x close

ยืนยันส่ง ปปง. 66 บริษัท หนุนพันธมิตร

พันธมิตร


         แม้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะยุติการชุมนุมไปแล้วตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม ช่วยให้ บรรยากาศแห่งความเครียดทางการเมืองของประชาชนคนไทยผ่อนคลายลง แต่ความผิดในการก่อการชุมนุม โดยเฉพาะการยกพลไปปิดสนามบินสุวรรณภูมิไม่ได้ยุติตามไปด้วย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังรวบรวมหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับบรรดาแกนนำพันธมิตรฯ และผู้สนับสนุนให้มีการชุมนุม 

         ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 10 ธันวาคม นพ.เหวง โตจิราการ พร้อมด้วย นพ.สันต์ หัตถีรัตน์ นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ผ่าน พล.ต.ต.มนู เมฆหมอก เลขานุการตำรวจแห่งชาติ ร้องทุกข์กล่าวโทษแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทั้งหมด 24 คน จากกรณีกลุ่มพันธมิตรฯ บุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง ระหว่างวันที่ 25 พฤศจิกายน ถึง 3 ธันวาคม.ว่า เข้าข่ายการกระทำผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดบางประการ ต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2521 มาตรา 6 (1) ที่ระบุว่า การกระทำการประทุษร้ายผู้อื่น ในท่าอากาศยานที่ให้บริการการบินพลเรือน จนเป็นเหตุให้หรือน่าจะเป็นเหตุให้ผู้อื่นนั้น รับอันตรายสาหัสหรือถึงแก่ความตาย หรือทำลาย หรือทำให้เสียหายอย่างร้ายแรงต่อสิ่งอำนวยความสะดวก ของท่าอากาศยานที่ให้บริการการบินพลเรือน หรือต่ออากาศยานที่ไม่อยู่ระหว่าง บริการและอยู่ในท่าอากาศยานนั้น หรือทำให้การบริการของท่าอากาศหยุดชะงักลง โดยใช้กลอุปกรณ์ วัตถุหรืออาวุธใดๆ และการกระทำนั้นเป็นอันตรายหรือน่าจะเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของท่าอากาศยานนั้น ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 5-20 ปี   

         นพ.เหวงกล่าวว่า นอกจากนี้ ยังแจ้งความร้องทุกข์ กับกลุ่มพันธมิตรฯผู้ดำเนินกิจการและผู้เผยแพร่ภาพและเสียงออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี ในความผิดตามมาตรา 37 พ.ร.บ. ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 ที่ห้ามมิให้ออกอากาศรายการที่มีเนื้อหาสาระที่ก่อให้เกิดการล้มล้างการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขด้วย เนื่องจากจุดมุ่งหมายของเอเอสทีวีเป็นการตั้งใจโค่นล้มรัฐบาลสมัครและรัฐบาลสมชาย โดยวิถีทางนอกเหนือรัฐธรรมนูญ ที่ทำให้ เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ และทำให้ประเทศไทยได้รับความเสียหายอย่างหนัก จึงอยากให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาว่าเข้าข่ายดังกล่าวหรือไม่ และ ให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ประเทศ ไทยมีขื่อมีแป   

         นพ.เหวงยังกล่าวถึงการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล จะส่งผลต่อการดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า ไม่ว่ารัฐบาลจะชื่อสมชายหรือชื่ออภิสิทธิ์ก็ตาม กฎหมายต้องศักดิ์สิทธิ์ และกลไกอำนาจรัฐต้องดำเนินการอย่างเท่าเทียมกัน เพื่อทำให้คนไทยและทั่วโลกเชื่อถือ ด้าน นพ.สันต์ หัตถีรัตน์ กล่าวด้วยว่า แม้จะเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ก็ไม่ส่งผลกระทบ เนื่องจากรัฐบาลและนักการเมืองไม่มีสิทธิ์บังคับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้บังคับใช้กฎหมาย อัยการหรือศาล ที่เป็นกระบวนการยุติธรรมของบ้านเมือง กลุ่มพันธมิตรฯเองก็เคยพูดถึงกรณีที่นักการเมืองจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมไม่ได้ ดังนั้น หากมีการตระบัดสัตย์ ก็จะทำให้ กฎหมายบ้านเมืองบังคับใช้ไม่ได้อีกต่อไป และจะทำให้ บ้านเมืองสิ้นสุดความเป็นนิติรัฐและนิติธรรม 

         เที่ยงวันเดียวกันที่ สน.ดอนเมือง พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.ให้สัมภาษณ์ถึงการสอบสวนขยายผลไปยังกลุ่มนายทุนที่ให้การสนับสนุนม็อบพันธมิตรฯว่า เรื่องนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี กำหนดให้พนักงานสอบสวนส่งเรื่องไปยังเลขาธิการคณะกรรมการ ปปง.ดำเนินการต่อไป เนื่องจากความผิดฐานก่อการร้าย เป็นความผิด 1 ใน 11 มูลฐานตามกฎหมายฟอกเงิน ที่ต้องส่งให้ ปปง.ดำเนินการ เช่นเดียวกับความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ที่ต้องส่งเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ดำเนินการ ความคืบหน้าเวลานี้ตำรวจสันติบาลได้ส่งรายชื่อบริษัทห้างร้านที่สืบสวนได้ว่าให้การสนับสนุนกลุ่มพันธมิตรฯมาให้แล้ว พนักงานสอบสวนจะรวบรวมรายชื่อทั้งหมดส่งให้ ปปง.ภายในสัปดาห์หน้า โดยรายชื่อดังกล่าวไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะถือว่าเป็นความลับ บอกได้เพียงแต่ว่ามีทั้งหมด 66 ห้างร้านที่สนับสนุนพันธมิตรฯ 

         อย่างไรก็ตาม ในการสอบสวนต้องพิจารณาให้ความเป็นธรรม การจะเอาผิดต้องปรากฏว่าเป็นการสนับสนุนให้ทุนในลักษณะเป็นกิจจะลักษณะประจำจริงๆ ไม่ใช่บริจาคเป็นครั้งคราวหรือให้น้ำให้อาหารนิดหน่อยคงไม่เป็นอะไร ทั้งหมดนี้เป็นขั้นตอนทางกฎหมายทั้งสิ้น บริษัทห้างร้านดังกล่าวให้การสนับสนุนเฉพาะในทำเนียบก็คงไม่เท่าไหร่แต่การเคลื่อนย้ายไปปิดสนามบิน กฎหมายทั่วโลกถือเป็นเรื่องสำคัญมาก กฎหมายจึงบังคับว่าต้องดำเนินการตามกฎหมายฟอกเงินเพื่อเอาผิดผู้สนับสนุนด้วย  

         ด้าน พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผบช.ส. กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. ระบุว่า สันติบาลมีการรายงานข้อมูลบริษัทที่ให้การสนับสนุนกลุ่มพันธมิตรฯ โดยกล่าวยอมรับว่า พล.ต.อ.จงรักมาขอข้อมูลจากตน โดยตนไม่ได้เป็นผู้รายงานให้ แต่ทั้งนี้ปกติสันติบาลจะทำหน้าที่หาข้อมูลและหากใครต้องการใช้ก็สามารถมาขอได้ ยอมรับว่ามีการตรวจสอบที่มาของเงิน แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่ามีบริษัทใดบ้าง 

         ในส่วนการพบอาวุธและวัตถุระเบิดภายในทำเนียบรัฐบาล ยังคงมีการค้นพบอย่างต่อเนื่อง โดยตอนสายวันเดียวกัน ร.ต.ต.ภานุฑัต นันสะอาง พงส. (สบ 1) สน.ดุสิต ไปสอบสวนเหตุพบวัตถุระเบิด อาวุธปืนและเครื่องกระสุนจำนวนมาก ภายในโรงอาหารสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเก่า (สลค.) ในทำเนียบรัฐบาล แขวงและเขตดุสิต กทม.ของกลางที่พบประกอบด้วย ระเบิด เอ็ม 79 จำนวน 1 ลูก ประทัดยักษ์ 2 ลูก ระเบิดแสวงเครื่อง 2 ลูก ระเบิดปิงปอง 6 ลูก ระเบิดเพลิง 1 ลูก อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ทำจากท่อเหล็กแป๊บ 4 ท่อน กระสุนปืนลูกซอง เบอร์ 20 จำนวน 7 นัด กระสุนปืน .38 จำนวน 44 นัด กระสุนปืน .45 จำนวน 10 นัด และกระสุนปืนขนาด .380 จำนวน 1 นัด นอกจากนี้ ยังตรวจพบอาวุธมีด 3 เล่ม ง่ามยิงหนังสติ๊ก 3 อัน ลูกเหล็ก 58 ลูก ลูกเหล็กหัวนอต 20 หัว เหล็กแหลมจำนวนหนึ่ง และหมวกกันน็อก 5 ใบ  

         นางเกษร รอดเพชรไทย อายุ 52 ปี แม่ค้าขายอาหาร ในโรงอาหารสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเก่า เปิดเผยว่า ช่วงเช้ามาทำความสะอาดร้าน พบระเบิดอยู่ในตู้เก็บของโรงอาหาร จึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจ สำหรับของกลางทั้งหมดที่ตำรวจตรวจยึดได้ จะส่งให้หน่วยตรวจพิสูจน์และเก็บกู้วัตถุระเบิด ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป 

         อีกด้านที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ วันเดียวกันนี้ สมาพันธ์ประชาธิปไตย ร่วมกับมูลนิธิวีรชน และกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ร่วมกันจัดเสวนา เรื่อง "10 ธันวาคม รัฐธรรมนูญต้องเป็นประชาธิปไตย" โดย นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. กล่าวว่า ร่างรัฐธรรมนูญที่เสนอ โดยคณะกรรมการประชาธิปไตยเพื่อการแก้รัฐธรรมนูญ หรือ คปพร.ไม่มีบทบัญญัติข้อไหนที่จะไปล้มล้างระบบองคมนตรี ข้อกล่าวหาของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นเรื่องที่โกหกทั้งสิ้น ดังนั้น คปพร.และประชาชนที่ต้องการรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย จะต้องเดินหน้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นเผด็จการ ดังนั้น ไม่ว่าพรรคการเมืองกลุ่มไหนจะจับขั้วกับพรรคไหน การผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องดำเนินต่อ อย่าให้อำนาจของอมาตยาธิปไตยมาชนะประชาธิปไตยได้ ตอนนี้ยังไม่มีการประชุมสภาเพื่อโหวตเลือกนายกฯ อยากถามนายเนวิน ชิดชอบ ว่ากลิ่นของอมาตยาธิปไตยกับกลิ่นของประชาธิปไตย อันไหนจะหอมกว่ากัน หากยอมเข้ากับกลุ่มอมาตยาธิปไตย นายเนวินจะต้องหมดความเชื่อถือจากประชาชนทั้งประเทศ  

         ขณะที่นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย แกนนำ นปช. กล่าวเสริมว่า ไม่ต้องสงสัยว่านายเนวินไปกอดคอกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้อย่างไร เพราะครั้งหนึ่งนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ก็เคยกอดคอนายอภิสิทธิ์มาก่อนแล้ว วันนี้แม้บรรดานักการเมืองจะเล่นเกมการเมืองได้เก่งจนชนะเกมการเมืองกันได้ แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ในกฎ นอกจากนี้ ยังอยากให้อดีตนายกฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โฟนอินมาในรายการความจริงวันนี้สัญจร ซึ่งจะจัดขึ้นที่สนามศุภชลาศัย 13 ธันวาคม นี้ เพื่อขอให้รัฐบาลรักษาการประกาศยุบสภาก่อน การเปลี่ยนขั้วทางการเมือง ส่วนประชาชนที่จะเดินทางมาร่วมในวันดังกล่าว ขอให้เตรียมบัตรประชาชนและสำเนา ทะเบียนบ้านมาด้วย เพื่อร่วมกันลงชื่อในการแก้ไขข้อกฎหมายต่างๆ ที่จะมีขึ้นหลังจากนี้



ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ยืนยันส่ง ปปง. 66 บริษัท หนุนพันธมิตร อัปเดตล่าสุด 11 ธันวาคม 2551 เวลา 14:33:48 21,586 อ่าน
TOP