ฮวงจุ้ยช่วยปรับสมดุลสุขภาพ (ชีวจิต)
ผู้รู้ในด้านฮวงจุ้ย ได้ให้นิยามของฮวงจุ้ยไว้ว่า เป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับระบบนิเวศน์ในระดับต่างๆ ทั้งระบบนิเวศน์ใหญ่ เช่น ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ การเคลื่อนย้ายตำแหน่งดาว ฯลฯ และระบบนิเวศน์เล็กๆ เช่น สังคม ชุมชน รวมทั้งบ้านเรือนที่อยู่อาศัย
ชาวจีนเชื่อกันมาตั้งแต่โบราณแล้วว่า อวัยวะต่างๆ จะทำงานได้ต้องมีพลังงาน เรียกว่า พลังชี่ ซึ่งเป็นอย่างเดียวกับมวลพลังของโลกและจักรวาล อันหมายถึงกระแสลม น้ำ สนามแม่เหล็ก ดวงดาว พลังงานต่างๆ ทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น
การจะมีสุขภาพดีต้องได้รับพลังพลังชี่ที่เพียงพอและมีการหมุนเวียนที่ดี การแพทย์แผนจีนจึงมีทั้งการนวดกดจุด และฝังเข็ม เพื่อเข้าไปช่วยเปิดทางให้พลังชี่จากธรรมชาติสามารถผ่านไปสู่อวัยวะต่างๆ ได้สะดวก ส่วนพลังชี่จะเป็นอย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับ หยิน-หยาง ด้วยเช่นกัน
หยิน-หยาง เป็นพลัง 2 ขั้ว ที่ทุกสิ่งบนโลกต้องมี ไม่มีสิ่งไหนในโลกที่จะมีเพียงหยินหรือหยางเพียงอย่างเดียว และควรมีอย่างสมดุลกัน ฉะนั้นความเป็นหยินหยางในทำเล สิ่งแวดล้อม และการจัดที่อยู่อาศัยในลักษณะต่างๆ จึงส่งผลถึงพลังชี่
พลังชี่ที่อยู่ในบริเวณที่อยู่อาศัยล้วนมาจากทิศทางต่างๆ ชี่แต่ละทิศยังมีคุณสมบัติสอดคล้องกับคลื่นความถี่ของเบญจธาตุ - ธาตุดิน น้ำ ไฟ ทอง และไม้ ซึ่งทางฮวงจุ้ยก็เชื่อว่าเป็นองค์ประกอบของคนทุกคนเช่นกัน ด้วยความที่มีคุณสมบัติสอดคล้องกันนี้พลังชี่ภายนอกจึงมีผลต่อเบญจธาตุในตัวคนด้วย พลังชี่ของแต่ละทิศที่มีคุณสมบัติสอดคล้องกับคลื่นความถี่ของเบญจธาตุ
ชี่ทิศตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ เหมือนดวงอาทิตย์ยามเช้า มีอิทธิพลกระตุ้นให้ชีวิตชีวากับร่างกาย ธาตุประจำทิศคือ ธาตุไม้
ชี่ทิศตะวันตกและตะวันตกเฉียงเหนือ เหมือนดวงอาทิตย์ในยามเย็น มีแสงที่ช่วยให้รู้สึกสงบ ผ่อนคลายความตึงเครียด ธาตุประจำทิศคือ ธาตุทอง
ชี่ทิศเหนือ ให้ความเย็น กระตุ้นความคิด ธาตุประจำทิศนี้คือ ธาตุน้ำ
ชี่ทิศใต้ ให้แรงบันดาลใจ ทั้งยังสัมพันธ์กับชื่อเสียง ธาตุประจำทิศคือ ธาตุไฟ
ชี่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และชี่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ สองทิศนี้มีคุณสมบัติทั้งบวกและลบ ธาตุประจำทิศคือ ธาตุดิน
การรู้ธาตุประจำทิศช่วยให้จัดบ้านช่องห้องหอ สถานที่ทำงานให้ได้รับพลังชี่ที่ดี อย่างไรก็ดีก่อนปรับฮวงจุ้ยต้องรู้ธาตุเจ้าเรือนก่อนว่าเป็นคนธาตุใด ซึ่งขั้นตอนนี้ต้องอาศัยการวิเคราะห์ที่แม่นยำของซินแสฮวงจุ้ยผู้มีความชำนาญ
องค์ประกอบฮวงจุ้ยสุขภาพดี
กฏเกณฑ์บางอย่างของฮวงจุ้ย เมื่อศึกษาให้ลึกลงไปแล้ว จะเห็นว่ามีรากฐานมาจากเหตุผลที่เชื่อถือได้ ที่สำคัญฮวงจุ้ยไม่มีหลักเกณฑ์ตายตัว เช่น ฮวงจุ้ยเกี่ยวกับบ้าน สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงคือ การใช้พื้นที่นั้นตามธรรมชาติ ผสมเข้ากับหลักการทั่วไปที่เรารู้จักกันอยู่แล้ว เช่น บ้านต้องมีอากาศถ่ายเทได้ดี ไม่ถูกรบกวนด้วยเสียง กลิ่น หรือสารพิษ
ทำเล
ทำเลการตั้งที่อยู่อาศัยตามหลักฮวงจุ้ยถูกแทนด้วยสัตว์ 4 ชนิด บางสำนักเชื่อว่า
เสือขาว เป็นตัวแทนของขุนเขาด้านขวาซึ่งต้องสงบนิ่งเสมอ
มังกรเขียว อยู่ซ้ายต้องเคลื่อนไหวหมายถึงพลังที่ไม่หมดสิ้น
เต่าดำ ซึ่งอยู่ด้านหลัง ก็ต้องเป็นขุนเขา เปรียบเหมือนที่มั่น ที่พักพิง
หงส์แดง เป็นตัวแทนของสายน้ำไหลเอื่อยด้านหน้า
ถ้าหากเราจะมองกันในด้านหลักจิตวิทยา ก็ต้องวนกลับไปที่หลักแห่งความสมดุลอีกเช่นเคย เพราะถ้าทั้งด้านซ้ายและด้านขวาต่างเคลื่อนไหววุ่นวายสับสนตลอดเวลา อาจทำให้ผู้อยู่อาศัยไม่ได้ผ่อนหย่อนอารมณ์ หรือพักตา พักใจเลย ตกอยู่ในสภาวะเครียดตลอดเวลา แต่ถ้าบริเวณนั้นกลับนิ่งงันทั้งสองด้าน ก็คงจะรู้สึกหดหู่ เฉื่อยชา ไม่กระตือรือร้น
แสง
ฮวงจุ้ย เปรียบหลอดไฟเสมือนดวงอาทิตย์ ทางฮวงจุ้ยนั้นใช้โคมไฟกระตุ้นชี่ให้เกิดการไหลเวียนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อแก้ไขความไม่สมดุลของพลังในบริเวณนั้นๆ เช่นในห้องน้ำของบางบ้านที่ค่อนข้างอับทึบ ซินแสอาจแนะนำให้เปิดไฟสลัวดวงเล็กๆอยู่ตลอดเวลา เพราะโดยทั่วไปห้องสุขามีสภาพเป็นหยินที่มีชี่อัปมงคลไหลเวียนอยู่ ซึ่งพลังชี่ที่ว่าก็น่าจะเป็นความอับชื้น เชื้อโรคต่างๆ การเปิดไฟดวงเล็กๆไว้จึงเหมือนเป็นการเติมหยางกระตุ้นให้ชี่ไหลเวียนอย่างสม่ำเสมอ เมื่อใช้ห้องน้ำทำให้รู้สึกสบาย ผ่อนคลาย ไม่อึดอัด
ในทางจิตวิทยานั้นทราบกันดีว่า แสงสว่างในระดับต่างๆมีผลต่อจิตใจมนุษย์ แสงสลัวทำให้รู้สึกผ่อนคลายและรู้สึกเป็นส่วนตัว แต่ถ้าแสงสว่างน้อยเกินไปทำให้ปวดศีรษะหรือปวดตา เพราะต้องเพ่งมากขึ้นในขณะทำงาน นอกจากนั้นแล้วการใช้แสงทางฮวงจุ้ยยังต้องพิจารณาเรื่องสีความสว่าง และขนาดของพื้นที่ประกอบด้วย
สี
ในศาสตร์ฮวงจุ้ย สีมีความเชื่อมโยงกับวัฏจักรเบญจธาตุ เพราะสำคัญต่อการสร้างและทำลายพลังชี่ ที่ก่อให้เกิดความสมดุลของสิ่งต่างๆ ฮวงจุ้ยจึงให้ความสำคัญต่อสีสันของทุกสิ่งรอบตัวทั้งห้องหับ เครื่องแต่งกาย ทางการแพทย์พบว่าต่อมไพเนียลในร่างกายมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสีแต่ละสีแตกต่างกัน ส่งผลให้ความรู้สึก จิตใจ ฮอร์โมน และอารมณ์ในร่างกายในขณะนั้นแตกต่างกัน เช่น พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าของแสงสีแดงมีความยาวคลื่นแสงที่สามารถทำให้คลื่นไฟฟ้าในสมองมนุษย์เกิดการเปลี่ยนแปลงได้
การเยียวยาหนึ่งที่น่าสนใจ คือ การใช้ศาสตร์ฮวงจุ้ยช่วยเยียวยาผู้มีอาการสมาธิสั้นผสมออทิสติกอ่อนๆ โดยซินแสได้จัดวางเตียงนอน เฟอร์นิเจอร์ต่างๆในบ้าน ให้เหมาะสมกับทิศทาง แสงสว่าง แนะนำให้เปลี่ยนสีสันเครื่องประดับและเครื่องแต่งกายใหม่ โดยมุ่งให้พลังชี่ในร่างกายกลับคืนสู่สภาวะหยินหยางที่สมดุล ผลที่ได้คือช่วยให้ควบคุมความรู้สึกรับรู้ ไม่ให้อ่อนไหวมากจนเกินไป (sensitive) จากเดิมที่ไม่ชอบอยู่นิ่ง ย้ำคิดย้ำทำ ก็เริ่มคลายตัวลง มีสมาธิในการทำงานและการเรียนรู้มากขึ้น อดทนมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สามารถประมวลข้อมูลและสามารถสื่อสารออกมาได้ดีขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ในระดับที่สูงขึ้นอีกด้วย
เสียง
ดนตรีจังหวะหนักเป็นหยิน และเสียงหรือดนตรีที่มีจังหวะเบาสบายเป็นหยาง เสียงนี้เชื่อมโยงกับอารมณ์ได้เป็นอย่างดี อารมณ์เครียดเป็นหยาง การเติมหยินทางเสียงจึงทำได้โดยฟังดนตรีเบาๆ ฟังเสียงน้ำรินไหลเอื่อยๆ ก็จะรู้สึกคลายความตึงเครียดลงได้ ซินแสมักแนะนำให้คนที่มีอาการเครียด นอนไม่หลับ ฟังเพลงหรือดนตรีบรรเลงเบาๆเป็นการช่วยในเรื่องภาวะทางอารมณ์ควบคู่ไปกับการแก้ฮวงจุ้ยด้านอื่นๆ เสมอ
ในทางวิทยาศาสตร์เสียงดนตรีในระดับความถี่ต่างๆ หรือการฟังเพลงที่มีอัตราจังหวะใกล้เคียงกับการเต้นของหัวใจ ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่สมองของและระบบต่างๆของร่างกาย อันดับแรกร่างกายก็จะหลั่งฮอร์โมนเอนดอร์ฟิน ฮอร์โมนแห่งความสุขออกมาช่วยลดความเครียดการฟังเสียงที่มีคุณภาพ ซึ่งประกอบด้วยเสียงสูง-ต่ำ ดัง-เบา และแหลม-ทุ้มของดนตรีช่วยเบี่ยงเบนความหมกมุ่นในใจของผู้ป่วยให้หันเหออกไปจากสภาวะเจ็บป่วยที่เป็นอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นเสียงยังช่วยให้ผู้พิการฟื้นตัวได้ดีขึ้น นอกจากนั้นแล้วระดับเสียง ความดัง และความเร็วของจังหวะยังสามารถกระตุ้นภูมิชีวิตช่วยให้ร่างกายของเราเยียวยาตัวเองได้
จัดบ้านแก้ฮวงจุ้ยช่วยสุขภาพ
ถ้าพูดกันตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว บ้านมีอิทธิพลต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ว่ายุคสมัยไหน ฮวงจุ้ยก็เป็นศาสตร์ที่มีประโยชน์และทันสมัยอยู่เสมอ เพราะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ ดังนั้นการจัดบ้านให้เหมาะสมตามหลักฮวงจุย จึงอาจเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้สุภาพกายสุขภาพใจดีขึ้นได้ ซึ่งวิธีการมีดังนี้
ที่หลับที่นอน
ทิศของห้องนอน : ห้องนอนไม่ควรอยู่ทางทิศตะวันตก อาจเป็นไปได้ว่าห้องนอนทางทิศตะวันตกนั้นรับแสงแดดช่วงบ่ายเป็นระยะเวลานาน ทำให้ห้องมีอุณหภูมิสูงจากการสะสมพลังงานความร้อน คนนอนจะนอนไม่ค่อยสบาย และทำให้นอนหลับไม่สนิทและทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียได้
ห้องนอนใกล้ห้องสุขา : ตำราฮวงจุ้ยกล่าวไว้ว่าห้องสุขาเต็มไปด้วยชี่อันชั่วร้าย ซึ่งถ้าดูตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว น่าจะหมายถึงเชื้อแบคทีเรียที่ก่อโรคต่างๆ ตลอดจนความชื้น กลิ่นไม่พึงประสงค์ ประตูห้องนอนที่ตรงกับห้องสุขา อาจทำให้มีปัญหาสุขภาพเสื่อมโทรม เจ็บออดๆ แอดๆ อยู่เสมอ ปัจจุบันห้องสุขามักอยู่ใกล้ห้องนอนหรืออยู่ในห้องนอน เมื่อได้รับความสะดวกแล้ว ก็อย่าลืมหมั่นดูแลความสะอาดและขจัดความชื้นของห้องสุขาให้แห้งสะอาดอยู่เสมอ
ห้องนอนใกล้ห้องครัว : หลักฮวงจุ้ยว่าไว้ว่า ห้องนอนไม่ควรอยู่ใกล้ห้องครัวเพราะพลังชี่ที่ร้อนแรงจากห้องครัวจะแผ่เข้ามากระทบกับสุขภาพของคนในห้องนอนได้ ความเชื่อที่สอนไว้เช่นนี้คงไม่ผิดแน่ เพราะละอองคราบน้ำมันและกลิ่นของอาหารจะทำให้ผู้นอนมีปัญหาสุขภาพได้ นอกจากนั้นแล้วอาจมีบรรดาสัตว์ที่เป็นพาหะนำโรค อย่าง หนู แมลงสาบ ได้ด้วย
เตียงกับประตู : เตียงกับประตูห้องนอนไม่ควรอยู่ตรงกัน อาจเป็นไปได้ว่าตำแหน่งใกล้ประตูเป็นตำแหน่งที่ค่อนข้างวุ่นวาย มีคนเปิดเข้าเปิดออกสร้างความรำคาญรบกวนการนอนได้ จึงทำให้นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ อาจเกิดอาการผวาสะดุ้งตื่นบ่อยครั้งเมื่อได้ยินเสียงผิดปกติใกล้ประตูมีผลต่อสภาวะทางอารมณ์ทำให้หงุดหงิด ฉุนเฉียวง่าย นอกจากนั้นแล้วตำแหน่งดังกล่าวยังเป็นตำแหน่งที่รับฝุ่นละอองอยู่เสมอ วิธีแก้ง่ายๆ อาจทำได้โดยหาบานพับลายสวยๆ มากั้นเอาไว้
คานกับเตียง : ฮวงจุ้ยเชื่อว่าขื่อคานเป็นโครงสร้างแบบกดดันและบีบคั้น มีแรงกดทับส่งผลกระทบต่ออวัยวะแลร่างกายส่วนนั้นด้วย เช่น หากคานอยู่ตรงกับส่วนท้อง ผู้นอนอาจเป็นโรคเกี่ยวกับช่องท้อง เป็นต้น มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจว่า เหล็กเส้นภายในคานสัมพันธ์กับเส้นแรงแม่เหล็กและแรงดึงดูดของโลก และผลจากแรงดึงนี้เองที่ทำให้ผู้นอนรู้สึกไม่สบายตัว
เรื่องในครัว
ทิศสำหรับห้องครัว : ทิศมงคลสำหรับห้องครัวคือทิศตะวันออก ด้วยเหตุผลที่ว่าธาตุไม้ (ทิศตะวันออก) เสริมธาตุไฟ ซึ่งห้องครัวแทนด้วยธาตุไฟ แต่ตามหลักเหตุผลแล้วผู้ปรุงอาหารจะได้รับแสงแดดอ่อนๆ ทำให้จิตใจสดชื่นแจ่มใสไปด้วย ไม่ควรทำครัวทางทิศเหนือเพราะเป็นด้านที่จะปะทะกับลมแล้งในฤดูหนาวทำให้เจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาได้ หากมีปัญหาเช่นนี้ควรเปลี่ยนที่ทำครัวใหม่ ควรแก้ไขด้วยการย้ายไปอยู่ด้านหลังของบ้านเสีย
ประตูบ้านกับห้องครัว : ห้องครัวไม่ควรเป็นที่แรกที่เปิดบ้านเข้ามาพบ เพราะห้องครัวแทนด้วยธาตุไฟ ถ้าอยู่ตำแหน่งหน้าบ้านก็จะขัดขวางพลังชี่ดีๆที่เข้ามาสู่บ้าน ส่วนเหตุผลทางตรรกศาสตร์ก็อธิบายได้ว่า มลภาวะจากควันและละอองน้ำมันจะทำให้บริเวณหน้าบ้านนี้ลอยไปจับผนังและเฟอร์นิเจอร์ต่างๆได้
เตาใต้คาน: ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องในช่องท้องทั้งสิ้น เช่นโรคกระเพาะ โรคลำไส้ การวิเคราะห์ตามหลักฮวงจุ้ยอธิบายว่าเกิดจากพลังชี่จากคานกดทับลงมาบริเวณเตา แต่ถ้าวิเคราะห์ความเป็นเหตุเป็นผลอาจบอกได้ว่าเกิดจากคานนั้นเป็นที่สะสมคราบสกปรกจากการทำอาหาร และมีความเป็นไปได้สูงที่สิ่งเหล่านี้จะร่วงหล่นลงในภาชนะหุงต้มขณะกำลังทำอาหารโดยที่เราเองก็มองไม่เห็น เป็นที่มาของโรคภัยต่างๆ ในที่สุด
สุขาอนามัย
ทิศของห้องสุขา : ทิศตะวันตกเป็นทิศสำหรับห้องสุขา ทำไมฮวงจุ้ยห้ามให้สุขาอยู่ในทิศตะวันออก และทิศเหนือ และแนะนำให้สุขาต้องอยู่ทางทิศตะวันตกเท่านั้น ทิศตะวันตกเป็นทิศที่ได้รับแสงแดดเป็นเวลานาน ห้องน้ำได้รับแสงแดดอย่างเต็มที่ ซึ่งช่วยลดความชื้น ยับยั้งแบคทีเรีย ซึ่งทำให้ไม่มีปัญหาสุขอนามัยตามมา
ตำแหน่งโถสุขภัณฑ์ : โถสุขภัณฑ์ควรอยู่ในตำแหน่งหลบมุมในห้องสุขา ไม่ควรอยู่ใกล้กับประตูห้องน้ำมากเกินไป เพราะกลิ่น ความอับชื้น และเชื้อแบคทีเรียจะเล็ดลอดออกมาทางประตู โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าห้องสุขาอยู่ใกล้กับห้องครัว นอกจากนั้นแล้วยังสร้างทัศนวิสัยที่ไม่ดีเมื่อมีคนเดินผ่านห้องน้ำอีกด้วย วิธีแก้ง่ายๆ ทำได้โดยหาบานพับมากั้นไว้
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
ผู้รู้ในด้านฮวงจุ้ย ได้ให้นิยามของฮวงจุ้ยไว้ว่า เป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับระบบนิเวศน์ในระดับต่างๆ ทั้งระบบนิเวศน์ใหญ่ เช่น ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ การเคลื่อนย้ายตำแหน่งดาว ฯลฯ และระบบนิเวศน์เล็กๆ เช่น สังคม ชุมชน รวมทั้งบ้านเรือนที่อยู่อาศัย
ชาวจีนเชื่อกันมาตั้งแต่โบราณแล้วว่า อวัยวะต่างๆ จะทำงานได้ต้องมีพลังงาน เรียกว่า พลังชี่ ซึ่งเป็นอย่างเดียวกับมวลพลังของโลกและจักรวาล อันหมายถึงกระแสลม น้ำ สนามแม่เหล็ก ดวงดาว พลังงานต่างๆ ทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น
การจะมีสุขภาพดีต้องได้รับพลังพลังชี่ที่เพียงพอและมีการหมุนเวียนที่ดี การแพทย์แผนจีนจึงมีทั้งการนวดกดจุด และฝังเข็ม เพื่อเข้าไปช่วยเปิดทางให้พลังชี่จากธรรมชาติสามารถผ่านไปสู่อวัยวะต่างๆ ได้สะดวก ส่วนพลังชี่จะเป็นอย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับ หยิน-หยาง ด้วยเช่นกัน
หยิน-หยาง เป็นพลัง 2 ขั้ว ที่ทุกสิ่งบนโลกต้องมี ไม่มีสิ่งไหนในโลกที่จะมีเพียงหยินหรือหยางเพียงอย่างเดียว และควรมีอย่างสมดุลกัน ฉะนั้นความเป็นหยินหยางในทำเล สิ่งแวดล้อม และการจัดที่อยู่อาศัยในลักษณะต่างๆ จึงส่งผลถึงพลังชี่
พลังชี่ที่อยู่ในบริเวณที่อยู่อาศัยล้วนมาจากทิศทางต่างๆ ชี่แต่ละทิศยังมีคุณสมบัติสอดคล้องกับคลื่นความถี่ของเบญจธาตุ - ธาตุดิน น้ำ ไฟ ทอง และไม้ ซึ่งทางฮวงจุ้ยก็เชื่อว่าเป็นองค์ประกอบของคนทุกคนเช่นกัน ด้วยความที่มีคุณสมบัติสอดคล้องกันนี้พลังชี่ภายนอกจึงมีผลต่อเบญจธาตุในตัวคนด้วย พลังชี่ของแต่ละทิศที่มีคุณสมบัติสอดคล้องกับคลื่นความถี่ของเบญจธาตุ
ชี่ทิศตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ เหมือนดวงอาทิตย์ยามเช้า มีอิทธิพลกระตุ้นให้ชีวิตชีวากับร่างกาย ธาตุประจำทิศคือ ธาตุไม้
ชี่ทิศตะวันตกและตะวันตกเฉียงเหนือ เหมือนดวงอาทิตย์ในยามเย็น มีแสงที่ช่วยให้รู้สึกสงบ ผ่อนคลายความตึงเครียด ธาตุประจำทิศคือ ธาตุทอง
ชี่ทิศเหนือ ให้ความเย็น กระตุ้นความคิด ธาตุประจำทิศนี้คือ ธาตุน้ำ
ชี่ทิศใต้ ให้แรงบันดาลใจ ทั้งยังสัมพันธ์กับชื่อเสียง ธาตุประจำทิศคือ ธาตุไฟ
ชี่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และชี่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ สองทิศนี้มีคุณสมบัติทั้งบวกและลบ ธาตุประจำทิศคือ ธาตุดิน
การรู้ธาตุประจำทิศช่วยให้จัดบ้านช่องห้องหอ สถานที่ทำงานให้ได้รับพลังชี่ที่ดี อย่างไรก็ดีก่อนปรับฮวงจุ้ยต้องรู้ธาตุเจ้าเรือนก่อนว่าเป็นคนธาตุใด ซึ่งขั้นตอนนี้ต้องอาศัยการวิเคราะห์ที่แม่นยำของซินแสฮวงจุ้ยผู้มีความชำนาญ
องค์ประกอบฮวงจุ้ยสุขภาพดี
กฏเกณฑ์บางอย่างของฮวงจุ้ย เมื่อศึกษาให้ลึกลงไปแล้ว จะเห็นว่ามีรากฐานมาจากเหตุผลที่เชื่อถือได้ ที่สำคัญฮวงจุ้ยไม่มีหลักเกณฑ์ตายตัว เช่น ฮวงจุ้ยเกี่ยวกับบ้าน สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงคือ การใช้พื้นที่นั้นตามธรรมชาติ ผสมเข้ากับหลักการทั่วไปที่เรารู้จักกันอยู่แล้ว เช่น บ้านต้องมีอากาศถ่ายเทได้ดี ไม่ถูกรบกวนด้วยเสียง กลิ่น หรือสารพิษ
ทำเล
ทำเลการตั้งที่อยู่อาศัยตามหลักฮวงจุ้ยถูกแทนด้วยสัตว์ 4 ชนิด บางสำนักเชื่อว่า
เสือขาว เป็นตัวแทนของขุนเขาด้านขวาซึ่งต้องสงบนิ่งเสมอ
มังกรเขียว อยู่ซ้ายต้องเคลื่อนไหวหมายถึงพลังที่ไม่หมดสิ้น
เต่าดำ ซึ่งอยู่ด้านหลัง ก็ต้องเป็นขุนเขา เปรียบเหมือนที่มั่น ที่พักพิง
หงส์แดง เป็นตัวแทนของสายน้ำไหลเอื่อยด้านหน้า
ถ้าหากเราจะมองกันในด้านหลักจิตวิทยา ก็ต้องวนกลับไปที่หลักแห่งความสมดุลอีกเช่นเคย เพราะถ้าทั้งด้านซ้ายและด้านขวาต่างเคลื่อนไหววุ่นวายสับสนตลอดเวลา อาจทำให้ผู้อยู่อาศัยไม่ได้ผ่อนหย่อนอารมณ์ หรือพักตา พักใจเลย ตกอยู่ในสภาวะเครียดตลอดเวลา แต่ถ้าบริเวณนั้นกลับนิ่งงันทั้งสองด้าน ก็คงจะรู้สึกหดหู่ เฉื่อยชา ไม่กระตือรือร้น
แสง
ฮวงจุ้ย เปรียบหลอดไฟเสมือนดวงอาทิตย์ ทางฮวงจุ้ยนั้นใช้โคมไฟกระตุ้นชี่ให้เกิดการไหลเวียนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อแก้ไขความไม่สมดุลของพลังในบริเวณนั้นๆ เช่นในห้องน้ำของบางบ้านที่ค่อนข้างอับทึบ ซินแสอาจแนะนำให้เปิดไฟสลัวดวงเล็กๆอยู่ตลอดเวลา เพราะโดยทั่วไปห้องสุขามีสภาพเป็นหยินที่มีชี่อัปมงคลไหลเวียนอยู่ ซึ่งพลังชี่ที่ว่าก็น่าจะเป็นความอับชื้น เชื้อโรคต่างๆ การเปิดไฟดวงเล็กๆไว้จึงเหมือนเป็นการเติมหยางกระตุ้นให้ชี่ไหลเวียนอย่างสม่ำเสมอ เมื่อใช้ห้องน้ำทำให้รู้สึกสบาย ผ่อนคลาย ไม่อึดอัด
ในทางจิตวิทยานั้นทราบกันดีว่า แสงสว่างในระดับต่างๆมีผลต่อจิตใจมนุษย์ แสงสลัวทำให้รู้สึกผ่อนคลายและรู้สึกเป็นส่วนตัว แต่ถ้าแสงสว่างน้อยเกินไปทำให้ปวดศีรษะหรือปวดตา เพราะต้องเพ่งมากขึ้นในขณะทำงาน นอกจากนั้นแล้วการใช้แสงทางฮวงจุ้ยยังต้องพิจารณาเรื่องสีความสว่าง และขนาดของพื้นที่ประกอบด้วย
สี
ในศาสตร์ฮวงจุ้ย สีมีความเชื่อมโยงกับวัฏจักรเบญจธาตุ เพราะสำคัญต่อการสร้างและทำลายพลังชี่ ที่ก่อให้เกิดความสมดุลของสิ่งต่างๆ ฮวงจุ้ยจึงให้ความสำคัญต่อสีสันของทุกสิ่งรอบตัวทั้งห้องหับ เครื่องแต่งกาย ทางการแพทย์พบว่าต่อมไพเนียลในร่างกายมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสีแต่ละสีแตกต่างกัน ส่งผลให้ความรู้สึก จิตใจ ฮอร์โมน และอารมณ์ในร่างกายในขณะนั้นแตกต่างกัน เช่น พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าของแสงสีแดงมีความยาวคลื่นแสงที่สามารถทำให้คลื่นไฟฟ้าในสมองมนุษย์เกิดการเปลี่ยนแปลงได้
การเยียวยาหนึ่งที่น่าสนใจ คือ การใช้ศาสตร์ฮวงจุ้ยช่วยเยียวยาผู้มีอาการสมาธิสั้นผสมออทิสติกอ่อนๆ โดยซินแสได้จัดวางเตียงนอน เฟอร์นิเจอร์ต่างๆในบ้าน ให้เหมาะสมกับทิศทาง แสงสว่าง แนะนำให้เปลี่ยนสีสันเครื่องประดับและเครื่องแต่งกายใหม่ โดยมุ่งให้พลังชี่ในร่างกายกลับคืนสู่สภาวะหยินหยางที่สมดุล ผลที่ได้คือช่วยให้ควบคุมความรู้สึกรับรู้ ไม่ให้อ่อนไหวมากจนเกินไป (sensitive) จากเดิมที่ไม่ชอบอยู่นิ่ง ย้ำคิดย้ำทำ ก็เริ่มคลายตัวลง มีสมาธิในการทำงานและการเรียนรู้มากขึ้น อดทนมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สามารถประมวลข้อมูลและสามารถสื่อสารออกมาได้ดีขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ในระดับที่สูงขึ้นอีกด้วย
เสียง
ดนตรีจังหวะหนักเป็นหยิน และเสียงหรือดนตรีที่มีจังหวะเบาสบายเป็นหยาง เสียงนี้เชื่อมโยงกับอารมณ์ได้เป็นอย่างดี อารมณ์เครียดเป็นหยาง การเติมหยินทางเสียงจึงทำได้โดยฟังดนตรีเบาๆ ฟังเสียงน้ำรินไหลเอื่อยๆ ก็จะรู้สึกคลายความตึงเครียดลงได้ ซินแสมักแนะนำให้คนที่มีอาการเครียด นอนไม่หลับ ฟังเพลงหรือดนตรีบรรเลงเบาๆเป็นการช่วยในเรื่องภาวะทางอารมณ์ควบคู่ไปกับการแก้ฮวงจุ้ยด้านอื่นๆ เสมอ
ในทางวิทยาศาสตร์เสียงดนตรีในระดับความถี่ต่างๆ หรือการฟังเพลงที่มีอัตราจังหวะใกล้เคียงกับการเต้นของหัวใจ ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่สมองของและระบบต่างๆของร่างกาย อันดับแรกร่างกายก็จะหลั่งฮอร์โมนเอนดอร์ฟิน ฮอร์โมนแห่งความสุขออกมาช่วยลดความเครียดการฟังเสียงที่มีคุณภาพ ซึ่งประกอบด้วยเสียงสูง-ต่ำ ดัง-เบา และแหลม-ทุ้มของดนตรีช่วยเบี่ยงเบนความหมกมุ่นในใจของผู้ป่วยให้หันเหออกไปจากสภาวะเจ็บป่วยที่เป็นอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นเสียงยังช่วยให้ผู้พิการฟื้นตัวได้ดีขึ้น นอกจากนั้นแล้วระดับเสียง ความดัง และความเร็วของจังหวะยังสามารถกระตุ้นภูมิชีวิตช่วยให้ร่างกายของเราเยียวยาตัวเองได้
จัดบ้านแก้ฮวงจุ้ยช่วยสุขภาพ
ถ้าพูดกันตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว บ้านมีอิทธิพลต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ว่ายุคสมัยไหน ฮวงจุ้ยก็เป็นศาสตร์ที่มีประโยชน์และทันสมัยอยู่เสมอ เพราะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ ดังนั้นการจัดบ้านให้เหมาะสมตามหลักฮวงจุย จึงอาจเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้สุภาพกายสุขภาพใจดีขึ้นได้ ซึ่งวิธีการมีดังนี้
ที่หลับที่นอน
ทิศของห้องนอน : ห้องนอนไม่ควรอยู่ทางทิศตะวันตก อาจเป็นไปได้ว่าห้องนอนทางทิศตะวันตกนั้นรับแสงแดดช่วงบ่ายเป็นระยะเวลานาน ทำให้ห้องมีอุณหภูมิสูงจากการสะสมพลังงานความร้อน คนนอนจะนอนไม่ค่อยสบาย และทำให้นอนหลับไม่สนิทและทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียได้
ห้องนอนใกล้ห้องสุขา : ตำราฮวงจุ้ยกล่าวไว้ว่าห้องสุขาเต็มไปด้วยชี่อันชั่วร้าย ซึ่งถ้าดูตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว น่าจะหมายถึงเชื้อแบคทีเรียที่ก่อโรคต่างๆ ตลอดจนความชื้น กลิ่นไม่พึงประสงค์ ประตูห้องนอนที่ตรงกับห้องสุขา อาจทำให้มีปัญหาสุขภาพเสื่อมโทรม เจ็บออดๆ แอดๆ อยู่เสมอ ปัจจุบันห้องสุขามักอยู่ใกล้ห้องนอนหรืออยู่ในห้องนอน เมื่อได้รับความสะดวกแล้ว ก็อย่าลืมหมั่นดูแลความสะอาดและขจัดความชื้นของห้องสุขาให้แห้งสะอาดอยู่เสมอ
ห้องนอนใกล้ห้องครัว : หลักฮวงจุ้ยว่าไว้ว่า ห้องนอนไม่ควรอยู่ใกล้ห้องครัวเพราะพลังชี่ที่ร้อนแรงจากห้องครัวจะแผ่เข้ามากระทบกับสุขภาพของคนในห้องนอนได้ ความเชื่อที่สอนไว้เช่นนี้คงไม่ผิดแน่ เพราะละอองคราบน้ำมันและกลิ่นของอาหารจะทำให้ผู้นอนมีปัญหาสุขภาพได้ นอกจากนั้นแล้วอาจมีบรรดาสัตว์ที่เป็นพาหะนำโรค อย่าง หนู แมลงสาบ ได้ด้วย
เตียงกับประตู : เตียงกับประตูห้องนอนไม่ควรอยู่ตรงกัน อาจเป็นไปได้ว่าตำแหน่งใกล้ประตูเป็นตำแหน่งที่ค่อนข้างวุ่นวาย มีคนเปิดเข้าเปิดออกสร้างความรำคาญรบกวนการนอนได้ จึงทำให้นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ อาจเกิดอาการผวาสะดุ้งตื่นบ่อยครั้งเมื่อได้ยินเสียงผิดปกติใกล้ประตูมีผลต่อสภาวะทางอารมณ์ทำให้หงุดหงิด ฉุนเฉียวง่าย นอกจากนั้นแล้วตำแหน่งดังกล่าวยังเป็นตำแหน่งที่รับฝุ่นละอองอยู่เสมอ วิธีแก้ง่ายๆ อาจทำได้โดยหาบานพับลายสวยๆ มากั้นเอาไว้
คานกับเตียง : ฮวงจุ้ยเชื่อว่าขื่อคานเป็นโครงสร้างแบบกดดันและบีบคั้น มีแรงกดทับส่งผลกระทบต่ออวัยวะแลร่างกายส่วนนั้นด้วย เช่น หากคานอยู่ตรงกับส่วนท้อง ผู้นอนอาจเป็นโรคเกี่ยวกับช่องท้อง เป็นต้น มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจว่า เหล็กเส้นภายในคานสัมพันธ์กับเส้นแรงแม่เหล็กและแรงดึงดูดของโลก และผลจากแรงดึงนี้เองที่ทำให้ผู้นอนรู้สึกไม่สบายตัว
เรื่องในครัว
ทิศสำหรับห้องครัว : ทิศมงคลสำหรับห้องครัวคือทิศตะวันออก ด้วยเหตุผลที่ว่าธาตุไม้ (ทิศตะวันออก) เสริมธาตุไฟ ซึ่งห้องครัวแทนด้วยธาตุไฟ แต่ตามหลักเหตุผลแล้วผู้ปรุงอาหารจะได้รับแสงแดดอ่อนๆ ทำให้จิตใจสดชื่นแจ่มใสไปด้วย ไม่ควรทำครัวทางทิศเหนือเพราะเป็นด้านที่จะปะทะกับลมแล้งในฤดูหนาวทำให้เจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาได้ หากมีปัญหาเช่นนี้ควรเปลี่ยนที่ทำครัวใหม่ ควรแก้ไขด้วยการย้ายไปอยู่ด้านหลังของบ้านเสีย
ประตูบ้านกับห้องครัว : ห้องครัวไม่ควรเป็นที่แรกที่เปิดบ้านเข้ามาพบ เพราะห้องครัวแทนด้วยธาตุไฟ ถ้าอยู่ตำแหน่งหน้าบ้านก็จะขัดขวางพลังชี่ดีๆที่เข้ามาสู่บ้าน ส่วนเหตุผลทางตรรกศาสตร์ก็อธิบายได้ว่า มลภาวะจากควันและละอองน้ำมันจะทำให้บริเวณหน้าบ้านนี้ลอยไปจับผนังและเฟอร์นิเจอร์ต่างๆได้
เตาใต้คาน: ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องในช่องท้องทั้งสิ้น เช่นโรคกระเพาะ โรคลำไส้ การวิเคราะห์ตามหลักฮวงจุ้ยอธิบายว่าเกิดจากพลังชี่จากคานกดทับลงมาบริเวณเตา แต่ถ้าวิเคราะห์ความเป็นเหตุเป็นผลอาจบอกได้ว่าเกิดจากคานนั้นเป็นที่สะสมคราบสกปรกจากการทำอาหาร และมีความเป็นไปได้สูงที่สิ่งเหล่านี้จะร่วงหล่นลงในภาชนะหุงต้มขณะกำลังทำอาหารโดยที่เราเองก็มองไม่เห็น เป็นที่มาของโรคภัยต่างๆ ในที่สุด
สุขาอนามัย
ทิศของห้องสุขา : ทิศตะวันตกเป็นทิศสำหรับห้องสุขา ทำไมฮวงจุ้ยห้ามให้สุขาอยู่ในทิศตะวันออก และทิศเหนือ และแนะนำให้สุขาต้องอยู่ทางทิศตะวันตกเท่านั้น ทิศตะวันตกเป็นทิศที่ได้รับแสงแดดเป็นเวลานาน ห้องน้ำได้รับแสงแดดอย่างเต็มที่ ซึ่งช่วยลดความชื้น ยับยั้งแบคทีเรีย ซึ่งทำให้ไม่มีปัญหาสุขอนามัยตามมา
ตำแหน่งโถสุขภัณฑ์ : โถสุขภัณฑ์ควรอยู่ในตำแหน่งหลบมุมในห้องสุขา ไม่ควรอยู่ใกล้กับประตูห้องน้ำมากเกินไป เพราะกลิ่น ความอับชื้น และเชื้อแบคทีเรียจะเล็ดลอดออกมาทางประตู โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าห้องสุขาอยู่ใกล้กับห้องครัว นอกจากนั้นแล้วยังสร้างทัศนวิสัยที่ไม่ดีเมื่อมีคนเดินผ่านห้องน้ำอีกด้วย วิธีแก้ง่ายๆ ทำได้โดยหาบานพับมากั้นไว้
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก