แพทย์ไทยคนแรก ได้รับเสนอชื่อเป็น ผอ. อนามัยโลก สมัย2
นายเเพทย์สำลี เปลี่ยนบางช้าง นายแพทย์ไทยคนแรกที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นสมัยที่ 2
นายเเพทย์สำลี เปลี่ยนบางช้าง นายแพทย์ไทยคนแรกที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นสมัยที่ 2 โดยมีระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งอีก 5 ปี นายแพทย์สำลี เป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการอนามัยโลกประจำภูมิภาค ซึ่งมีประเทศสมาชิกทั้งหมด 11 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การเสนอชื่อท่านให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวเป็นสมัยที่ 2 ในครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาองค์กรขององค์การอนามัยโลก
นายแพทย์สำลี เปลี่ยนบางช้าง ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นสมัยที่ 2
กรุงนิวเดลฮี วันที่ 9 กันยายน 2551 จากการประชุมคณะกรรมการภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขององค์การอนามัยโลก สมัยที่ 61 ในวันที่ 9 กันยายน 2551 ณ สำนักงานองค์การอนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กรุงนิวเดลฮี สาธารณรัฐอินเดีย ได้มีการลงคะแนนเสียงของประเทศภาคีสมาชิกองค์การอนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งหมด 11ประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ ราชอาณาจักรภูฏาน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐมัลดีฟส์ สหภาพพม่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต และประเทศไทย เพื่อเสนอชื่อผู้ที่เหมาะสมเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในช่วงปี พ.ศ. 2551 ถึง 2557 ซึ่งปรากฏผลว่า นายแพทย์สำลี เปลี่ยนบางช้าง ได้รับการลงคะแนนอย่างเป็นเอกฉันท์จากผู้แทนของทั้ง 11 ประเทศ ทั้งนี้ การแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวโดยคณะกรรมการบริหารองค์การอนามัยโลก (WHO Executive Board) จะมีขึ้นในเดือนมกราคม 2552
เมื่อปี พ.ศ.2545รัฐบาลไทยได้เคยเสนอชื่อนายแพทย์สำลี เปลี่ยนบางช้าง เข้ารับการเลือกตั้งเป็นผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งนายแพทย์สำลีฯ ได้รับการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว โดยมีวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2547-วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2552 และจากการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2550 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้การสนับสนุนการลงสมัครรับเลือกตั้งของ นายแพทย์สำลี ฯ เป็นผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นสมัยที่ 2 ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยมีความเห็นว่า นายแพทย์สำลีฯ เป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ และมีประสบการณ์สูงในการปฏิบัติงานในองค์การอนามัยโลก อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้คนไทยได้ดำรงตำแหน่งระดับผู้บริหารขององค์การระหว่างประเทศที่มีบทบาทสำคัญด้าน
สาธารณสุขในระดับโลก ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อประเทศไทย และยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของไทยในเวทีสากลอีกด้วย
ในอดีต นายแพทย์สำลีฯ เคยรับราชการกับกระทรวงสาธารณสุข ในระหว่างช่วงปี พ.ศ. 2508 ถึง 2527 โดยดํารงตําแหน่งต่าง ๆ ในกรมอนามัย กรมการแพทย์และอนามัย และกรมการแพทย์ ตามลำดับตําแหน่งสุดท้ายก่อนไปปฏิบัติงานกับองค์การอนามัยโลก คือ ผู้อํานวยการสํานักงานคณะกรรมการที่ปรึกษาแห่งชาติเรื่องการป้องกันและควบคุมโรค นายแพทย์สำลีฯ ได้ปฏิบัติงานกับองค์การอนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในช่วงปี พ.ศ. 2527 ถึง 2543 โดยดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการภูมิภาค และผู้อำนวยการการบริหารแผนงาน จากนั้นเคยเป็นคณบดีวิทยาลัยการสาธารณสุขแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
หลังจากได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการภูมิภาคเมื่อปี พ.ศ.2547 นายแพทย์สำลีฯ ได้ทุ่มเทริเริ่มงานที่สำคัญ ๆ ด้วยความมุ่งมั่น โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมและกระชับความร่วมมือในการพัฒนาการสาธารณสุขของประเทศสมาชิก 11 ประเทศในภูมิภาค โดยเน้นการดำเนินการตามพันธะกิจขององค์การอนามัยโลกด้วยความรับผิดชอบและโปร่งใส นโยบายที่สำคัญขององค์การอนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้การอำนวยการของนายแพทย์สำลีฯ คือ
1) พัฒนาระบบสาธารณสุข โดยเฉพาะการพัฒนาบุคลากรสาธารณสุข โดยเน้นในเรื่องการศึกษาและการฝึกอบรม
2)ระดมทรัพยากรภายนอกเพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน ให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด
3) กระจายอำนาจการดำเนินงานให้กับผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศสมาชิก และเสริมสร้างความสามารถขององค์การอนามัยโลกในการสนับสนุนประเทศมาชิกอย่างใกล้ชิดและมีประสิทธิภาพ และ
4)สนับสนุนความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการดำเนินงานด้านสาธารณสุขในพื้นที่ชายแดน
นโยบายที่สำคัญใน 5 ปีข้างหน้า นอกเหนือจากการดำเนินงานต่อเนื่องจาก 5 ปีที่ผ่านมา จะเน้นการประชาสัมพันธ์และสนับสนุนประเทศสมาชิก ในการดำเนินงานโดยใช้แนวความคิดทางสาธารณสุขมูลฐานเพื่อนำไปสู่เป้าหมายสุขภาพดีถ้วนหน้าเพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดี อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน และเป็นเป้าหมายทางสังคมของทุกประเทศ สนับสนุนการพัฒนาระบบสาธารณสุขซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในงานส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันและควบคุมโรค สนับสนุนให้ประเทศต่าง ๆ มีการเตรียมทรัพยากรทั้งทางด้านบุคลากรและงบประมาณเพื่อการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก