x close

เริ่มต้นที่คำถาม ... แล้วคำตอบจะปรากฏ

          



          เพราะไม่รู้จักตั้งคำถามให้กับชีวิต เราจึงต้องตกเป็นทาสทางความคิดฝ่ายลบของตนเอง และผู้อื่นอยู่ร่ำไป ตกเป็นทาสการถูกครอบงำ ทางจิตวิญญาณที่ซ่อนอยู่ในตัวเรา ทำให้จิตเดิมแท้ที่ควรจะไดรู้แจ้งเห็นจริงในชีวิตเลือนหายไป

          การใช้ชีวิตของคนเรานั้น ย่อมมีวิถีทางแห่งการสร้างสุข และแสวงหาคำตอบให้กับตัวเองไม่เหมือนกัน ทุกคำตอบที่เกิดขึ้นในใจ ล้วนมีที่มาในความเข้าใจของแต่ละคน จะมีการกะเกณฑ์ความรู้สึกนึกคิดของแต่ละคน ให้อยู่ในกรอบเดียวกันย่อมเป็นไปได้ยาก ถึงจะบังคับได้ ก็คงเพียงแค่ควบคุมทางกายเท่านั้น แต่ความรู้สึกในใจก็ยังถวิลหาสิ่งที่เป็นความฝันของตัวเองอยู่ดี

          แต่เมื่อเราพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้คนในโลกใบนี้ กลับเห็นว่าไม่ว่ากี่ยุคสมัยผ่านมา ทุกคำตอบที่เราเดินตามกันมาหลายชั่วอายุคน กลับปรากฏว่า ไม่มีคำตอบใดที่ทำให้หายสงสัยในเรื่องการเกิดสักที

          ยิ่งแสวงหาคำตอบให้ชีวิตก็ยิ่งว้าวุ่น และสับสนเข้าไปทุกขณะ เสมือนว่าคำตอบที่ได้รับมานั้นเป็นคำโกหกจากรุ่นสู่รุ่นไม่รู้จบ จึงทำให้เราวนเวียนอยู่ในวังวนของความทุกข์ และปัญหาอยู่ร่ำไป ทำให้ชีวิตที่เป็นอยู่นี้เหมือนกับว่ามีความสุข แต่เป็นความสุขที่ห่อหุ้มด้วยความหลอกลวงตัวเองไปวันๆ เพราะเมื่อเราหันกลับไปมองอดีตที่เป็นคำถามในชีวิต และคำตอบที่ปรากฏในปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าเป็นคำตอบเดิมๆ ที่เหมือนกับว่าเราถูกกรอกข้อมูลไว้ว่า

          "ชีวิตต้องเป็นอย่างนี้เท่านั้น จึงชื่อว่าประสบความสำเร็จและมีความสุข"

          เกิดมาต้องมีหน้าตาดี และเป็นลูกคนรวย ต้องเรียนหนังสือในสถาบันที่มีชื่อเสียง ต้องมีงานทำที่ดี และมีรายได้สูง ต้องมีคู่ครองที่คู่ควรแก่เกียรติยศของตัวเอง ต้องมีรถ มีบ้าน และสมบัติพัสถานที่เชิดหน้าชูตา ต้องมีลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจให้ครอบครัวสมบูรณ์แบบ ต้องมีเกียรติยศชื่อเสียง และอำนาจในการดูแลชีวิตของตน และคนรอบข้างให้มีความสุข และปลอดภัย ฯลฯ

          คำตอบเหล่านี้เหมือนกับว่า ทุกคนที่เกิดมาต้องเดินบนถนนเส้นนี้เท่านั้น ถ้าเดินเส้นทางอื่นถือว่าไม่ใช่ความสำเร็จที่ชาวโลกวาดหวังไว้

          แต่ผู้เขียนกลับมีความเห็นว่า ทั้งๆ ที่เราพยายามเดินตามเส้นทางที่มีมาแต่ครั้งบรรพกาล แต่ความสุขของคนเราก็มิได้เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมแต่อย่างใด คำตอบที่เราเข้าใจว่าเป็น "ความสุข" และ "ความสำเร็จ" ในชีวิตนั้น กลับต้องลงทุนลงแรงในการแสวงหาเพิ่มมากขึ้น

          สิ่งที่ตามมาก็คือ ถูกความเห็นแก่ตัวเข้ามาครอบงำตัวตนเสียจนหมดสิ้น ทำให้ชีวิตพลาดจากเส้นทางเดิมแท้ อันเป็นความงดงามอย่างน่าเสียดาย พลาดจากความเป็นชีวิตเดิมแท้ที่บริสุทธิ์ พลาดจากความสุขที่ไม่ต้องลงทุนด้วยการเห็นแก่ตัว พลาดจากความสำเร็จอันนำมาซึ่งความดีงาม และมิตรภาพที่พึงมีต่อผู้คนรอบข้าง พลาดจากความดับทุกข์ในใจที่ควรจะประสบในชีวิตนี้ เพราะไม่รู้จักตั้งคำถามให้กับชีวิต เราจึงต้องตกเป็นทาสทางความคิดฝ่ายลบของตนเอง และผู้อื่นอยู่ร่ำไป ตกเป็นทาสการถูกครอบงำทางจิตวิญญาณที่ซ่อนอยู่ในตัวเรา ทำให้จิตเดิมแท้ที่ควรจะได้รู้แจ้งเห็นจริงในชีวิตเลือนหายไป

         "ชีวิตที่ดีงามเริ่มต้นที่คำถามที่แท้จริง" จึงเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาด้วยตัวของเราเอง เพราะหากมีคำถามที่ชัดเจนในตัวเอง ชัดเจนทั้งทางความคิดและการกระทำ ทางออกที่มีอยู่ซึ่งอาจไม่เหมือนใคร แต่เป็นทางออกของความสุขที่แท้จริง ย่อมมีโอกาสเปิดเผยความจริงอีกด้านหนึ่งให้ปรากฏได้ เป็นความจริงที่ไม่อิงความสุขและความสำเร็จจากสิ่งอื่นใด

          ในความรู้สึกส่วนตัวเกี่ยวกับคำถามเรื่องชีวิต ผู้เขียนประทับใจในคำถามของ "พระพุทธเจ้า" ผู้เป็นจอมตรัยแห่งพระพุทธศาสนา เพราะหากเราศึกษาชีวิตของพระองค์ จะเห็นได้ว่าถ้าเปรียบเทียบความร่ำรวยในด้านทรัพย์สมบัติ และเกียรติอำนาจ พระองค์ไม่ได้ด้อยกว่าใครอื่นในโลก แต่พระองค์ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่คนอย่างเราจะประสบได้ในชีวิตนี้

          แต่น่าแปลกใจก็คือพระองค์กลับมองว่า ชีวิตที่เกิดมาท่ามกลางความเกิด แก่ เจ็บ และตายเหล่านี้ เป็นสิ่งที่นำมาซึ่งความทุกข์ ทำให้คนเราจมอยู่กับวังวนแห่งความทรมานมิรู้จบ ถึงจะแสวงหาทางออกให้หลุดพ้นตามวิธีของชาวโลกอย่างไร ก็ยังชื่อว่าเป็นไปเพื่อการเวียนวนอยู่ในวิถีเดิมอยู่ดี

          ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงตั้ง "คำถามใหม่" ให้กับชีวิตของพระองค์เอง เป็นคำถามที่ต้องการออกจากกรอบเดิมๆ ที่เคยมี เพื่อการหลุดพ้นจากความเกิด แก่ เจ็บ ตายอย่างที่ผ่านมา และจากวังวนของความทุกข์ที่น่ากลัวเหล่านั้น สุดท้ายพระองค์จึงตัดสินพระทัยก้าวออกจากความเป็นพระราชาแห่งสมมุติแบบชาวโลก เพื่อค้นหาความจริงและความหลุดพ้นให้กับตัวเอง จนสามารถค้นพบคำตอบของชีวิตที่ปรารถนา และได้คำตอบที่เป็น "ความสุขอันยั่งยืน" กระทั่งได้รับการขนานนามว่า "พระพุทธเจ้า" ในเวลาต่อมา

          บางคนอาจจะปฏิเสธในใจว่า "ฉันทำอย่างพระพุทธเจ้าไม่ได้หรอก" แต่หากปรารถนาความสุขที่ไม่ต้องอาศัยทรัพย์และเกียรติยศชื่อเสียงมาเติมเต็มให้ชีวิตนี้ เราก็ต้องรู้จักปฏิวัติชีวิตของตัวเองให้ได้ ต้องรู้จักแสวงหาจุดยืนที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับจิตใจ ถึงแม้ว่าจะยากลำบากสักเพียงใดหรือมิอาจเทียบเท่าพระองค์ก็ตาม แต่อย่างน้อยได้มีโอกาสเรียนรู้ตามรอยบาทของพระองค์บ้างก็ยังดี เพราะถ้าเรายอมจมอยู่กับวิถีชีวิตแบบเดิมๆ โดยมีความทุกข์คอยตบหน้าให้น้ำตาริน หรือหมองเศร้า เพราะสิ่งที่เราปรารถนาไม่รู้จบอยู่นั้น ก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ของเรา

          แต่ถ้ามีทางเลือก และมีโอกาสแสวงหาความสุขที่ดีกว่าให้ตัวเอง ทำไมเราไม่ยอมที่จะ "ตั้งคำถามใหม่ให้กับชีวิตของตัวเองล่ะ" แม้ในเบื้องต้นอาจจะยากลำบากในการหาคำตอบ หรือความเป็นบวกของความสุขให้เจอได้ แต่ครั้นเรารู้จักเรียนรู้ที่จะตอบคำถามที่ตั้งขึ้นมาใหม่ด้วยวิธีการใหม่ๆ ที่นำมาซึ่งความสุขอันแท้จริงได้แล้ว ชีวิตที่ดำรงอยู่คงไม่ต้องหวังพึ่งวัตถุภายนอกมากจนเกินไป

          เพราะความสุขที่แท้จริงมีอยู่ในตัวเราทุกคน เว้นเสียแต่ว่าจะเปิดใจยอมรับที่จะค้นหา และตอบคำถามใหม่ที่ซ่อนอยู่ในใจเราหรือไม่เท่านั้นเอง เริ่มต้นที่การมีคำถามให้กับชีวิต แล้วคำตอบที่ค้างคาใจจะค่อยปรากฏชัดได้ในสักวัน


ขอขอบคุณข้อมูลจาก


จากหนังสือ ทำใจเสียบ้าง แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น
แต่งโดย: ชุติปัญโญ

ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เริ่มต้นที่คำถาม ... แล้วคำตอบจะปรากฏ อัปเดตล่าสุด 3 กันยายน 2551 เวลา 16:00:00 32,281 อ่าน
TOP