x close

สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตกระเป๋ารถเมล์...สู่ รมว.คลัง

สุชาติ ธาดาธำรงเวช



          ใครจะคาดคิดมาก่อนว่าลูกคนจน อย่าง "ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช" จะสามารถยกระดับตัวเองจากวัยเด็กที่เล่าเรียนหนังสือโดยไม่มีรองเท้า... อดีตกระเป๋ารถเมล์ แต่วันนี้เขาคือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถมมีโบนัสหัวหน้าพรรคเพื่อไทย

ขุนคลัง "สุชาติ" ประเดิม "ดูแลคนจน"

          "ผมเป็นลูกคนโตจากครอบครัวที่ยากจน พ่อเป็นช่างซ่อมรองเท้า เคยช่วยแม่ที่ไม่รู้หนังสือพายเรือขายก๋วยเตี๋ยว เคยเป็นกระเป๋ารถเมล์ในช่วงเรียนถึงชั้นมัธยม ผมยังไม่เคยใส่รองเท้าเลย แต่ผมหัวดีใฝ่เรียน ขอทุนเรียนหนังสือจนเรียบจบปริญญาเอก" ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช กล่าว

          ประวัติข้างต้น หลายคนไม่คาดคิดแน่นอนว่า "คุณสมบัติ" ของ ดร.สุชาติดังกล่าว จะสามารถก้าวมาสู่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้... แต่สิ่งที่สามารถตอบคำถามระดับหนึ่งได้ น่าจะมาจากการใฝ่รู้ และดิ้นรนเล่าเรียนถึงชั้นสูงสุดที่ถือเป็น "โอกาส" สำคัญของคนยากจนทั่วไปที่จะยึดเป็นแบบอย่างได้

          วันนี้เขาได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และมีตำแหน่งสูงสุดทางการเมืองคือ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย

          "เราต้องช่วยกันดูแลคนจนซึ่งผมเข้าใจเรื่องนี้ดี เพราะมาจากครอบครัวคนจน"

          เบื้องหลังให้กับพรรคความหวังใหม่ และพรรคไทยรักไทยมาตั้งแต่ยุคก่อตั้ง ในการเป็นทีมที่ปรึกษาทางด้านเศรษฐกิจของอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จนได้รับความไว้วางใจในที่สุด

          จากครอบครัวที่มีฐานะยากจน จึงไม่น่าแปลกใจที่เป้าหมายการทำงานของเขาคือ การเข้าไปช่วยเหลือคนยากจน ซึ่งถือเป็นคนกลุ่มใหญ่ของประเทศ หรือมากกว่า 40 ล้านคน ทำให้ไทยยังถูกจัดกลุ่มเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา ดังนั้นการกระตุ้นให้จีดีพีขยายตัวเป็นเรื่องสำคัญ ขณะที่ผู้ประกอบการรายใหญ่เปรียบเสมือนลูกคนโตจะต้องเข้าไปช่วยดูแลลูกคนเล็ก และทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงด้วย

          ดังนั้น แนวทางการทำงานของเขาจึงเน้นกระตุ้นจีดีพีของประเทศ จะทำให้กลุ่มคนยากจนได้รับประประโยชน์ เพราะจีดีพี คือ ทรัพยากรจะต้องเอามาใช้ให้เกิดประโยชน์ ถ้าไม่เอามาใช้ก็ถือว่าเราขาดโอกาสในการใช้ประโยชน์ของทรัพยากร คนตายแล้วใช้เงินไม่ได้ เหมือนกับเอาหินจากภูเขามาสร้างถนน ถ้าสร้างวันนี้ก็จะได้ถนนที่ยาวขึ้น ถ้าไม่สร้างก็ไม่มีถนนใช้

          "เราต้องช่วยกันดูแลคนจน ซึ่งผมเข้าใจเรื่องนี้ดี เพราะมาจากครอบครัวคนจน ไม่กังวลที่จะทำงาน และจะขอเดินหน้าแก้ปัญหาความยากจน เพราะสังคมไทยเป็นประเทศยากจน ต้องดูแลเกษตรกร ทำให้ชุมชนมีรายได้ ราคาสินค้าต้องดี ดังนั้นจึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญเป็นของสภาพคล่อง และอัตราแลกเปลี่ยนที่เหมาะสม"

          เขามั่นใจว่า จะสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้ แม้จะมีความยากลำบากท่ามกลางวิกฤติปัญหาสถาบันการเงินในสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะขยายผลถึงเศรษฐกิจโลกให้ชะลอตัว และทำให้ภาคการส่งออกที่เป็นภาคเศรษฐกิจหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบตามไปด้วย โดยมองว่า อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะอยู่ในระดับใกล้เคียง 5% เท่านั้น ส่วนปีหน้า ขยายตัวได้ 4% ก็ถือว่าเก่งแล้ว

          "ผมมีความเชี่ยวชาญในการบริหารนโยบายเศรษฐกิจ เขียนหนังสือเกี่ยวกับด้านนี้ แต่การใช้นโยบายในการดูแล ก็ต้องยอมรับว่า มันคงต้องมีความขัดแย้งในตัวของมันเอง อาทิเช่น ถ้าเราจะทำให้บาทอ่อน เพื่อดูแลราคาสินค้า แต่นักลงทุนก็ต้องกระทบ เพราะอยากให้บาทแข็ง ตรงนี้เราก็ต้องเลือก ซึ่งผมเลือกที่จะดูแลคนจนก่อน และงานแรกที่ต้องทำคือ การเข้าไปช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมใน 18 จังหวัด"

          อย่างไรก็ดี การบริหารเศรษฐกิจจะต้องมีทีมที่ดี แต่หน้าตาของทีมเศรษฐกิจที่มีกูรูด้านเศรษฐกิจอย่าง ดร.วีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าทีมก็ตาม แต่ขณะนี้ก็ยังไม่ชัดเจนว่า ทีมเศรษฐกิจที่จะเข้ามาช่วยพื้นเศรษฐกิจนั้นมีใครบ้าง

          แต่บุคคลที่มีความสำคัญสูงสุด คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะต้องได้รับความน่าเชื่อถือจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งถือเป็นหัวใจที่จะสร้างความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจ เพราะถ้าไม่เชื่อมั่นในตัวบุคคลแล้ว ความเชื่อมั่นในการดำเนินนโยบายก็จะไม่เกิด ซึ่งจุดนี้ ดร.สุชาติ ต้องเร่งพิสูจน์ และสร้างคะแนนนิยมในตัวเอง

          ขณะเดียวกันการทนรับแรงเสียดทานที่จะต้องมีการต่อสู้ ทั้งจากฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋น โดยมีเขาเป็นตัวกลางในการประสาน หากอยู่ในจุดที่นิ่งได้มากเท่าไร ย่อมมีความเชื่อมั่นมาเต็มเปี่ยม

          "อย่าลืมนะ ผมอ่านหนังสือมาเยอะ ตำราพิชัยสงครามก็อ่านมาหมด ตั้งแต่ขงจื๊อ ซุนวู แมคคิวเวอร์รี่ อ่านหลายรอบด้วย และก็ไม่ใช่รู้แต่ทฤษฏีเท่านั้น"

          ถึงกระนั้นก็มีคำถามจากหลายฝ่ายตามมาว่า ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนั้น เขาซึ่งถือว่าเป็น "คนอ่อนไหว" จะมีภูมิคุ้มกันรับแรงกดดันได้มากน้อยแค่ไหน เพราะขณะนี้เริ่มมีเสียงเตือน และการวิจารณ์ในเชิงลบออกมาให้เห็นแล้ว...

          ใครว่าผมเยอะๆ หรือแฉผมมากๆ... ผมก็ไม่อยู่ !


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2551
โดย สุพรรณี จิวจรัสรงค์
ภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตกระเป๋ารถเมล์...สู่ รมว.คลัง อัปเดตล่าสุด 25 กันยายน 2551 เวลา 17:12:26 17,031 อ่าน
TOP