จาพนม ทุ่มสุดตัวเพื่อ "องค์บาก2" ยอมเสี่ยงตาย วิ่งบนหลังช้างทั้งโขลงแต่ใช้ในหนังแค่ 5นาที
"ใหญ่ทุกฉาก ยากทุกซีน" จนถึงวันนี้แล้ว เห็นทีนอกเหนือจากสโลแกน "ไม่ใช้สลิง ไม่ใช้ตัวแสดงแทน" ที่ติดตัวพระเอกแอ็คชั่นฮีโร่ จา พนม มาต้องเปลี่ยนไปตามบทบาทใหม่ในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์แอ็คชั่นฟอร์มยักษ์อย่าง "องค์บาก2" ซะแล้ว เพราะรับประกันว่าทุกฉากทุกซีนที่จะปรากฏบนจอภาพยนตร์ล้วนแล้วแต่ต้องทุ่มเททั้งแรงใจ แรงกายตลอดจนทุนสร้างอันมหาศาลกว่า 300 ล้านบาท แถมยังต้องเอาชีวิตไปแขวนบนเส้นด้ายเสี่ยงตายในแบบไม่มีใครกล้าทำ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉาก "จา พนม สยบช้างงาดำ ด้วยการวิ่งไต่ไปบนหลังช้างจากท้ายโขลงไปยังช้างที่กำลังวิ่งอยู่หน้าโขลง ซึ่งต้องยอมรับในสปิริตของพี่จาเขาจริงๆ เพราะฉากนี้จะไปปรากฎอยู่บนแผ่นฟิล์มเพียงแค่ 5 นาที แต่ต้องยอมเสี่ยงชีวิตถ่ายทำถึง 2 ครั้ง"
ครั้งแรกถ่ายทำเฉพาะวิ่งไต่บนหลังช้างทั้งโขลง ก็ต้องใช้เวลาซ้อมถึง 3 เดือน เพื่อกำหนดทิศทางการวิ่งของช้างไม่ให้แตกกลุ่ม วางตำแหน่งของกล้องเพื่อจับภาพจาวิ่งอยู่บนโขลงช้างให้ทัน ซึ่งต้องมีการวางแผนในการถ่ายทำอย่างรัดกุมที่สุดโดยใช้กล้องถ่ายทำถึง 3 ตัว โดยต้องถ่ายทำจริงอยู่นาน10วัน ถึงจะได้ภาพอย่างที่ต้องการ โดยในแต่ละวันถ่ายทำได้เพียง 2-3 เทคเท่านั้น เพราะกว่าจะตั้งขบวนช้าง เซ็ททุกอย่างให้พร้อมเพื่อถ่ายใหม่และจาต้องวิ่งยาวบนหลังช้างทั้งโขลง
ส่วนครั้งที่ 2 เป็นการถ่ายทำเฉพาะฉากจาประจัญหน้ากับช้างงาดำจ่าฝูง เพื่อวัดใจกันระหว่างคนกับช้างว่าใครจะสยบใคร ซึ่งจาจะต้องวิ่งกระโดดเหยียบงาไต่งวงขึ้นไปขี่บนคอช้าง และตบท้ายด้วยการสยบช้างงาดำด้วยการใช้ฝ่ามือตบไปบนหน้าผากช้างจ่าฝูง ต่อหน้าช้างทั้งโขลงที่ยอมหมอบศิโรราบให้กับการพิชิตครั้งนี้ของพระเอกจาอย่างพร้อมเพรียง เฉพาะในส่วนหลังถือว่าเป็นอีกปรากฎการณ์ครั้งสำคัญที่เป็นการรวบรวมเอาช้างงาถึง 40เชือก มารวมตัวกันอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน
โดยจะต้องระดมควาญช้างถึง 3 คนต่อช้างงา 1 เชือกเพื่อคอยบังคับควบคุมดูแลความปลอดภัยทั้งตัวช้างและตัวจา เนื่องจากธรรมชาติของช้างงาจะไม่อยู่รวมกันเฉพาะฉากสยบช้างงาดำต้องใช้เวลาซ้อมอยู่นาน 2เดือน และถ่ายทำจริงเป็นเวลาถึง7วัน แต่กว่าจะได้ภาพอย่างที่ต้องการทีมงานทุกคนล้วนต่างอาศัยความอดทนท่ามกลางความร้อนเกือบ 40 องศา แน่นอนว่าการกำกับช้างไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครจะทำได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งช้างทั้งโขลง แถมงานนี้พี่จาเองรับหน้าที่ผู้กำกับภาพยนตร์และต้องแสดงเองในทุกๆคัท ไม่ว่าจะเล่นจะถ่ายกี่เทคไม่มีบ่น บางครั้งจังหวะไม่ลงตัว มุมกล้องไม่ถูกใจ ฯลฯ และแน่นอนว่าด้วยความพิถีพิถันละเอียดสุดยอดพี่จาของเราต้องเช็คดูภาพที่เพิ่งถ่ายทำแต่ละคัทจากมอนิเตอร์ด้วยตัวเอง ถึงแม้ว่าจะต้องดูบนหลังช้างก็ตาม
"ก็อยากให้ทุกอย่างออกมาสมบูรณ์ที่สุดครับ ทุกฉากทุกภาพ ต้องละเอียดที่สุด พิถีพิถันที่สุด เพราะอยากให้ออกมาดีที่สุด ยอมรับว่าเหนื่อยครับ เพราะเล่นเองด้วย แอ็คชั่นเสร็จก็ต้องวิ่งมาดูมอนิเตอร์ อย่างฉากจับช้าง เล่นๆอยู่ลงมาดูก็จะเสียเวลา ขอให้ทีมงานเอามาให้ดูบนหลังช้างเลย ไม่ดีก็ถ่ายใหม่ สำหรับฉากจับช้าง จริงๆแล้วเป็นความตั้งใจของผมเองที่อยากจะเผยแพร่เกี่ยวกับช้างไทย ต้นตำรับของเมืองช้างจังหวัดสุรินทร์ ตัวผมเองเกิดในครอบครัวช้าง ก็อยากให้เห็นว่าช้างจากประเทศไทยก็มีความสามารถ ฉากนี้เป็นฉากจับช้างที่ใหญ่ที่สุด เป็นฉากที่ผมภูมิใจมากที่สุด"
เตรียมพบกับอีกหนึ่งความอลังการของ "องค์บาก2" ภาพยนตร์แอ็คชั่นเรื่องยิ่งใหญ่แห่งปี ที่ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง 5 ธันวาคมนี้