x close

ประชาธิปัตย์เปิดโปง ทุจริตนมโรงเรียน

นมโรงเรียน



ปชป.เปิดโปง ทุจริต-นมร.ร (ไทยรัฐ)

          เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 4 มีนาคม นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ระบุว่า การสอบสวนการทุจริตการจัดซื้อนมโรงเรียนของคณะกรรมการ ป.ป.ท. ในสังกัดกระทรวงยุติธรรมไม่มีกฎหมายรองรับ จะทำให้การสอบสวนเรื่องของพรรคประชาธิปัตย์เป็นโมฆะหรือไม่ว่า จะต้องแยกเป็นสองอย่างคือ การแก้ไขปัญหานายกฯได้มอบให้นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ เป็นผู้รับผิดชอบเชิญกระทรวงเกี่ยวข้องหาทางแก้ไขเรื่องนมทั้งระบบให้ได้ตั้งแต่การผลิต การจำหน่ายนมของเกษตรกรให้ได้ราคามีกำไร รวมถึงการบริหารจัดการเพื่อให้นมโรงเรียนมีคุณภาพ  

          ส่วนการที่ตนระบุในที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 3 มีนาคมว่า มีผู้มีอิทธิพลเกี่ยวข้องไปล็อกโควตานมจนเกิดปัญหานั้น รัฐบาลไม่กลัวผู้มีอิทธิพลอยู่แล้ว ที่พูดไม่ใช่ว่าเราเป็นนักเลง แต่ทำเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ ต้องทำให้ดีที่สุด จะไปหวั่นเกรงใครไม่ได้ ส่วนเรื่องการสืบสวนสอบสวนเอาความผิดก็ว่าไป แต่การแก้ปัญหาให้ประชาชนและนักเรียนต้องทำให้ได้เสียก่อน

          เมื่อถามว่า หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าพรรคประชาธิปัตย์จะชงเรื่องนมโรงเรียนหวังผลการเมือง เพื่อโยนความผิดให้กับรัฐบาลที่ผ่านมา หวังจะทุบโควตาจัดซื้อของเก่าเพื่อเอื้อประโยชน์ให้เอกชนรายใหม่ นายสุเทพ ตอบว่า อย่าพูดอย่างนั้น ขอให้ดูไป รัฐบาลไม่ได้ตั้งใจไปไล่จับใคร แต่จุดประสงค์หลักคือแก้ปัญหาให้เกษตรกรและนักเรียน เพราะตนรู้สึกเสียใจมากที่มีคนนำนมที่ไม่มีคุณภาพไปให้เด็ก ที่ผ่านมารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ สมัยนายชวน หลีกภัย ได้ทำโครงการนี้เพื่อหวังให้เด็กได้รับสารอาหาร แต่คนบางคนมันเลวร้าย เอาแป้งไปละลายน้ำแล้วนำไปให้เด็กถือว่าแย่มาก ยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีผลประโยชน์ในเรื่องนี้ แต่ที่ต้องดำเนินการ เพราะจะไม่ให้เงินภาษีของประชาชนที่จะนำไปซื้อนมให้เด็กถูกคนร้ายเอาไปปู้ยี่ปู้ยำจนเกิดความเสียหาย รัฐบาลยอมไม่ได้ 

          ตอนสายวันเดียวกัน ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาปัญหานมโรงเรียนไม่มีคุณภาพ โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง อาทิ นายเจริญ เดชเกิด ตัวแทนผู้ประกอบการส่งนมรายใหญ่ในโซน 2 ภาคใต้ นายวิศวะ คงแก้ว ผอ.วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีชุมพร นายสมศักดิ์ จันทร์รุ่ง ตัวแทนกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น นอกจากนี้ มีตัวแทนกรมสรรพากร พร้อมด้วยตัวแทนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตัวแทนผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา ตัวแทนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เข้าร่วมสังเกตการณ์ ภายหลังการประชุม นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการฯ พร้อมนายสุวโรช พะลัง ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการฯ ร่วมกันแถลงข่าว

          นายประชากล่าวว่า ที่ประชุมพิจารณาถึงปัญหาไม่ได้มาตรฐาน ปรากฏว่าพบหลักฐานการจัดส่งนมโดยเฉพาะนมผงขาดมันเนยที่นำเข้ามาในประเทศสำหรับเลี้ยงสัตว์ ที่นำเข้าเกินความจำเป็นที่จะใช้ในประเทศ ไม่ทราบว่าหน่วยงานต่างๆปล่อยให้นำเข้าได้อย่างไร เชื่อว่าส่่วนที่เกินจะนำไปแปรรูปเป็นส่วนผสมของนมโรงเรียน ทำให้นมโรงเรียนขาดคุณภาพ ทั้งนี้ โดยจะสรุปข้อมูลนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรีในวันที่ 5 มีนาคมที่นายกฯ มีความคิดที่จะกวาดล้างกระบวนการดังกล่าว และดำเนินการประมูลนมให้โปร่งใส พร้อมจะส่งข้อมูลให้ดีเอสไอ ป.ป.ช. ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ในการติดตามเส้นทางการเดินของเงินเพื่อหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังต่อไป เท่าที่ตรวจสอบนายเจริญปิดปากไม่ยอมเอ่ยพาดพิงนักการเมืองหรือผู้อยู่เบื้องหลัง แต่เชื่อว่ามีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง

          นายสุวโรชกล่าวว่า ขอขอบคุณที่นายเจริญ เดชเกิด ผู้รับสัมปทานเอเย่นต์รายใหญ่ภาคใต้ที่กล้ามาชี้แจงด้วยตัวเอง ถือเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่มาแรง มีทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ภูเก็ต ธุรกิจโรงเบียร์ ธุรกิจร้านอาหาร จึงเป็นบุคคลที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ ทั้งนี้ ที่ประชุมซักถามถึงขั้นตอนการจัดส่งน้ำนมจากสหกรณ์โคนมหนองโพธิ์ราชบุรี จำกัด (ในพระบรมราชูปถัมภ์) มายังวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีชุมพร ได้ความว่า นายเจริญมีการหลบเลี่ยงภาษีในช่วง 2 ปี โดยมีวิธีการทำสัญญาร่วมค้ากับส่วนราชการ คือวิทยาลัยเกษตรฯ และเป็นคนลงทุนสร้างโรงงาน จัดหาเครื่องจักร ป้อนวัตถุดิบให้กับวิทยาลัยดังกล่าว โดยที่วิทยาลัยไม่ต้องทำอะไรเลย แต่ได้ส่วนแบ่ง 12 สตางค์ต่อถุง ทั้งที่ราคากลางอยู่ 5-6 บาทต่อถุง ดังนั้น ส่วนที่เหลือนายเจริญจึงรับไปคนเดียว ส่วนขั้นตอนการรับเงิน อบต.จะสั่งจ่ายเช็คในนามของวิทยาลัยเกษตรฯ นายเจริญจะไปรับเงินจากวิทยาลัย ที่ได้หักส่วนแบ่งไว้เรียบร้อยแล้ว โดยนายเจริญยอมรับว่าไม่ได้มีการเสียภาษี และวิทยาลัยก็ไม่ได้หักภาษี ณ ที่จ่าย

          นายสุวโรชกล่าวว่า นายเจริญยอมรับกลางที่ประชุมว่า ได้รับสัมปทานส่งนมโรงเรียน 3 แห่งในภาคใต้ โดยทำร่วมกับวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีชุมพร วิทยาลัยเทคโนโลยีศรีวิชัย นครศรีธรรมราช และที่ จังหวัดสงขลา จากการตรวจสอบพบว่านายเจริญ น่าจะเลี่ยงภาษีในช่วง 2 ปี เป็นเงินเกือบพันล้านบาท ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่กรมสรรพากรจะต้องไปดำเนินการต่อไป โดยขบวนการหลบเลี่ยงภาษีอ้างว่า เป็นการลงทุนกับวิทยาลัย ที่เป็นการลงทุนเพื่อการเกษตร ทำสัญญากัน 10 ปี นายเจริญก็ยอมรับทุกขั้นตอน เป็นที่น่าสังเกตด้วยว่านายวิศวะเป็นอาจารย์เก่าของนายเจริญ โดยส่วนหนึ่งที่นายวิศวะต้องร่วมรับผิดชอบด้วยคือการมีส่วนร่วมในการให้นาย เจริญหลีกเลี่ยงภาษี การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดในเรื่องฮั้ว ก็จะส่งให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ แต่เราจะเดินหน้าจับคนที่เป็นเหลือบหากินกับนมเด็ก

          นอกจากนี้ ยังพบพฤติกรรมของนายเจริญช่วงที่ผ่านมาว่าเคยถูกดำเนินคดี ในข้อหาปลอมแปลงเอกสารเบิกเงิน 280 ล้านบาทมาใช้ แต่ปรากฏว่ามีการยอมความกัน โดยนายเจริญยอมจ่ายค่าเสียหายให้กับสหกรณ์โคนมเพิ่มอีก 9 แสนบาท เป็นที่น่าสังเกตว่าเรื่องนี้เป็นความผิดอาญาไม่สามารถยอมความกันได้ แต่เหตุใดมีการยอมความกันง่ายน่าจะมีเบื้องหน้าเบื้องหลังหรือไม่ และนำไปสู่การจัดโผ 68 บริษัทในการได้รับสัมปทานจัดส่งนมโรงเรียน

          "นายเจริญถือเป็นเจ้าพ่อนมในยุทธจักร แม้ยอมรับว่าไม่ได้เสียภาษี แต่ถือเป็นผู้บริสุทธิ์ แค่อยู่ในข่ายผู้ต้องสงสัย ตอนนี้พูดภาษาชาวบ้านว่า เราจับโจรได้แล้ว ส่วนจะมีใครหรือมีนักการเมืองอยู่เบื้องหลังหรือไม่ให้ดูจากมติ ครม.วันที่ 30 พฤศจิกายน 2548 จะรู้ว่าใครอยู่เบื้องหน้าเบื้องหลัง ใครเป็นคนเสนอเข้า ครม. โดยในวันที่เสนอมีการเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหานมทั้งระบบ โดยแบ่งเป็นนมดิบ นมโรงเรียน นมผงขาดมันเนย ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาระยะสั้น และยังมีการแก้ไขปัญหาระยะยาวอีก อย่างไรก็ตาม ปัญหาในขณะนี้จากข้อมูลของกรมศุลกากรชี้ชัดว่ามีการนำเข้านมผงขาดมันเนยมาก เกินความจำเป็น อาจมีการเล่นแร่แปรธาตุ นำไปผลิตเป็นนมผงให้เด็ก อยากให้รัฐบาลไปดูในสต๊อกว่าเหลืออยู่เท่าไหร่ และที่เหลือเอาไปที่ไหน และเอาไปทำอะไร" นายสุวโรชกล่าว

          ในวันเดียวกันนี้ พ.ต.อ.สุชาติ อนันต์ชัย รองอธิบดี กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจาก พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีดีเอสไอ ให้จัดชุดสืบสวนสอบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการจัดซื้อนมโรงเรียนทั่วประเทศ หลังจากผลการตรวจสอบเบื้องต้นเชื่อว่า น่าจะมีการฮั้วประมูล ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ 2542 ซึ่งกฎหมายฉบับดังกล่าวอยู่ในอำนาจสอบสวนดำเนินคดีของดีเอสไอโดยอัตโนมัติ จึงต้องประชุมร่วมกับคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาผู้แทนราษฎร และประสานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้ง ป.ป.ท. ซึ่งได้ตรวจสอบกรณีดังกล่าวก่อนหน้า เพื่อวางแนวทางสอบสวน

          อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอคงต้องรอการร้องทุกข์กล่าวโทษจากผู้เสียหายโดยตรง ถึงจะตั้งพนักงานสอบสวน เริ่มกระบวนการดำเนินคดีอาญาอย่างเป็นทางการได้ ในชั้นนี้เป็นเพียงการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน หากผลการสอบสวนพบว่าเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐก็ต้องส่งสำนวนให้ ป.ป.ท. ส่วนดีเอสไอจะดำเนินคดีอาญากับใครได้บ้าง คงต้องรอดูข้อเท็จจริงก่อนจึงสามารถพิจารณาแนวทางดำเนินการต่อไป


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

         

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ประชาธิปัตย์เปิดโปง ทุจริตนมโรงเรียน อัปเดตล่าสุด 5 มีนาคม 2552 เวลา 16:16:32 14,444 อ่าน
TOP