยแห่งรัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับคัดเลือกเป็นแม่ดีเด่น ประเภทผู้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม ซึ่งได้เดินทางจากสหรัฐฯ มาเข้ารับประทานรางวัลในครั้งนี้ด้วยตนเอง กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับคัดเลือกครั้งนี้ การทำงานเพื่อสังคมก็เริ่มมาจากที่เราเป็นคนไทยอยู่ท่ามกลางวัฒนธรรมต่างชาติ จึงอยากปลูกฝังให้ลูกหลานไทยรักและภูมิใจในความเป็นไทย โดยเริ่มจากลูกๆ ก่อน อย่างชื่อก็ตั้งแบบไทยว่า สยามวลี และโสมสยาม และได้อบรมลูกๆ ให้รู้จักเคารพผู้ใหญ่ มีความอ่อนน้อม ช่วยเหลือสังคมและรักหมู่คณะ จากการดูแลลูกๆ นี้จึงเกิดแรงบันดาลใจให้ก่อตั้งศูนย์วัฒนธรรมไทยฯ ขึ้นด้วย
บุศรา เทพชาตรี เป็นอีกหนึ่งคุณแม่ดีเด่น ประเภทผู้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม โดยได้ติดตามสามี (นพ.นคเรศ เทพชาตรี-ลูกชายเจ้าของผลิตภัณฑ์เครื่องหนังจาค็อป) ไปใช้ชีวิตที่นครชิคาโก ประเทศสหรัฐฯ นอกจากเลี้ยงดูลูกให้มีคุณภาพ ทั้งด้านการศึกษาและความประพฤติที่ดีแล้ว ยังอุทิศเวลาทำงานด้านสังคมในปัจจุบัน เป็นรองประธานโครงการไทย-อิลลินอยส์ สนับสนุนการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยต่อชุมชนไทยในสหรัฐฯ และต่อชาวอเมริกันด้วย
สำหรับแม่ดีเด่นผู้ทำประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ พิมพลักษณ์ บุญลือ แม่ของ หมวดตี้-ร.ต.ต.กฤตติกุล บุญลือ นายตำรวจตระเวนชายแดนที่ปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จนเสียชีวิต กล่าวว่า ความดีของลูกทำให้ตนได้รับการคัดเลือก ต้องขอบคุณลูกที่ทำให้แม่มีวันนี้ รู้สึกภูมิใจมาก และยิ่งได้ยินพระราชดำรัสของ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ที่ผ่านมาแล้ว รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมี "หมวดตี้" ในพระทัย ถึงแม้ลูกจะจากไป แต่ความดีของลูกยังคงอยู่เพื่อเป็นแบบอย่าง เป็นการสูญเสียที่ไม่สูญเปล่า เพราะสิ่งที่ลูกทำเป็นคุณประโยชน์ต่อแผ่นดิน
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการคัดเลือกลูกที่มี ความกตัญญูกตเวทีอย่างสูงต่อแม่ เพื่อเข้ารับประทานโล่ อีก 100 ราย ซึ่ง พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี เป็นหนึ่งในผู้รับคัดเลือก กล่าวว่า รางวัลนี้ผู้ที่ควรได้รับคือแม่ เพราะมีวันนี้ได้เพราะโยมแม่พาไปวัดตั้งแต่เด็กจนได้รับแรงบันดาลใจให้บวชตั้งแต่อายุ 13 ปี อยากฝากข้อคิดไปถึงลูกๆ ทุกคนว่า ลูกคืออนุสาวรีย์ของพ่อแม่ ลูกเป็นคนดี อนุสาวรีย์ก็จะงดงาม
แต่ถ้าลูกเลวทรามอนุสาวรีย์ก็จะอัปลักษณ์ แล้วลูกๆ อยากเป็นอนุสาวรีย์ที่งดงามหรือ เลวทรามของพ่อแม่ สำหรับคนที่เป็นแม่ก็อยากฝากว่า การเลี้ยงลูกเป็นสิ่งสำคัญมากกว่างานสร้างพระของศิลปิน เพราะมือศิลปินสร้างพระแล้ว พระจะประดิษฐานอยู่กับที่ ไม่ได้เคลื่อนไหว แต่แม่สร้างลูกที่ดี 1 คน จะก่อให้เกิดคนดีอีกนับแสนนับล้านคน งานเลี้ยงลูกคืองานสร้างโลก โลกจะมีชะตากรรมอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับมันสมองและ 2 มือ ของแม่ว่ามีศักยภาพและเป็นมืออาชีพมากเพียงใด!!
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
