x close

เปิดใจพ่อ.. น้องโบว์ เสียใจที่ลูกตาย... ภูมิใจในสิ่งลูกทำ


         ปฏิบัติการ "ตุลาเลือด" เกือบ 24 ชม. เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ผู้บริสุทธิ์ต้องสังเวยชีวิต 2 ราย อีกเกือบ 500 ชีวิต ต้องบาดเจ็บ-สูญเสียอวัยวะ "พ่อน้องโบว์" ย้อนเหตุการณ์ก่อนลูกสาวสิ้นลมหายใจ พร้อมประณามการกระทำอันป่าเถื่อนของตำรวจไทย 

         ปฏิบัติการสลายกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยของตำรวจปราบจลาจล กระทั่งนำไปสู่เหตุปะทะกันเกือบ 24 ชั่วโมง เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ราวกับเกิดสงครามกลางเมือง ส่งผลให้ผู้บริสุทธิ์หลายร้อยชีวิตได้รับบาดเจ็บ 

         แม้ว่านายตำรวจระดับสั่งการพยายามอรรถาธิบายว่า ตำรวจมีเพียงโล่ กระบอง และแก๊สน้ำตา โดยปราศจากอาวุธสงคราม ทว่าคำตอบเหล่านี้กลับสวนทางอารมณ์ความรู้สึกของคนในสังคมอย่างยิ่ง 



         ภาพความรุนแรงที่ปรากฏต่อสายตาคนไทยด้วยกันเองและถูกตีแผ่ไปทั่วโลกนั้น รัฐบาลและตำรวจคงไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบใดๆ ได้เลยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมี คนตายจริง เจ็บจริง และ สูญเสียอวัยวะจริง บางครอบครัวสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก บ้างสูญเสียแขนขากลายเป็นคนพิการ จากนี้ไปวิถีชีวิตของเขาหรือเธอเหล่านั้น จะแปรเปลี่ยนไปอย่างไร คำตอบที่ได้คงเหมือนแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ 

         พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี หรือ สารวัตรจ๊าบ อดีตสารวัตรป้องกันปราบปราม สภ.เมืองบุรีรัมย์ คือ "เหยื่อรายแรก" ที่เสียชีวิตจากเหตุรถจี๊ปเชอโรกีระเบิด สารวัตรจ๊าบเป็นสามี นางเพ็ญพิมล หรือ รัตนา ใสงาม น้องสาวของ นายการุณ ใสงาม อดีต ส.ว.บุรีรัมย์ ที่ลาออกจากราชการทำหน้าที่ผู้ประสานงานพันธมิตร จ.บุรีรัมย์ และหัวหน้าการ์ดพันธมิตร 

         เหยื่อ "ตุลาเลือด" รายถัดมาชื่อ อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ หรือ น้องโบว์ หญิงสาววัย 28 ปี เดินทางมาร่วมชุมนุมพร้อมครอบครัว เธอโชคร้ายต้องสังเวยชีวิต ส่วนมารดาและน้องสาวโชคดีที่รอดพ้นเงื้อมมือมัจจุราช แต่ได้รับบาดเจ็บมีแผลฉกรรจ์ทั่วร่างกาย 

         หัวอกคนเป็นพ่ออย่าง นายจินดา ระดับปัญญาวุฒิ เล่าถึงนาทีชีวิตว่า ปกติแล้วสามแม่ลูกไปร่วมชุมนุมกับพันธมิตรเป็นประจำ วันเกิดเหตุก่อนออกจากบ้านไปชุมนุมน้องโบว์บอกว่า อยู่ในทำเนียบรัฐบาลมันคงไม่มีอะไร แล้วลางร้ายก็ปรากฏเมื่อเขาได้รับโทรศัพท์ของภรรยา โทรจากโรงพยาบาลศิริราช เล่าเหตุการณ์ปะทะกัน และบอกว่า ไม่รู้ลูกเป็นอย่างไรบ้าง เขาจึงออกตามหา กระทั่งพบว่าลูกเสียชีวิตแล้ว แม้จะเสียใจที่ต้องสูญเสียลูกสาว แต่ก็ภาคภูมิใจที่ลูกสละชีพเพื่อชาติ 




         "มันไม่ใช่แก๊สน้ำตา เพราะลูกสาวคนเล็กของผมก็โดนสะเก็ดระเบิด โดนที่มือและขา ถามหน่อยว่า ถ้าเป็นสะเก็ดแก๊สน้ำตา มันจะเป็นถึงขนาดนั้นหรือ เมื่อเป็นแบบนี้จะให้เรียกร้องกับใคร ประชาชนมือเปล่า ไม่มีอะไรไปสู้ อยากถามอีกว่า หากตำรวจไม่ได้ยิงแล้ว ลูกสาวจะเสียชีวิตได้อย่างไร สิ่งที่ทำกับลูกผม เวรกรรมมันหนีกันไม่ได้ จากนี้จะปรึกษาทนาย เพื่อพิจารณาว่าจะฟ้องร้องเพื่อความเป็นธรรมหรือไม่" พ่อน้องโบว์กล่าวด้วยความคับแค้นใจ 

         ส่วนที่พันธมิตรขอนำศพน้องโบว์ไปตั้งที่ทำเนียบรัฐบาล พ่อเหยื่อตุลาทมิฬปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว โดยนำศพลูกสาวไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดศรีประวัตร์ ถนนตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เป็นเวลา 7 วัน จากนั้นจะฌาปนกิจศพทันที ส่วนเงินบริจาคจะมอบให้ทางเอเอสทีวี 

         หากรัฐบาลจะช่วยเหลือ พ่อน้องโบว์ยืนยันหนักแน่นว่า ไม่ขอรับ ไม่จำเป็น ครวบครัวไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่รัฐบาลควรพิจารณาว่าสิ่งที่ทำถูกต้องหรือไม่ ที่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาทำร้ายประชาชน 

         "มีโทรศัพท์ลึกลับโทรมาข่มขู่ผม แต่เบอร์ที่โทรมาไม่ได้ใช้แล้ว เป็นเบอร์ที่ผมให้คนอื่นใช้ ถ้อยคำที่บุคคลลึกลับโทรมาข่มขู่ บอกว่าถ้าไม่ตาย ก็จะเอาให้ถึงตาย" พ่อน้องโบว์กล่าวด้วยสีหน้ากังวลต่อเงามืดที่จ้องคุกคาม
 

         อีกมุมหนึ่งเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม  นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางไปโรงพยาบาลตำรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บ โดยกล่าวให้กำลังใจตำรวจว่า 

         "ผมภูมิใจในการทำหน้าที่ของตำรวจทุกคน ผมมีพี่ชายเป็นตำรวจ ก็รู้สึกสะเทือนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมไม่ต้องการให้ทั้งตำรวจและประชาชนบาดเจ็บ" 

         ระหว่างนั้นมีหญิงกลางคนสวมเสื้อเหลืองวิ่งเข้ามาตะโกนว่า "ทรราช" พร้อมกับยกมือตบขึ้นมาตี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้กันไม่ให้เข้าถึงตัวนายกรัฐมนตรี 



         ต่อมานายกรัฐมนตรีเดินทางไปยังโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เพื่อเยี่ยมเจ้าหน้าที่ตำรวจและกลุ่มพันธมิตรที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งนอนพักรักษาตัวบริเวณชั้น 5 จำนวน 3 ราย ได้แก่ นายนเรศ พงษ์พานิช อายุ 35 ปี จาก จ.พิจิตร นายวรรณชนะ จั่นสำอาง อายุ 19 ปี จาก จ.นนทบุรี และ นายสุชน สุขพิทักษ์  ชาว จ.ปัตตานี ซึ่งกลุ่มพันธมิตรส่วนใหญ่บอกว่าได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิด 

         โดยนายสุชนพูดต่อหน้านายสมชายว่า "ถ้าหายแล้วก็จะกลับไปร่วมชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาลต่อไป ความจริงอยากจะไปตั้งแต่เดี๋ยวนี้เลยถ้าเดินไหวก็ไปแล้ว แต่บังเอิญว่าแผลมันลึกมาก"

         ขณะเดียวกัน นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย ผอ.ศูนย์นเรนทร กระทรวงสาธารณสุข เผยยอดผู้บาดเจ็บจากเหตุสลายการชุมนุม นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อวาน รวมทั้งสิ้น 443 คน นอนพักรักษาตัวอยู่ 82 คน และเสียชีวิต 2 ราย แบ่งรักษาตามโรงพยาบาลต่างๆ 9 แห่ง ที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาล 32 ราย โรงพยาบาลกลาง 4 ราย โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ 2 ราย โรงพยาบาลราชวิถี 2 ราย โรงพยาบาลศิริราช 4 ราย โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า 2 ราย โรงพยาบาลรามาธิบดี 9 ราย โรงพยาบาลตำรวจ 5 ราย และโรงพยาบาลเลิดสิน 2 ราย โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บ 20 ราย พักรักษาตัวที่โรงพยาบาล 9 ราย ส่วนคนเจ็บที่สูญเสียอวัยวะแขนขาขาด มี 4 รายเป็นชาย และที่สูญเสียนิ้วมือ นิ้วเท้า มี 4 ราย ชาย 2 ราย หญิง 2 ราย



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เปิดใจพ่อ.. น้องโบว์ เสียใจที่ลูกตาย... ภูมิใจในสิ่งลูกทำ อัปเดตล่าสุด 9 ตุลาคม 2551 เวลา 15:06:13 85,801 อ่าน
TOP