x close

เปิดใจ 3 ชีวิตครอบครัว กลัดสาคร เหยื่อระเบิด พธม.

พันธมิตร


          เปิดใจ 3 ชีวิตที่ยังเหลือ หลังจากชีวิตหนึ่งที่เป็นเสาหลักขอบครอบครัวดับดิ้น สังเวยความรุนแรงของระเบิดการเมืองทิ้งความทุกข์ยากโศกเศร้าไว้ให้คนที่อยู่เบื้องหลัง

          เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในบริเวณภายในทำเนียบรัฐบาลเมื่อเวลา 03.25 น. ของเช้าตรู่วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ถือว่ารุนแรงกว่าทุกครั้ง เนื่องจากมีผู้เสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 20 คน ที่ผ่านมาเหตุระเบิดการเมืองมักไม่สร้างความสูญเสียถึงขั้นชีวิต

          ครั้งนี้ทำให้คนในครอบครัว "กลัดสาคร" ต้องสูญเสีย "เสาหลัก" อย่าง "เจนกิจ กลัดสาคร" ซึ่งถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณคอด้านซ้ายทะลุเข้าเส้นเลือดใหญ่ ทำให้เสียชีวิต

พันธมิตร


          สำหรับ "เจนกิจ" อายุ 48 ปี เป็นคน จังหวัดชุมพร หลังจากแต่งงานกับ "ปิญชาน์ สุขภูตานันท์" ได้มาประกอบอาชีพค้าของชำ และอาหารตามสั่งที่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

          เจนกิจ มีบุตร 2 คน คือ ด.ญ.ลิปิการ์ กลัดสาคร หรือน้องคุกกี้ อายุ 11 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และ ด.ช.ศิรชัช กลัดสาคร หรือปังปอนด์ อายุ 7 ขวบ

          ที่ผ่านมา "เจนกิจ" และภรรยามาร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรนับสิบครั้ง ส่วนใหญ่เดินทางมากับกลุ่มเพื่อนพ่อค้าด้วยกัน โดยรถส่วนตัวบ้าง รถตู้บ้าง

          การเดินทางมาร่วมชุมนุมครั้งนี้ "ปิญชาน์" และสามี ได้เดินทางมาพร้อมกับเพื่อนพ่อค้าแม่ค้าจากตลาดศรีประภัสร์ อำเภอสัตหีบ มาถึงทำเนียบตั้งแต่เวลา 21.00 น. เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน โดยไม่คิดว่าจะเกิดเหตุร้ายกับสามี แม้ว่าเคยเห็นข่าวและเอเอสทีวี เคยเตือนมาหลายครั้งว่ามีเหตุระเบิดเกิดขึ้น และอาจจะเกิดระเบิดขึ้นอีก แต่ไม่ได้คิดว่าจะเกิดกับครอบครัวตัวเอง

          ปิญชาน์ กล่าวทั้งน้ำตานองหน้าระหว่างเดินทางมารับศพสามีว่า รู้สึกเสียใจที่เกิดเหตุการณ์ร้ายขึ้นกับครอบครัว เรามาชุมนุมด้วยใจ ไม่ได้ใช้อาวุธหรือความรุนแรง แต่เขากลับใช้ความรุนแรงกับเราจนต้องมาเสียชีวิต ครั้งนี้มาโดนเหตุการณ์แบบนี้

พันธมิตร



          เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ทำให้ปิญชาน์ ทำอะไรไม่ถูก คิดอะไรไม่ออก แม้กระทั่งการจัดการศพ ที่เธอบอกว่า คงต้องนำศพสามีไว้ที่วัดโสมนัส (ตามจริงตั้งศพที่วัดมกุฎกษัตริย์) และต้องปรึกษาแกนนำพันธมิตร ว่าจะทำอย่างไรต่อไป

          "ช่วงที่เกิดเหตุการณ์ พี่กับสามีนั่งฟังปราศรัยอยู่บริเวณด้านหน้าเวที อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น แต่ก็ไม่รู้ว่าดังมาจากที่ไหน แต่พอหันไปดูสามี ก็เห็นมีเลือดไหลลงมาจากคอ รู้สึกตกใจมาก ผู้คนพากันวิ่งแตกตื่น พี่จึงเข้าไปประคองสามี แล้วก็มีคนมาช่วยพยุงเขาไปที่เต็นท์พยาบาล ทางนี้เขาก็บอกว่า ต้องไปส่งที่โรงพยาบาลรามาธิบดี แต่ก็มาเสียชีวิตที่โรงพยาบาล" ปิญชาน์ เล่าทั้งน้ำตา เพราะต้องสูญเสียคนที่รักและเสาหลักของครอบครัวไปในคราวเดียวกัน

          ไม่นานนัก ข่าวการเสียชีวิตของผู้นำครอบครัวกลัดสาคร ก็ไปถึงหมู่ญาติและนำลูกที่ยังเล็กทั้งสองมาถึงโรงพยาบาล

          "น้องคุกกี้" และ "น้องปังปอนด์" ลูกสาวและลูกชายของ "เจนกิจ" ต่างปล่อยโฮเสียงดังโผเข้ากอดผู้เป็นแม่ พร้อมกับถามคำถามที่ผู้เป็นแม่ยากที่จะตอบ

          "ป๋าอยู่ไหน...แม่ ป๋าอยู่ไหน" คำถามที่ดังก้องไปทั้งโรงพยาบาล แต่ก็ไม่มีใครตอบคำถามจากเด็กตัวเล็กๆ คนนี้ได้...

          อย่างไรก็ตาม น้องคุกกี้ ได้เล่าทั้งน้ำตาว่า เมื่อเวลา 07 .00 น. แม่ได้โทรศัพท์มาที่บ้าน พร้อมบอกให้ตนเก็บเสื้อผ้าของป๋าที่ชอบ ซึ่งมีเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงยีนส์ หมวกสีดำ เสื้อกล้ามคอกลม ถุงเท้า และอัลบั้มรูปที่ชอบที่สุด และระหว่างที่คุยกันตนได้ยินเสียงแม่ไม่ค่อยดี จึงถามแม่ว่าป๋าตายหรือ? แม่ว่าใช่ ตนก็รู้สึกเสียใจที่พ่อต้องจากไป และสงสารป๋า ซึ่งที่จริงแล้วก่อนที่ป๋าจะออกจากบ้านก็เห็นป๋าแต่งตัวมาชุมนุมกับแม่


ม็อบพันธมิตร


          "ตอนนั้นหนูยังชมว่าพ่อเท่จังเลย เหมือนศรันญู (วงษ์กระจ่าง) ป๋าได้ยินแล้วก็ยิ้ม ซึ่งตอนนั้นหนูบอกว่าอยากไปบ้าง แต่ป๋าบอกไม่ให้ไป เพราะกลัวว่าจะโดนระเบิด แต่ที่ป๋าไป ป๋าบอกว่า ป๋าจะไปกู้ชาติ . . . ตอนนี้ก็รู้สึกสงสารแม่ เพราะขาดพ่อไปก็เหมือนกับขาดเสาหลัก และที่ผ่านมาก็รู้ว่าป๋ากับแม่มาบ่อย เพราะป๋าบอกว่ามาคุ้มกันให้แม่ เพราะกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น" น้องคุกกี้ กล่าว

          น้องคุกกี้ ยังได้กล่าวถึงลางร้ายก่อนบิดาเสียชีวิตว่า ปกติพ่อจะชอบพูดเล่นตลอดว่า ถ้าพ่อตายแล้วเห็นทีวีเปิดอยู่ตอนมืดๆ แสดงว่าพ่อมาหานะ ขอให้จุดธูปเอาข้าวเอาปลามาให้พ่อกินด้วย และถ้าพ่อตายให้เอาชุดคาวบอยที่พ่อชอบมาใส่ให้ด้วย ซึ่งในวันนี้ที่บ้านก็นำชุดคาวบอยและหมวกคาวบอยมาให้พ่อด้วย

          "เมื่อพ่อเสียชีวิตแล้ว ต่อไปหนูจะเป็นคนดูแลแม่กับน้องเอง โดยจะพยายามทำให้ดีที่สุด และอยากให้ตำรวจหาตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้ว่าเป็นฝีมือใคร เพราะกรณีที่เกิดขึ้นพ่อไม่ได้ระเบิดตัวเองแน่นอน อย่างไรก็ตามหนูขอให้พันธมิตรสู้ต่อไป ในส่วนของหนูก็จะสู้ต่อไปเช่นกัน แต่คงไม่มาร่วมชุมนุมกับพันธมิตรแต่จะสู้หน้าจอทีวีแทน" น้องคุกกี้ กล่าว


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์คมชัดลึก และ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เปิดใจ 3 ชีวิตครอบครัว กลัดสาคร เหยื่อระเบิด พธม. อัปเดตล่าสุด 21 พฤศจิกายน 2551 เวลา 17:57:39 38,333 อ่าน
TOP