สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และ หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
การประชุมร่วมระหว่างสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน กับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย เสร็จสิ้นเมื่อเวลา 15.45 น. วันนี้ (11 กุมภาพันธ์) รศ.สมเกียรติ จงประสิทธิ์พร อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน เป็นตัวแทนแถลงภายหลังประชุมร่วม 2 สถาบัน ว่า สำหรับข่าวที่เผยแพร่ตามหน้าหนังสือพิมพ์ ทั้งสองสถาบันไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงได้ประชุมร่วมกันเพื่อหาแนวทางแก้ไจ และผลการประชุมก็ได้ข้อสรุปออกมา 6 ข้อ คือ
1. ตั้งคณะกรรมการร่วมกันทั้งสองสถาบัน ประกอบไปด้วย อาจารย์ นักศึกษา ศิษย์เก่า ตัวแทน สกอ. และตำรวจ เพื่อร่วมกันทำกิจกรรมการพัฒนาของนักศึกษา
2. ให้คณะกรรมการจัดประชุมทำกิจกรรมร่วมกันอย่างต่อเนื่อง โดยมีคณะกรรมการ จาก สกอ. มาเป็นคนกลาง
3. เสนอให้นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ของทั้งสองสถาบันเรียนสายสามัญร่วมกัน ก่อนแยกย้ายไปเรียนวิชาเฉพาะต่อไป
4. ให้ สกอ. เป็นคนกลางจัดประชุมประจำปีร่วมกัน เพื่อรับทราบนโยบายการดำเนินงานด้านกิจกรรมร่วมกันรวมถึงอุปสรรคปัญหา
5. ให้จัดกิจกรรมระหว่างนักศึกษาชั้นปีที่1 เรียนร่วมกันในระยะยาว โดยทาง สกอ. จะเป็นเจ้าภาพในการรับน้องร่วมกัน
6. ขอให้ศิษย์เก่าและอาจารย์ของสถาบันทั้งสองแห่ง ร่วมกันรณรงค์พัฒนาด้านความคิด รวมทั้งจัดกิจกรรมของนักศึกษาให้เป็นที่ยอมรับของสังคม
รศ.สมเกียรติ กล่าวต่อว่า สำหรับข่าวที่สื่อมวลชนนำเสนอ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ และสื่ออื่นๆ นั้นสร้างความเสื่อมเสียให้กับทั้งสองสถาบัน ต่อจากนี้ก็ขอวิงวอนให้คำนึงถึงชื่อเสียงของสถาบันการศึกษาทั้งสองแห่ง เพราะการนำเสนอข่าวออกไปสถาบันทั้งสองแห่งก็ตกเป็นจำเลยสังคม และยังเน้นย้ำว่าทั้งสองสถาบันเป็นคู่อริกัน ซึ่งตรงนี้จะส่งผลให้นักศึกษาเกิดการกระทบกระทั่งกัน อยากให้เสนอข่าวก็ต่อเมื่อเหตุการณ์มีความชัดเจน มิเช่นนั้นการนำเสนอข่าวก็ยิ่งจะทำให้สถาบันการศึกษาทั้งสองแห่งเสื่อมเสีย และยังเป็นการตอกย้ำให้นักศึกษาทั้งสองสถาบันชิงชังกันเป็นระยะ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์วิวาทกันของนักศึกษาทั้งสองสถาบันเกิดขึ้นเพราะอะไร รศ.สมเกียรติ ตอบว่า สื่อก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหา เพราะสื่อนำเสนอข่าวมาโดยตลอด โดยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนร้าย และยังไม่ชัดเจนว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาเป็นฝีมือของนักศึกษาของทั้งสองสถาบันหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถจับคนร้ายได้ แล้วข่าวส่วนใหญ่ก็จะถูกโยงว่าเป็นฝีมือสถาบันคู่อริ ซึ่งเป็นชื่อของสองสถาบัน จึงทำให้นักศึกษาของทั้งสองสถาบันซึมซับเอาข้อมูลที่สื่อนำเสนอ ทำให้เกิดแค้นกันไปมาโดยไม่ทราบสาเหตุ
ดังนั้นต้นเหตุก็คือสื่อ เพราะสื่อทำให้เกิดความรู้สึก ทั้งที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นใคร จึงเกิดการตอกย้ำอย่างต่อเนื่อง อยากให้สื่อเสนอแต่ความจริงเท่านั้น
"อย่างไรก็ตามเรามีความมั่นใจว่า ในการประชุมร่วมมือกันระหว่างสองสถาบัน ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ นักศึกษา ศิษย์เก่า และผู้บริหาร เราก็เชื่อว่าจะมีแนวทางแก้ไข และจะไม่มีปัญหาเกิดขึ้นอีก" รศ.สมเกียรติ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ รศ.สมเกียรติ ตอบคำถามในเชิงโยนความผิดให้สื่อ ทำให้สื่อมวลชนทุกแขนงต่างไม่พอใจ และมีเสียงโห่ประปราย แล้วสื่อมวลชนก็อธิบายว่า การนำเสนอข่าวสารก็เสนอไปตามข้อเท็จจริง ซึ่งมีพยานหลักฐานชัดเจน ไม่เจตนาในการนำเสนอข่าวให้ทั้งสองสถาบันเสื่อมเสียชื่อเสียง
ขณะที่ นายสุริยา ปันจอร์ ส.ว.สตูล โฆษกคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา กล่าวถึงปัญหานักศึกษาทั้งสองสถาบันก่อเหตุยกพวกตีกันว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาทางสังคมไทยและเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าการระดมความคิดของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาไม่มีผลแต่อย่างใด แต่กลับเป็นการเปิดช่องท้าทายให้แก่นักศึกษาเหล่านี้ซึ่งตนเห็นว่ารัฐบาลยังไม่ให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าวเท่าที่ควร ทั้งนี้ตนเห็นว่าเหตุการณ์ยกพวกตีกันหรือเกิดเหตุความรุนแรงผู้ที่ต้องรับผิดชอบมี 3 องค์กร คือ
1. สถาบันทั้งสองแห่ง ที่ปล่อยให้เกิดปัญหาเช่นนี้อีกทั้งต้องสอบถามวิธีการสอนและแนวความคิดในการปลูกฝังให้เป็นสถาบันนิยมซึ่งทางสถาบันทั้งสองแห่งต้องทำทุกวิถีทางเพื่อแก้ส่วนนี้ให้ได้ ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยเช่นนี้ต้องมีมาตรการเด็ดขาดชัดเจนมากกว่านี้
2. ผู้บริหารระดับสูงไปจนถึงรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ ที่ไม่มีมาตรการชัดเจนในการแก้ไขปัญหา
3. พ่อแม่ ผู้ปกครอง ที่ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย เพราะจะอ้างว่าไม่ได้อยู่ดูแลเพราะห่างไกลกันเป็นข้ออ้างไม่ได้เนื่องเมื่อมีลูกหลานบุคคลนั้นก็ต้องรับผิดชอบตั้งแต่อยู่ในครรภ์จนเป็นผู้ใหญ่
สำหรับกรณีที่มีบุคคลเสนอแนวคิดให้ปิดสถาบันทั้งสองแห่งเพื่อยุติปัญหานั้น ตนเห็นว่าไม่ใช่ให้ยาแรงรักษาแต่เป็นการผ่าตัดตนจึงไม่เห็นด้วย อีกทั้งหากทำการปิดทั้งสองแห่งจะเกิดปัญหาต่อเด็กที่ต้องหาที่เรียนใหม่ และตนยังมองว่าสองสถาบันนี้ยังสร้างบุคลากรที่ดีมีประสิทธิภาพได้มากพอสมควร ทางออกที่ดีควรมีมาตรการขั้นเด็ดขาดชัดเจน และควรให้ทั้งสองสถาบันจัดเสวนาร่วมกัน หากตรวจสอบพบว่ามีอาจารย์ที่สนับสนุนและเห็นด้วยในการก่อเหตุต้องมีการลงโทษ