ปิดฉาก อาเซียน ซัมมิท ผู้นำลงนาม ปฏิญญาชะอำ หัวหิน

ปิดฉาก อาเซียน ซัมมิท สวยงาม 10 ผู้นำลงนาม "ปฏิญญาชะอำ หัวหิน" ก้าวสู่ "ประชาคมอาเซียน" ฝ่าเศรษฐกิจโลก (มติชนออนไลน์)

          วันนี้ (1 มีนาคม) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมอาเซียน ซัมมิท ครั้งที่ 14 ได้ปิดฉากลงอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากที่ผู้นำได้แถลงการณ์และมีการลงนามระหว่างกัน โดยผู้นำอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ได้เข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนตั้งแต่ช่วงเช้า โดยระหว่างที่รถแล่นเข้าสู่โรงแรม มีนักเรียนจากหลายโรงเรียนใน อ.ชะอำ จำนวน 300 คน ยืนเรียงรายโบกธงชาติของ 10 ประเทศ เพื่อต้อนรับขบวนผู้นำ ซึ่งทันทีที่เดินทางครบมีการถ่ายรูปหมู่ร่วมกันเป็นที่ระลึก สำหรับการประชุมครั้งนี้จะมีเพียงผู้นำรัฐบาล 10 ประเทศ และเลขาธิการอาเซียนร่วมหารือเท่านั้น ทั้งนี้ การหารือใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ก็เสร็จสิ้น

10 ผู้นำอาเซียน รับรอง"ปฏิญญาชะอำ หัวหิน"

          ผลการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14 ได้ผลอย่างเป็นรูปธรรม เมื่อผู้นำ 10 ประเทศอาเซียน ร่วมกันลงนามเอกสาร และให้การรับรอง"ปฏิญญาชะอำ หัวหิน ว่าด้วยแผนงานสำหรับประชาคมอาเซียน" ค.ศ. 2009 - 2015

          ทั้งนี้ ผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนยังให้การรับรองและออกเอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการประชุมฯ อีก 6 ฉบับ ประกอบด้วย...

          1. แผนงานการจัดตั้งประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน

          2. แผนงานการจัดตั้งประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน

          3. แผนงานข้อริเริ่มเพื่อการรวมตัวของอาเซียน ฉบับที่สอง ค.ศ. 2009-2015

          4. ปฏิญญาร่วมว่าด้วยการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษในอาเซียน

          5. แถลงการณ์ว่าด้วยความมั่นคงด้านอาหารในภูมิภาคอาเซียนรวมทั้งแผนนโยบายบูรณาการความมั่นคงด้านอาหารของอาเซียน และแผนกลยุทธ์ความมั่นคงด้านอาหารของอาเซียน

          6. แถลงการณ์ว่าด้วยวิกฤตเศรษฐกิจและการเงินโลก

ภริยานายกรัฐมนตรี นำคณะคู่สมรสชมพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน

          เมื่อเวลา 10.30 น. นางพิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ ภริยานายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคู่สมรสของผู้นำรัฐมนตรีต่างประเทศ รัฐมนตรีเศรษฐกิจ และเอกอัครราชทูตประเทศอาเซียน รวมทั้งหมด 7 คน เดินทางถึงพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเดินชมความงามของสถานที่ โดยมีท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ รองราชเลขาธิการสำนักราชวัง เป็นผู้พาชม 

          ทั้งนี้ นางพิมพ์เพ็ญและคู่สมรสบุคคลสำคัญได้ชมนิทรรศการ ที่บอกเล่าถึงความเป็นมาของพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน พร้อมทั้งเดินขึ้นชมพระราชนิเวศน์ฯ ชั้นบน ห้องบรรทมของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 และโดยรอบ ทั้งหมดให้ความสนใจอย่างมากกับงานฝีมือของโทย โดยเฉพาะเมื่อเห็นนักเรียนนั่งเล่นดนตรีไทย และร้อยพวงมาลัยอย่างวิจิตรงดงาม นอกจากนี้ ยังได้พวงมาลัยเป็นของที่ระลึกกันทุกคนอีกด้วย ทั้งนี้ คณะคู่สมรสบุคคลสำคัญแห่งอาเซียนใช้เวลาชมพระราชนิเวศน์ฯ นานประมาณ 1 ชั่วโมง 

ประธานสภาที่ปรึกษาฯ อาเซียนเสนออำนาจต่อรองเมื่อเศรษฐกิจฟื้น

          ที่โรงแรมเชอราตัน หัวหิน รีสอร์ตแอนด์สปา เมื่อวันที่ 1 มีนาคม นายอรินทร์ จิรา ประธานสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน แถลงว่า สภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียนถูกตั้งขึ้นโดยผู้นำประเทศอาเซียน มีสมาชิกจากภาคธุรกิจทั้งหมด 30 คน จากชาติสมาชิกละ 3 คน ซึ่งตัวแทนจากประเทศไทยได้ถูกเสนอมาจากสภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้าและสมาคมธนาคารไทย สภาฯ มีหน้าที่ให้คำปรึกษาผู้นำชาติอาเซียนผ่านรัฐมนตรีเศรษฐกิจ

          โดยเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สภาฯ ได้ร่วมรับประทานอาหารกับผู้นำประเทศอาเซียน และได้รายงานผลการทำงานต่างๆ ให้รับทราบ เริ่มจากการสัมมนาอาเซียน บิซิเนส อินเวสเมนท์ (Asian Business Investment Summit) ระหว่างวันที่ 25-27 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เพื่อสร้างโอกาสในการขยายเครือข่ายธุรกิจของอาเซียนและพัฒนาการแข่งขันมากยิ่งขึ้น มีการหารือเกี่ยวกับปัญหาด้านเศรษฐกิจต่างๆ เช่น วิกฤตทางการเงินและการส่งออก 

          นายอรินทร์ กล่าวว่า เรื่องแรกที่เราพูดถึง คือ... 

          1. แนวคิดการตั้ง Asian Green Way เพื่อเพิ่มความสะดวกในการขนส่งสินค้าผ่านด่านศุลกากรระหว่างประเทศ ที่เร็วเร็วกว่าในปัจจุบัน 

          2. แนวคิดการตั้ง Asian Retail Chain Franchise Association เพื่อส่งเสริมยี่ห้ออาเซียน (Asian Brandname) ทำให้ประชาชนอาเซียนรู้สึกถึงความเป็นอาเซียนในตัว เพราะถ้าอาเซียนต้องการไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนใน ค.ศ.2015 เราต้องส่งเสริมเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อแฟชั่น โรงแรม หรือการท่องเที่ยว ซึ่งต้องมีมาตรฐานเดียวกันด้วย

          3. วิกฤตด้านการเงินของโลก เราต้องพัฒนาความมั่นคงด้านอาหารและพลังงานทดแทนให้เป็นรูปธรรม และควรร่วมมือกันสร้างสาธารณูปโภคให้ดีทั่วภูมิภาค เพราะเมื่อใดที่เศรษฐกิจฟื้นตัว อาเซียนจะมีความพร้อมที่สุดและมีอำนาจต่อรองที่ดีมาก ช่วงเวลานี้จึงเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการสร้างความสะดวกสบายทั่วภูมิภาคอาเซียน ถ้าเราอยากให้อาเซียนเป็นตลาดและแหล่งการผลิตเดียวกัน 

          "แม้ว่าทุกอย่างในช่วงเวลานี้จะหดตัวหมด การส่งออกหดตัว ความต้องการซื้อหดตัว ผมคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่เรายังมีโอกาสอีกมากของอาเซียน ที่จะขยายธุรกิจและสร้างเครือข่าย ยกตัวอย่างประเทศจีน ที่การส่งออกหดตัวแต่ยังมีการส่งออกที่ใหญ่ อะไรที่จีนส่งออกและสนองความต้องการซื้อของโลกไม่ได้ เราจะควรคิดว่า มีส่วนใดบ้างที่เราสามารถทดแทนช่องว่างการส่งออกของจีนได้ นอกจากนี้สินค้าของจีนยังมักมีปัญหาด้านคุณภาพอีกด้วย เราน่าจะสามารถทดแทนช่องวางในจุดนี้ได้ เพราะช่องว่างของจีนใหญ่มาก แม้ว่าอาเซียนจะร่วมกันหมด ก็ยังไม่สามารถทดแทนได้หมด" นายอรินทร์ กล่าว 

          ประธานสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน กล่าวว่า เราพบว่าธุรกิจขนาดกลางและเล็ก หรือเอสเอ็มอี กำลังประสบปัญหากู้เงินได้ลำบาก จึงอยากเสนอแนวคิดว่า อาเซียนควรมีการจัดตั้งกองทุนเพื่อให้ธุรกิจเอสเอ็มอีกู้เงินได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ รัฐบาลประเทศอาเซียนควรส่งเสริมให้มีการร่วมทุนกันมากขึ้น แต่ขณะนี้ยังคงมีปัญหาที่เรายังไม่ค่อยรู้จักกันและแข่งขันกันเอง ดังนั้น รัฐบาลชาติอาเซียนควรร่วมกันทำให้เกิดการประสานด้านธุรกิจอย่างแน่นแฟ้นเป็น Asian Joint Venture Company โดยให้ทุกประเทศถือทุนร่วมกันร้อยละ 60 

          "อาเซียนเป็นแหล่งผลิตสินค้าการเกษตรหลักของโลก ไม่ว่าจะเป็นข้าว ยางพารา น้ำมันปาล์ม น้ำตาล กาแฟหรือสัปปะรด ผมอยากยกตัวอย่างเรื่องข้าว เราควรมีการตั้งบริษัทลูกเพื่อจัดการเรื่องข้าวอย่างครบวงจร โดยนำผู้ที่มีความรู้เรื่องข้าวมาบริหาร เราจะไม่มีปัญหาเรื่องราคา ถ้าทำได้ดี ทุกประเทศอาเซียนจะได้ผลประโยชน์ทั้งหมด ทั้งนี้ หากประเทศใดไม่สามารถผลิตสินค้าได้ ก็สามารถช่วยเหลือเรื่องอื่นๆ ได้ เช่น ด้านบุคลากรหรือสถานที่จัดเก็บสินค้า" นายอรินทร์ กล่าว 

          นายอรินทร์ กล่าวด้วยว่า อาเซียนควรทำให้ทั่วโลกรู้ว่า เศรษฐกิจของเราไม่ได้แย่กว่าที่อื่น การเดินหน้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจ เราเดินช้ามาหลายปีแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาที่เราควรวิ่งได้แล้ว เพราะภาคเอกชนต้องการให้ทุกอย่างเป็นการไปด้วยความเสรี ส่วนอุปสรรคในการเป็นประชาคมเศรษฐกิจก็มีอยู่ เช่น เรื่องภาษา วัฒนธรรม ฐานะทางเศรษฐกิจที่ไม่เท่าเทียม ซึ่งรัฐบาลมีบทบาทอย่างมากในเรื่องนี้ รวมทั้งยังควรทำการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบเรื่องของอาเซียนให้มากขึ้นด้วย

สรุปลงนามเอกสาร 161 ฉบับ กรอบเดินหน้าอาเซียน

          ที่โรงแรมเชอราตัน หัวหิน รีสอร์ตแอนด์สปา เมื่อวันที่ 1 มีนาคม นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า จำนวนผู้สื่อข่าวทั้งหมดที่มาทำข่าวการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 14 มีจำนวนทั้งหมด 999 คน ส่วนเอกสารทั้งหมดที่จะมีการพิจารณากันระหว่างการประชุม 3 วันนั้น มีจำนวน 161 ฉบับ ทั้งนี้ จากทั้งหมด 161 ฉบับ มีอยู่ 1 ฉบับที่จะลงนามโดยผู้นำชาติอาเซียน ชื่อว่า "ปฏิญญาหัวหินว่าด้วยแผนงานสำหรับประชาคมอาเซียน ปี ค.ศ. 2009 - 2015" ซึ่งเป็นตัวบทครอบแผนงาน 3 ประเด็นสำคัญอาเซียน ได้แก่ 1.ด้านการเมืองและความมั่นคง 2.ด้านเศรษฐกิจ และ 3.สังคมและวัฒนธรรม ทั้งนี้ แผนงานด้านเศรษฐกิจได้มีการรับรองไปแล้วเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ขณะที่ด้านการเมืองและความความมั่นคง และด้านสังคมและวัฒนธรรม จะมีการรับรองโดยผู้นำในวันที่ 1 มีนาคมนี้ 

          นายธฤต กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีแผนงานข้อริเริ่มเพื่อการรวมตัวกันของอาเซียน ฉบับที่ 2 ค.ศ. 2009-2015, ปฏิญญาร่วมว่าด้วยการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษในอาเซียน, แถลงการณ์ร่วมว่าด้วยความมั่นคงด้านอาหารภูมิภาคอาเซียน และแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยวิกฤตเศรษฐกิจและการเงินโลก ที่จะมีการรับรองโดยผู้นำในวันเดียวกันด้วย ส่วนเอกสารที่ฉบับหนึ่ง ที่จะมีการลงนาม โดยมีผู้นำเป็นสักขีพยานคือ ความตกลงอาเซียนว่าด้วยความมั่นคงทางปิโตรเลียม 

          "หลักคร่าวๆ ของความตกลงอาเซียนว่าด้วยความมั่นคงทางปิโตรเลียม คือว่า เวทีสมาชิกตกลงกันว่า ถ้าปริมาณสำรองของแต่ละประเทศพร่องลงไปเกินร้อยละ 20 กลไลที่จะมาช่วยเหลือกัน ถ้ามีการเรียกร้อง จึงจะเริ่มต้นขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่เคยพร่องเกินร้อยละ 20 สาระสำคัญจึงจะปรับเลื่อนจากร้อยละ 20 เป็นร้อยละ 10 ถ้าใครเดือดร้อนก็จะช่วยเหลือกัน" นายธฤต กล่าว


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์คมชัดลึก และ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์