แฟชั่น "ลูกอมน้ำหอม" จากญี่ปุ่นระบาดถึงไทย หลังมีกลุ่มวัยรุ่นหญิงสาวนิยมซื้อลูกอมที่อ้างว่า กินแล้วกลิ่นตัวหอม และยังมีส่วนผสมคอลลาเจนทำให้ผิวพรรณผุดผ่อง ประกาศขายผ่านทางเว็บไซต์ประเภทอาหารเพื่อสุขภาพ เลขาธิการ อย.เตือนพ่อค้าหากไม่ขึ้นทะเบียนถือว่าผิดกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้พบว่าวัยรุ่นสาวกลุ่มหนึ่งกำลังนิยมแฟชั่นใหม่ล่าสุดจากประเทศญี่ปุ่นคือ ลูกอมน้ำหอม ซึ่งมีผู้นำเข้ามาจากญี่ปุ่นแล้วประกาศขายผ่านทางร้านค้าออนไลน์ในเว็บไซต์ประเภทสินค้าอาหารสุขภาพ โดยลงรูปภาพและข้อความโฆษณาสินค้าว่า เมื่อกินลูกอมน้ำหอมเข้าไปแล้วจะมีกลิ่นตัวหอมเป็นเวลานาน เป็นน้ำหอมในรูปแบบของลูกอม ซึ่งได้รับความสนใจของหญิงสาวญี่ปุ่นจำนวนมาก นอกจากจะมีกลิ่นตัวหอมแล้ว ยังมีส่วนผสมของวิตามินซีและคอลลาเจนทำให้ผิวพรรณสดใสอีกด้วย
"ลูกอมกลิ่นตัวหอมเป็นที่ชื่นชอบของสาวญี่ปุ่นในเวลานี้ รสชาติอร่อย คุณผู้หญิงพกติดกระเป๋าไว้ก็ดีนะ" คำโฆษณาสินค้าในเว็บไซต์แห่งหนึ่ง และระบุว่ามี 2 รส 2 กลิ่นให้เลือกคือ กลิ่นกุหลาบและกลิ่นมะนาว ราคาซองละ 120 บาท สินค้ามีจำนวนจำกัด พร้อมกับลงชื่อและเบอร์โทรศัพท์
ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามผู้ขายลูกอมน้ำหอมรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ตนเป็นพ่อค้านำเข้าสินค้าใหม่ๆ จากประเทศญี่ปุ่น เช่น โทรศัพท์มือถือ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และของเล่น เป็นต้น ส่วนลูกอมน้ำหอมเป็นยี่ห้อชื่อดังที่ผลิตเครื่องสำอาง เห็นว่าขายดีมากๆ ในญี่ปุ่น ตนจึงทดลองสั่งซื้อเข้ามาขาย แต่ยังไม่เป็นที่แพร่หลายมากนัก เพราะมีคนรู้จักน้อยและมีราคาค่อนข้างสูง
เขากล่าวว่า มีผู้ขายลูกอมน้ำหอมผ่านทางเว็บไซต์หลายแห่ง ราคาก็จะแตกต่างกัน ตนมั่นใจว่าส่วนผสมของลูกอมน้ำหอมไม่มีสารที่จะมีอันตรายต่อสุขภาพ เพราะที่ญี่ปุ่นก็มีการผลิตและวางจำหน่ายตามร้านค้าประเภทนี้อย่างถูกกฎหมาย นอกจากลูกอมน้ำหอมแล้ว ยังมีหมากฝรั่งที่เคี้ยวแล้วกลิ่นตัวหอม ซึ่งเคยถูกนำมาออกอากาศเผยแพร่ทางโทรทัศน์รายการหนึ่งมาแล้ว
"หนึ่งซองมี 12 เม็ด รสชาติอร่อย กลิ่นตัวหอมแม้แต่คนที่เดินตามหลังก็ยังได้กลิ่น เหมือนอมน้ำหอมยังไงยังงั้นเลย" พ่อค้านำเข้าสินค้าแปลกเผย
ด้าน นพ.ชาตรี บานชื่น เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)ให้สัมภาษณ์ถึงการประกาศขายสินค้าอาหารสุขภาพในเว็บไซต์ว่า ต้องขึ้นทะเบียนกับทาง อย.ก่อนจึงจะสามารถประกาศขายได้ หากไม่ปฏิบัติถือว่าผิดกฎหมาย ทั้งนี้ในปัจจุบันมีเว็บไซต์ที่โฆษณาสินค้าเกินจริงจำนวนมากเพื่อหลวงลวงผู้บริโภค จึงมีการประสานไปยังกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ช่วยตรวจสอบผู้เผยแพร่และสถานที่ผลิตหรือจำหน่ายสินค้าเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต ไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
