x close

ครูสาวประกันตัวปัดข่มขืนเด็ก 13 ปี หมอห่วงปัญหาจิต

ครูสาว ข่มขืนลูกศิษย์

 

ครูสาวประกันตัว ปัดข่มขืนเด็ก 13 ปี หมอห่วงปัญหาจิต (คมชัดลึก)

         ความคืบหน้าของคดีที่ครูสาว วัย 29 ปี ผู้สอนวิชาภาษาอังกฤษในโรงเรียนแห่งหนึ่งย่านยานนาวา กทม. ตกเป็นผู้ต้องหากระทำชำเราลูกศิษย์หนุ่มน้อยวัย 13 ปี หลังจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามการกระทำผิดต่อเด็ก เยาวชน และสตรี (ปดส.) จับกุมตัวที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าสุรศักดิ์ ย่านสาทร กทม.เมื่อช่วงค่ำวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวมาสอบปากคำอีกครั้ง เจ้าตัวก็ยังให้การยืนยันว่า ทนศิษย์รบเร้าขอมีเพศสัมพันธ์ไม่ไหว สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการยินยอมพร้อมใจ 

         โดยเมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ต.อ.ณพวัฒน์ อารยารกูร ผกก.1 ปดส.สั่งการให้ พ.ต.ท.มนัส ทองศรีม่วง พนักงานสอบสวน (สบ 3) บก.ปดส.เบิกตัว น.ส.วรรณ (นามสมมติ) อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาในคดีนี้มาจากกองปราบปราม เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมที่ บก.ปดส.โดยมี พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบก.ปดส.ร่วมสอบปากคำด้วย

         หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปดส.สอบปากคำเสร็จสิ้นแล้ว ผู้สื่อข่าวถาม น.ส.วรรณว่า เป็นการถูกกลั่นแกล้งหรือไม่ หรือว่า มีอะไรจะบอกผ่านสื่อบ้าง น.ส.วรรณ กล่าวตอบว่า ก็เป็นไปตามข่าวที่ถูกนำเสนอไปบ้างแล้ว แต่ไม่ได้มีการบังคับข่มขืนใจกัน เป็นการยินยอมพร้อมใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย 

         น.ส.วรรณ เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ก่อนเกิดเหตุอื้อฉาวนั้น เด็กมาเรียนพิเศษกับตนที่ห้องพักสองต่อสองก่อนรบเร้าขอมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งตนทนรบเร้าไม่ไหว จึงร่วมเพศกับเด็กแค่ครั้งเดียว หลังจากนั้นเด็กคนนี้พยายามติดต่อขอมีเพศสัมพันธ์อีก หากไม่ยอมจะนำเรื่องดังกล่าวไปบอกให้อาจารย์และเพื่อนทราบ จึงยอมมีเพศสัมพันธ์กับเด็กอีก 2-3 ครั้ง ต่อมาเรื่องกลับไปถึงหูอาจารย์จึงถูกตั้งกรรมการสอบสวน ตนเกิดความอับอายและเครียดมาก จึงลาออกไป คิดว่าเรื่องจะจบลงด้วยดี แต่มาก็ถูกจับกุมดังกล่าว 

         ด้าน พ.ต.ท.มนัส กล่าวว่า ผู้ต้องหาให้ความร่วมมือในการสอบปากคำเป็นอย่างดี แต่ยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยยืนยันว่า เป็นเพราะเด็กรบเร้าขอมีเพศสัมพันธ์ อย่างไรก็ตาม กฎหมายระบุว่าหากเด็กอายุไม่เกิน 18 ปี ถึงแม้จะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ถือว่ามีความผิด อีกทั้งเรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรมอันดีระหว่างครูกับลูกศิษย์  

         เมื่อถามว่า จะอนุญาตให้ประกันตัวหรือไม่ พ.ต.ท.มนัสกล่าวว่า คดีนี้จะพิจารณาให้ประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน เพราะไม่ใช่คดีร้ายแรง และผู้ต้องหาไม่น่าจะมีพฤติกรรมหลบหนีแต่อย่างใด 

         ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเย็นของวันเดียวกัน ผู้ต้องหาได้ใช้เงินสดจำนวน 2 แสนบาท ยื่นขอประกันตัวออกไป ส่วน ด.ช.เอ็ม (นามสมมติ) ที่ผู้ปกครองพาเข้าแจ้งความว่าถูกครูสาวคนดังกล่าวข่มขืนนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งตัวไปให้แพทย์ตรวจร่างกาย เพื่อหาร่องรอยการข่มขืน ซึ่งผลการตรวจแพทย์ระบุว่า ไม่พบร่องรอยถลอกตามอวัยวะเพศแต่อย่างใด 

         ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ครูสาวคนดังกล่าวเป็นคนผิวพรรณหน้าตาดี ผิวขาว รูปร่างเล็กกะทัดรัด สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว กระโปรงจีบรอบยาวคลุมเข่า ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติม ครูสาวเห็นนักข่าวและช่างภาพมารอทำข่าวเป็นจำนวนมาก จึงใช้เสื้อคลุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจปดส.คลุมศีรษะปิดบังใบหน้าอย่างมิดชิด เพื่อไม่ให้ภาพเผยแพร่ออกสู่สาธารณชน ขณะเดียวกัน บรรดาญาติของ น.ส.วรรณต่างก็มีสีหน้าเคร่งเครียด และใช้ผ้าปิดบังใบหน้าด้วยเช่นกัน 

         อย่างไรก็ตาม คดีดังกล่าว ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรมอันดีระหว่างครูกับลูกศิษย์ และไม่สมควรเกิดขึ้นในสังคมไทยด้วยประการทั้งปวง ขณะที่ พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผอ.สำนักพัฒนาสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ให้ความเห็นว่า เมื่อหลายปีก่อนก็เคยเกิดกรณีครูผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์กับนักเรียนชาย แต่ไม่ว่าจะเกิดจากการบังคับหรือยินยอมพร้อมใจ ผู้ที่มีวุฒิภาวะสูงกว่าจะต้องรับผิดชอบ เรื่องนี้เป็นเรื่องน่าศึกษาของสังคม ทั้งในมุมสุขภาพจิต จริยธรรม และกฎหมาย 

         ในแง่สุขภาพจิตนั้น พญ.อัมพร มองว่า เมื่อพูดถึงผู้เยาว์ถูกละเมิดทางเพศเป็นผู้ชาย ไม่ว่าจะเป็นการบังคับหรือพร้อมใจ ผู้อาวุโสจะผิดทั้งแง่จริยธรรมและกฎหมาย แม้สังคมจะรู้ว่าในกลไกของธรรมชาติกระบวนการมีเพศสัมพันธ์จากการบังคับฝ่ายชายมีน้อย ต้องเกิดจากความร่วมมือในระดับหนึ่ง ซึ่งเป็นกลไกทางร่างกายและธรรมชาติ แต่สังคมก็คาดหวังว่าผู้ที่มีวุฒิภาวะสูงกว่าจะเป็นต้นแบบ ยิ่งคนนั้นเป็นคนให้ความรู้ยิ่งถูกคาดหวังมาก

         "ในเชิงบรรทัดฐานเท่ากับการจูงใจ ชักจูงให้เด็กมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม การรบเร้าไม่ใช่เหตุผลให้ครูต้องร่วมมือ เพราะครูถูกคาดหวังว่า จะต้องหนักแน่น และเมื่อรู้ว่าเด็กทำผิดก็ต้องชี้แนะแนวทางที่ถูกต้อง" พญ.อัมพร ให้ความเห็นต่อกรณีคำกล่าวอ้างของครูสาวที่ให้การต่อพนักงานสอบสวน 

         ผอ.สำนักพัฒนาสุขภาพจิต วิเคราะห์ต่อว่า สาเหตุของเรื่องนี้มีรากฐานและองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น ทางชีวภาพ : ธรรมชาติของชายหญิงเมื่ออยู่ใกล้ชิดกัน มีความพึงพอใจกัน ถือเป็นจุดอ่อน ยิ่งฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหรือทั้งสองฝ่ายมีจุดอ่อนเสริมเข้ามา เช่น เรื่องความอยากรู้อยากเห็น หรือค่านิยมทางเพศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของครู อาจมีจุดอ่อนตั้งแต่ค่านิยมทางเพศ ด้านจริยธรรม หรือปัญหาสุขภาพจิต หรือทั้งสามเรื่องรวมกันก็ได้ เนื่องจากคนที่มีค่านิยมทางเพศต่างจากสังคม มักจะมีปัญหาทางจริยธรรม และคนที่มีปัญหาด้านจริยธรรมมักเป็นคนที่มีต้นทุนทางสุขภาพจิตอ่อนแอ ขาดรัก ต้องการคนสนอกสนใจ มีมุมมองโฟกัสแต่เรื่องนั้น ขาดการมองรอบด้าน ไม่ได้มองถึงความเหมาะสมทั้งต่อตัวเองและคนอื่นที่มองมา 

         พญ.อัมพร อธิบายเพิ่มเติมว่า มีจำนวนหนึ่งที่พบว่ามีโรคทางจิตเข้ามาเกี่ยวข้อง โรคที่เกิดและมีโอกาสเจอคือโรคซึมเศร้า จริยธรรมที่ผิดพลาด ขาดหลักยึดเหนี่ยวในชีวิต มีมุมมองต่อโลกต่างจากคนอื่น มีภาวะโดดเดี่ยวทางอารมณ์ ถึงแม้จะมีเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงาน แต่ก็ยังรู้สึกโดดเดี่ยว อารมณ์แปรปรวน แต่เจอไม่บ่อยนัก ส่วนใหญ่เกิดจากการใกล้ชิด เกิดจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เป็นปัญหาทางสุขภาพจิตในบางเรื่อง เช่น บุคลิกภาพที่แตกต่าง การขาดความรักความอบอุ่นในวัยเด็ก ขาดการใกล้ชิดครอบครัวที่เหมาะสม ขาดต้นแบบที่เหมาะสม เป็นต้น 

         "สมัยเด็กคงจำกันได้ จะมีครูที่เป็นต้นแบบเป็นฮีโร่ของนักเรียน ยิ่งเข้าไปใกล้ชิดคลุกคลียิ่งเกิดความสัมพันธ์ ถ้าคนๆ นั้นมีปัญหาเรื่องสุขภาพจิตในบางเรื่องก็อาจจะนำไปสู่ความสัมพันธ์ได้ แต่ถ้าเขามีอนาคตที่ดี มีคนที่รัก ก็จะสามารถเหนี่ยวรั้งให้หยุดพฤติกรรมเหล่านี้ได้" พญ.อัมพร อธิบาย 

         ด้าน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักสุขภาพจิตสังคม กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องมอง 3 ด้าน คือ...

          ด้านแรก เด็ก การที่มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรไม่ว่าเพศชายหรือหญิงเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมาะสมให้เด็ก การดำเนินชีวิตในอนาคตอาจจะผิดพลาดได้ เช่น นำไปสู่การติดโรค หรือการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ และสร้างความรู้สึกที่ไม่ดีต่อครู แม้การร่วมเพศจะมีความสุขตามมาก็ตาม

          ด้านที่สองคือ ผู้หญิงที่เป็นฝ่ายกระทำ ซึ่งการที่ผู้หญิงข่มขืนผู้ชายเกิดขึ้นได้แต่น้อยมากเมื่อเทียบกับผู้ชายข่มขืนผู้หญิง เนื่องจากผู้ชายจะมีความต้องการทางเพศมากกว่าผู้หญิง โดยผู้ชายสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้หากมีสิ่งกระตุ้นโดยตรง แต่ผู้หญิงจะต้องอาศัยเหตุการณ์มาช่วยให้เกิดอารมณ์ร่วม 

          ด้านที่สามคือ ผู้ปกครองหรือญาติของฝ่ายที่ถูกกระทบ ซึ่งจะรับไม่ได้ทั้งสิ้นไม่ว่าลูกหลานจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย จึงอาจสร้างการบาดเจ็บทางใจให้เกิดขึ้น
 

         ผอ.สำนักสุขภาพจิตสังคม กล่าวด้วยว่า ฝ่ายกระทำที่เป็นผู้หญิงเป็นผู้ใหญ่กว่ามีความคิดมากกว่า แม้จะเกิดอารมณ์ความต้องการทางเพศ ก็ต้องรู้จักยับยั้งชั่งใจไม่กระทำต่อเด็ก ซึ่งเด็กอายุ 13 ปีอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ มีความต้องการทางเพศหรือฝันเปียกแล้ว เมื่อมีการกระตุ้นทางเพศก็มีเซ็กส์ได้ 

         นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ผู้หญิงที่ชอบมีเพศสัมพันธ์กับเด็กชาย หรือผู้ชายที่ชอบมีเพศสัมพันธ์กับเด็กหญิงหรือเด็กชายที่อายุอ่อนกว่ามากๆ อาจเข้าข่ายป่วยทางจิต หรือที่เรียกว่าโรคพีโดฟิเลีย (Pedophilia) แต่จะต้องมีพฤติกรรมเช่นนี้อย่างสม่ำเสมอและไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์กับคนรุ่นเดียวกันหรือคนที่แก่กว่าได้ ซึ่งโดยสถิติแล้วผู้หญิงที่ชอบเด็กชายจะมีเพียง 1-5 % ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับผู้ชายที่ชอบเด็กหญิงมีถึง 90% สำหรับคดีนี้ ครูสาวคนดังกล่าว ยังเป็นผู้ถูกกล่าวหา แต่หากศาลพิจารณาคดีแล้วว่า มีความผิดจริง ครูสาวคนดังกล่าว ก็จะถูกถอนใบประกอบวิชาชีพครูเป็นเวลา 5 ปี 

         ดร.ดิเรก พรสีมา ประธานคณะกรรมการคุรุสภา กล่าวว่า  ยังไม่ทราบรายละเอียดเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เมื่อมีข่าวออกมาก็จะไปตรวจสอบดูว่า ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร หรือหากมีผู้ร้องเรียนเข้ามา คุรุสภาก็จะไปตรวจสอบดู แต่โดยหลักการแล้ว หากครูสาวคนดังกล่าวถูกศาลตัดสินว่ากระทำผิดจริง ก็จะต้องถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากกระทำผิดจรรยาบรรณวิชาชีพครู หลังจากพ้น 5 ปีไปแล้วก็สามารถยื่นขอใบอนุญาตได้ แต่จะต้องมีการประเมินถึงความรู้ ประสบการณ์และคุณธรรมของครูสาวคนนี้ก่อนว่าเป็นตามเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่ หากไม่เป็นไปตามเกณฑ์ก็จะไม่ได้รับอนุมัติให้ได้รับใบอนุญาต
 

 

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ครูสาวประกันตัวปัดข่มขืนเด็ก 13 ปี หมอห่วงปัญหาจิต อัปเดตล่าสุด 19 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา 15:29:54 118,031 อ่าน
TOP