"ผมเป็นคนไม่เจ้าชู้ เวลามีใครมีคนเดียว เวลาไม่มีใครเราเลือกได้ มันไม่ผิดอยู่แล้ว"
ป๊อก-ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์ หนุ่มน้อยวัย 21 ปี เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปมากขึ้น หลังจากตกเป็นข่าวกับนางเอกสาว ขวัญ-อุษามณี ไวทยานนท์ และในฐานะทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูลจิราธิวัฒน์ ที่จะมาสืบทอดธุรกิจห้างสรรพสินค้าดังอย่างเซ็นทรัล แถมยังเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของอดีตนางงามที่สวยที่สุดในโลก อาภัสรา หงสกุล และสุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ ทำให้เขาเป็นที่สนใจ และมีคนอยากรู้จักตัวตนของเขา
ในตอนนี้ถึงแม้เขาอายุยังน้อย แต่ก็มีความตั้งใจที่จะสืบทอดธุรกิจของครอบครัวที่ทำมาตั้งแต่บรรพบุรุษ พยายามขวนขวายหาความรู้ และหาประสบการณ์ต่างๆ ในหลากหลายสาขา เพื่อค้นหาตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง
"ผมเรียนที่เมืองไทยถึงอายุสิบสี่ พออายุสิบห้าก็ไปเรียนที่เมืองนอก ทั้งพ่อและแม่ก็อยากให้ไปด้วย เขาจะถามว่าอยากไปไหม ส่วนใหญ่ท่านก็ให้ผมคิดเอง แต่อยู่ในกรอบ ไม่ใช่คิดเองทุกอย่าง ตัวเขาก็รับรู้ด้วย ไม่ใช่ทำอะไรเองหมดทุกอย่างโดยที่เขาไม่รับรู้อะไรเลย มีอะไรก็ต้องผ่านเขาก่อน อย่างสมมติเรื่องการเรียน จะเรียนอะไร เขาก็ให้เราเลือก แต่ก็ต้องถามเขาก่อนว่าอันนี้ดีมั้ย เหมือนเราคิดแต่ต้องไปปรึกษาเขาอีกที"
การจากพ่อแม่ไปใช้ชีวิตอยู่คนเดียวในต่างแดน ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม ทำให้เขาเรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างในชีวิต ต้องช่วยเหลือตัวเองทุกอย่าง ต้องซักผ้าเอง ทำอาหารเอง ล้างห้องน้ำ ซักผ้าปูที่นอน ฯลฯ แต่ก็สามารถฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ไปได้จนสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจาก Lawrence Academy ประเทศสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันกำลังศึกษาระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 3 ด้าน Economic ที่ Northeastern University, Boston ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยความที่มีความสนใจที่หลากหลาย ป๊อกจึงมักใช้เวลาระหว่างกลับมาเยี่ยมบ้านช่วงปิดภาคเรียนหาประสบการณ์
"ปกติซัมเมอร์ก็ฝึกงาน สองซัมเมอร์ที่แล้วทำหนังสือพิมพ์ เขียนข่าว เขียนคอลัมน์ใน Guru ของหนังสือพิมพ์ Bangkok Post และนิตยสาร Elle Decoration ปีที่แล้วทำแบงก์กรุงเทพ เข้าร่วมโครงการธนาคารคู่บ้านคู่เมือง ปีนี้ทำโรงแรม ตรวจการก่อสร้าง อย่างเช่น หินหน้าลิฟต์มีรอยแตก ซ่อมเสร็จเมื่อไร ตรวจว่าเขาทำเสร็จเมื่อไร เหมือนตรวจงาน ตรวจความเรียบร้อยการก่อสร้าง ผมไม่รู้ว่าผมอยากทำอะไรตอนเรียนจบ ผมก็เลยพยายามทำอะไรไม่เหมือนกัน ทำอะไรมาทุกอย่างก็ชอบหมด มันก็แตกต่างกันไป"
นอกจากนี้ในยามว่าง ป๊อกมักเล่นดนตรี เช่น กีตาร์ กลอง เปียโน รวมทั้งออกกำลังกายด้วยการไปเรียนชกมวยที่สวนลุมพินี สัปดาห์ละสามสี่วัน วันละไม่น้อยกว่าสองชั่วโมง เขาโปรดปรานการแข่งรถ และความเร็วมาก บางครั้งจึงใช้เวลาว่างไปร่วมชมการแข่งรถด้วย ด้วยความที่ชอบความเร็ว ครั้งหนึ่งเขาเคยประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ แต่โชคดีที่ไม่เป็นอะไร
"ผมเคยขับรถชนครับ รถชนตอนวันแม่ เมื่อสามสี่ปีมาแล้ว กำลังจะไปหาแม่ มอเตอร์ไซค์ตัดหน้า ผมเลยหักหลบ เละทั้งคันเลย แต่ไม่เป็นไร โชคดีมาก"
ส่วนสไตล์การแต่งตัวนั้นป๊อกชอบแต่งตัวแนวฮิพฮอพสไตล์อเมริกัน จากการไปเรียนที่นั่น และซึมซับวัฒนธรรมมา โดยเลือกมิกซ์แอนด์แมทช์การแต่งกายให้ออกมาเป็นเอกลักษณ์ที่บ่งบอกความเป็นตัวเองอย่างเต็มเปี่ยม
"ผมชอบแต่งตัวแนวฮิพฮอพครับ เหมือนสภาพแวดล้อมมันค่อยๆ เปลี่ยนตัวเรา ตอนนั้นยังเด็กๆ ด้วย มันไม่รู้ว่าทำไมแต่ง แต่ก็ชอบครับ"
ด้วยความที่เป็นนักเรียนนอก ทำให้เขาค่อนข้างมีระเบียบวินัยในตัวเอง สามารถจัดการกับชีวิตในแต่ละวันได้อย่างลงตัว บริหารเวลาในแต่ละวันได้อย่างคุ้มค่า วางแผนว่าแต่ละวันเขาต้องทำอะไรบ้าง
"ผมจะคิดล่วงหน้าหนึ่งวัน สมมติก่อนนอน หรือตอนเย็นๆ ผมก็จะคิดแล้วว่า จะตื่นนอนกี่โมง นอนกี่โมง พรุ่งนี้จะต้องทำอะไรบ้าง บ่ายโมงทำอะไร เส้นทางการขับรถก็จะคิดเลยว่า มาเส้นทางไหนรถไม่ติด เพื่อประหยัดเวลา"
ในเรื่องความรักนั้น ป๊อกบอกว่า ยังไม่ได้คิดอะไรไว้เลย ยังคิดไม่ออก มันเป็นเรื่องของอนาคตที่ต้องใช้เวลาในการตัดสินใจ ส่วนสเปกผู้หญิงก็ไม่มี เพราะเขาคิดว่าผู้หญิงมีความหลากหลาย ไม่อยากมานั่งจำกัดว่า ต้องเป็นคนอย่างนี้ มันต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง ไม่ใช่เป็นแค่ที่เรากำหนด มันเยอะ มันซับซ้อน ส่วนตัวแล้วเขามองผู้หญิงทั้งด้านนิสัย และรูปลักษณ์ภายนอก แต่เรื่องการสร้างครอบครัวในอนาคตนั้นต้องดูกันอีกที
"เรื่องอนาคตครอบครัวมันไกลมาก ผมเป็นคนไม่เจ้าชู้ เวลามีใครมีคนเดียว เวลาไม่มีใครเราเลือกได้ มันไม่ผิดอยู่แล้ว"
ในวัย 21 ปีนี้ ความตั้งใจของป๊อกคือ ตั้งใจเรียนให้จบ หลังจากเรียนจบก็จะทดลองทำงานหาประสบการณ์ให้มากที่สุดสักระยะหนึ่ง หรืออาจจะไปเรียนต่อปริญญาโททางด้าน Business หรือทางด้านเศรษฐศาสตร์ เพราะเป็นสาขาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจทางบ้านมากที่สุด หลังจากนั้นก็มาสานต่อกิจการของครอบครัว เพื่อแบ่งเบาภาระของคุณพ่อ เขาได้รับการปลูกฝังเรื่องการทำงานมาตั้งแต่เด็ก ทั้งจากคุณพ่อที่สอนว่า กว่าที่ครอบครัวจะมาถึงวันนี้ต้องอาศัยความพยายามมาก และทั้งแบบอย่างในการขยันทำงานที่เขาเห็นจนชินตามาตั้งแต่เด็ก
"ตอนนี้ผมยังไม่รู้ว่าผมชอบอะไร ก็ฝึกไปเรื่อยๆ เพื่อให้เราโตขึ้นแล้วรู้ว่าอยากทำอะไรจริงๆ กันแน่ เพราะตอนนี้มันโล่งไปหมด ตอนเด็กๆ ก็อยากทำโรงแรม เพราะอยู่โรงแรมมาทั้งชีวิต เหมือนคลุกคลีอยู่กับโรงแรม อยู่บ้านที่โรงแรม ทุกวันเราก็เรียนรู้อะไรแต่ละอย่างมากขึ้น ก็เหมือนผูกพันกับโรงแรม"
ล่าสุดป๊อกยังเป็น Fair Ambassador ให้กับงาน Central International Watch Fair 2008 ถือได้ว่าเป็นหนุ่มที่มีความมุ่งมั่น ถึงแม้ว่าจะยังเลือกทางเดินไม่ได้ว่าตัวเองชอบอะไร แต่ก็เลือกที่จะทำทุกอย่าง เพราะป๊อกคิดอยู่เสมอว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตนั้น เกิดขึ้นเพื่อจะมีสิ่งที่ดีกว่า
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
