เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม นายศรีศักดิ์ วัลลิโภดม นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี กล่าวถึงกรณีที่นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) นำเสนอแนวความคิดนำที่ความเชื่อและพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ อาทิ พญานาค ควายธนู เสน่ห์ยาแฝด น้ำมนต์ ปลัดขิก ฯลฯ มาทำเป็นสินค้าวัฒนธรรม เพื่อขายเป็นของที่ระลึก ตามนโยบายที่จะใชัวัฒนธรรมนำเศรษฐกิจ ว่า ตนไม่อยากจะเชื่อเลยว่า นี่คือความคิดของคนที่เป็นรัฐมนตรี การพูดออกมาเช่นนี้ มันเหมือนดูถูกตัวเองและเป็นเรื่องตลก รวมทั้งยิ่งเป็นการตอกย้ำว่ารัฐมนตรีไม่เข้าใจความหมายของคำว่า วัฒนธรรมและมิติทางวัฒนธรรมเลย การที่นำเอาความเชื่อทางวัฒนธรรมและประเพณี ศาสนา แล้วบอกว่า จะทำเพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า และเป็นการใช้วัฒนธรรมนำเศรษฐกิจนั้น ตนมองว่าเป็นความคิดที่เละเทะ และเลื่อนลอย เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งการที่นำความเชื่อความทำขายนั้น ตนอยากจะถามว่าทำเช่นนี้แล้วได้อะไร
นายศรีศักดิ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้การนำเสนอแนวคิดอะไรก็แล้วแต่ จะต้องรู้กาลเทศะ รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่ใช่เอาแค่รูปแบบมาแล้ว ตีความหรือเข้าใจอย่างมั่วๆ แบบไม่เข้าใจ สมัยก่อนคนโบราณเขาทำควายธนู หรือปลัดขิกขึ้นเพราะมีความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ และสร้างขึ้นอย่างรู้กาลเทศะ และรู้ว่าควรทำหรือไม่ ไม่ใช่ทำออกมาขายเกลื่อนอย่างที่คิดจะทำเช่นนี้ ตนมองว่าหากคนที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมไม่เข้าใจวัฒนธรรมแล้วเสนอแนวคิดเช่นนี้อีก ก็ถือว่าอันตรายอย่างมาก และถ้ายังดื้อที่จะทำอีก อาจจะเป็นวิกฤตทางวัฒนธรรมแน่นอน
ด้านพระโสภณคณาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ไม่เข้าใจว่า การที่ยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูด มีวัตถุประสงค์อะไร แต่ในทางปฎิบัติคงไม่ใช่จะทำอะไรได้ง่ายๆ โดยเฉพาะการนำความเชื่อเกี่ยวกับศาสนา ประเพณี วัฒนธรรม จะต้องผ่านการกลั่นกรอง และเห็นชอบจากหลายๆ ไม่ใช่คิดจะทำอะไรก็ทำ ซึ่งควายธนู ปลัดขิก คนสมัยก่อนเชื่อว่าเป็นสิ่งของศักดิ์สิทธิ์ มีไว้เพื่อบูชา ดังนั้นไม่เหมาะสมที่จะนำมาทำเป็นพวงกุญแจ ซึ่งที่จริงแล้วอะไรก็ได้ที่จะนำมาทำเป็นพวงกุญแจได้ และถ้าต้องการทำสินค้าวัฒนธรรมออกมาขายจริง มันมีอะไรที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมที่ดีกว่าอีกเยอะ ที่สามารถทำเป็นสินค้าสร้างมูลให้กับประเทศ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก pantown.com